โบกมือลา ” มะเร็งต่อมน้ำเหลือง ” ได้ เพียงแค่ปรับพฤติกรรมชีวิต
หากเอ่ยชื่อของเจ้ามะเร็งพันธุ์ดุยอดฮิตที่เข้ามาป่วนชีวิตของมนุษย์เรา หนึ่งในนั้นคงหนีไม่พ้น “ มะเร็งต่อมน้ำเหลือง ” ที่ติดอันดับ 1 ใน 5 ของมะเร็ง ที่พบบ่อยในคนไทย และคาดว่าน่าจะมีผู้ป่วยใหม่ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองถึงปีละกว่า 1,000 รายเลยทีเดียว (ข้อมูลจาก ชมรมโรคมะเร็ง ต่อมน้ำเหลือง สาขาวิชาโลหิตวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย)
คุณอัจฉราพร อัมพรประเสริฐ หรือคุณนุ่ม สาวน้อยวัย 26 ปี เจ้าของประสบการณ์สุขภาพในปักษ์นี้ คืออีกหนึ่งคนที่ไม่อาจหลีกหนีโรคภัยดังกล่าว แต่ในความโชคร้ายก็ยังนับว่ามีโชคดี เมื่อท้ายที่สุด เธอได้ค้นพบวิธีเปลี่ยนมะเร็ง ให้(ใจ)เป็นสุขแบบไม่ยากเย็นนัก
ชีวิตวัยรุ่น ไม่เคยวุ่นเรื่องสุขภาพ
เพราะกำลังอยู่ในช่วงวัยรุ่น ชีวิตของคุณนุ่มจึงเต็มไปด้วยความสนุกสนานแบบเกินพิกัด ทั้งกิน ดื่ม เที่ยวกลางคืน ส่วนเรื่องการดูแลสุขภาพนั้น เธอจัดอันดับความสำคัญให้อยู่ท้ายสุดเสียอย่างนั้น
“นุ่มก็เป็นวัยรุ่นทั่วๆไปที่รักสนุก ชอบท่องเที่ยว ชอบออกไปหาของอร่อยกินกับเพื่อน ดื่มแอลกอฮอล์บ้าง นอนดึกทุกวัน ไม่ตีสองนุ่มไม่นอน บางครั้งกว่าจะได้นอนก็เช้าแล้ว ข้าวปลาก็ไม่ค่อยกิน กินแต่เค้ก ขนมหวาน
“ตอนนั้นไม่มีเรื่องสุขภาพอยู่ในหัวเลยค่ะ คิดอย่างเดียวว่า ชีวิตนี้เกิดมาต้องใช้ให้คุ้ม กินให้คุ้ม เที่ยวให้คุ้ม”
ท้ายที่สุดกว่าเธอจะรู้ว่า ทั้งหมดนี้คือการใช้ชีวิตแบบทิ้งขว้าง ไม่รักตัวเอง อาการเจ็บป่วยบางอย่างก็ค่อยๆ แสดงออกมาให้เห็น
“นุ่มเริ่มรู้สึกอ่อนเพลีย ไม่มีแรง น้ำหนักลดลง 6 กิโลกรัม คันตามเนื้อตามตัว แต่ไม่มีผื่น และจะยิ่งคันมากขึ้นตอนกลางคืน โดยเฉพาะบริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า เกายังไงก็ไม่หาย ต้องเอาปากกามาขูดๆ ถูๆ แรงๆ จนเท้าดำแห้งลอกน่าเกลียดมาก-ก-ก ส่วนขาก็ใกล้เน่าเต็มที เพราะเป็นแผลจากการเกาเต็มไปหมด”
เธอเล่าพร้อมทำหน้าตาสยดสยอง ก่อนจะย้อนเล่าเรื่องราวในอดีตต่อว่า
“แม้อาการคันจะดูรุนแรง นุ่มก็ยังไม่ตกใจนะ คิดว่าเป็นเพราะเราแพ้อาหารทะเล กระทั่งกินยาแก้แพ้ก็แล้ว ฉีดยาแก้แพ้ก็แล้ว ยังเอาไม่อยู่ เลยตัดสินใจไปหาคุณหมอดีกว่า”
คลิกเพื่ออ่านต่อหน้าถัดไป
365 วัน กับภารกิจตามหาโรคร้าย
ในเวลานั้น คุณนุ่มเข้าออกโรงพยาบาลหลายแห่งเป็นว่าเล่น ทุกที่ล้วนเจาะเลือดของเธอเพื่อหาสาเหตุของความผิดปกติ แต่ก็พบเพียงว่าร่างกายมีจำนวนเม็ดเลือดขาวมากกว่าเกณฑ์ น่าจะเกิดการติดเชื้อบางอย่าง และจบลงด้วยการจ่ายยาให้กลับมากินที่บ้าน
“นุ่มคันคะเยอแบบนั้นอยู่เกือบปี ยาแก้แพ้ไม่ช่วยอะไรเลย จนอยู่มาวันหนึ่งแจ๊คพอตแตกจ้า คลำไปเจอก้อนที่ไหปลาร้าข้างซ้ายขนาดเท่าลูกปิงปอง แต่ไม่เจ็บปวดใดๆ นะคะ
“ไปคลินิกรักษาโรคภูมิแพ้แห่งหนึ่ง เล่าอาการ โชว์ก้อนที่คอเสร็จสรรพ คุณหมอบอกทันทีเลยว่า หยุดกินยาทุกอย่างซะ แล้วรีบไปโรงพยาบาลเลย ไปพรุ่งนี้ได้ยิ่งดี ไอ้เราก็ตกใจถามกลับไปว่า ต้องรีบขนาดนั้นเลยหรอคะ คุณหมอก็ได้แต่พูดว่า ยิ่งรีบยิ่งดี ถ้าช้ากว่านี้ก็ไม่รู้สิ…”
คำพูดปริศนา ที่คุณหมอกล่าวทิ้งท้ายทำให้คุณนุ่มช็อกไปชั่วขณะ และตัดสินใจเดินทางไปโรงพยาบาลรัฐบาลแห่งหนึ่งในทันที ซึ่งกระบวนการตรวจหาสาเหตุของโรคคราวนี้ เริ่มจากการเจาะเอาน้ำที่คอของเธอไปตรวจ แต่ก็ยังไม่พบความผิดปกติอีกเช่นเคย
จนกระทั่ง แพทย์ที่ทำการรักษาตัดสินใจผ่าชิ้นเนื้อไปตรวจ โรคร้ายจึงยอมปรากฏกายขึ้น!
