การสักมีผลข้างเคียง
คิดจะสัก ต้อง “คิด” ให้รอบด้าน
ก่อนที่จะตัดสินใจจรดปลายเข็มลงบนปาก แก้ม และโดยเฉพาะคิ้วนั้น แพทย์หญิงมิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรผิวหนัง แนะนำว่า
“การสักมีทั้งประโยชน์และมีโทษ รวมถึงผลข้างเคียง เพราะจากข้อมูลที่มีการศึกษาในต่างประเทศพบว่า โดยทั่วไป การสัก 100 ครั้ง มีผู้ที่ได้รับการสักร้อยละ 75 เกิดผลข้างเคียงตามมา และร้อยละ 10-15 รู้สึกผิดหวังเสียใจหลังจากได้รับการสัก
“ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัย ควรพิจารณาผู้ให้บริการ ช่างสัก หรือสถานประกอบการว่ามีความสะอาดและปลอดภัยหรือไม่ เช่น ใช้เข็มที่ใช้แล้วทิ้ง หรือเวียนเข็ม คือ เข็ม 1 เล่ม ใช้กันเป็นร้อยๆ คน ซึ่งอาจทำให้ติดโรคได้
“ส่วนสีที่นำมาใช้สักก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เมื่อก่อนคนโบราณจะใช้สีออร์แกนิก คือสีที่สลายได้ง่ายตามธรรมชาติ แต่หลังจากวิวัฒนาการดีขึ้น ก็มีการใช้สีเคมีที่มีโลหะหนักเป็นส่วนผสมมากขึ้น ซึ่งสีดังกล่าวจะมีสารก่อมะเร็ง สลายช้า และปัจจุบันยังไม่มีการควบคุมความปลอดภัยใดๆ
“ที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือ การลบหรือแก้ไขรอยสักไม่ใช่เรื่องง่าย บางคนสักแล้วมีปัญหาหรือไม่พอใจรอยสักของตนเอง แพทย์ผิวหนังจะแก้ไขด้วยการลบรอยสัก หรือใช้วิธีสักซ้ำลงไป แต่ถ้าเป็นการสักบนใบหน้าจะไม่สามารถแก้ไข หรือสักซ้ำลงไปได้ ยิ่งเป็นรอยแผลเป็นก็ยิ่งแก้ไขลำบากมาก” แพทย์หญิงมิ่งขวัญกล่าวปิดท้าย
ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นภายหลังการสัก
ไม่ว่าคุณจะต้องการสักด้วยสาเหตุใดก็ตาม นอกจากคำเตือนจากแพทย์หญิงมิ่งขวัญดังที่กล่าวมาแล้ว ข้อมูลของศูนย์เลเซอร์ผิวหนัง คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ยังเผยถึงผลกระทบของรอยสักต่อผิวหนัง ที่ควรระวังไว้ดังนี้
- การติดเชื้อ
ได้แก่ การติดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งโดยทั่วไปจะเกิดหลังจากทำการสักมาแล้ว 1-2 วัน ทำให้ผิวหนังอักเสบบวมแดง เป็นหนอง รวมถึงเชื้อไวรัส เช่น โรคตับอักเสบชนิด B เพราะเคยมีรายงานว่ามีการระบาดของโรคนี้ในกลุ่มผู้ทำการสักยันต์
- โรคผิวหนัง
เช่น โรคเรื้อนกวาง โรคแอลอี จะเกิดบริเวณรอยสัก ทำให้ผิวหนังตกสะเก็ด มีอาการคันเกิดการติดเชื้อต่อแบคทีเรียต่างๆ ได้
- ปฏิกิริยาของผิวหนังต่อสีที่ใช้ในการสัก
ถ้ามีอาการแพ้สี อาจเกิดอาการตุ่มนูน คันตามผิวหนัง ถ้ารุนแรงทำให้เกิดอักเสบเป็นหนอง
- การสักผิวหนัง และสักคิ้ว จะทำให้มีการติดเชื้อเอดส์ได้
โดยอาจเกิดจากการสัมผัสกับเลือดหรือน้ำเหลืองโดยตรง โอกาสติดโรคด้วยวิธีนี้ต้องมีแผลเปิดและปริมาณเลือดหรือน้ำเหลืองที่เข้าไปในร่างกายต้องมีจำนวนมาก
5. อาจเกิดคีลอยด์ (Keloids) หรือแผลเป็นมีลักษณะเป็นเนื้อนูนที่ผิวหนัง
ถึงอย่างนั้น การสักคิ้ว – สักแก้ม ก็ยังเป็นที่นิยม วันนี้มี 2 ประสบการณ์คนลองสัก ทั้งทางบวก และทางลบ มาให้คุณอ่านกัน