“คุณหมอย้อมสีชิ้นเนื้อถึง 3 ครั้งใช้เวลารวมแล้วเกือบปี กว่าจะเจอว่านุ่มเป็นมะเร็ง ต่อมน้ำเหลือง ชนิดฮอดจ์กิน (Hodgkin’s lymphoma) พอได้ยินคำว่ามะเร็งปุ๊บ น้ำตาร่วงปั๊บ ยิ่งรู้ว่า เป็นระยะที่ 3 เกือบ 4 แล้ว…ช็อกเลยค่ะ
“คุณหมอเห็นอาการเราก็อธิบายกึ่งให้กำลังใจว่า มะเร็ง ต่อมน้ำเหลืองชนิดนี้เป็นมะเร็งชนิดดีมีโอกาสหายขาด 80 เปอร์เซ็นต์ แต่ในใจตอนนั้นไม่เชื่อหมอเลยจ้ะ…มะเร็งมันมีดีด้วยหรอ” สาวน้อยหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
คลิกเพื่ออ่านต่อหน้าถัดไป
มะเร็งเปลี่ยนชีวิต
หลังจากต้องตกเป็นผู้ป่วยมะเร็งที่นับว่าอายุยังน้อย แม้จิตใจของคุณนุ่มจะบอบช้ำเอาแรง แต่เพราะกำลังใจจากคุณหมอและครอบครัว เธอจึงยอมฮึดสู้อีกครั้ง…ทั้งสู้กับโรคร้าย และสู้กับขั้นตอนการรักษาแสนทรหด
“นุ่มต้องรับยาเคมีบำบัดทั้งหมด 2 คอร์ส คอร์สละ 6 ครั้ง ครั้งแรกไม่แพ้เลย ชิลล์ๆ (หัวเราะ) พอครั้งที่ 4-5 เท่านั้นแหละ โอ้แม่เจ้า…แค่เห็นโรงพยาบาล เห็นหน้าคุณหมอก็อาเจียนแล้ว แถมผมก็ร่วงหลุดออกมาเป็นกระจุกๆ สภาพจิตใจตอนนั้นย่ำแย่มาก
“ส่วนคอร์สสุดท้ายนี่มหาโหดค่ะ ข้างในร่างกายเหมือนโดนเผามันร้อนไปหมด ทุรนทุรายมากโวยวายอาละวาดเหมือนคนบ้าเลย”
เมื่อกัดฟันสู้จนครบคอร์สการรับยาเคมีบำบัด เธอก็ได้รับข่าวดี ที่ฟังแล้วแทบไม่เชื่อหูตัวเองเลยทีเดียว
“คุณหมอสแกนร่างกาย เพื่อดูว่าเชื้อมะเร็งเป็นอย่างไรบ้าง ยอมแพ้ความอดทนที่เรามีต่อยาเคมีบำบัดไปหรือยัง แล้วก็พบว่าเขาโบกมืออำลานุ่มไปเรียบร้อยแล้ว”
ปัจจุบันนี้ คุณนุ่มจึงเป็นเพียงอดีตผู้ป่วยโรคมะเร็ง ต่อมน้ำเหลือง ชนิดฮอดจ์กินซึ่งโรคสงบลงเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม ปี พ.ศ.2559 กระนั้นสาวน้อยคนนี้ก็ยังดำรงตนอยู่ในความไม่ประมาท ด้วยการเปลี่ยนชีวิตจากสาวปาร์ตี้ มาเป็นสาวเฮลท์ตี้แบบสุดๆ ไปเลย
“ตั้งแต่ป่วย นุ่มทิ้งไลฟ์สไตล์แบบเดิมทั้งหมด จากที่ดื่มแอลกอฮอล์ กินขนมหวานต่างข้าว ก็เลิกเด็ดขาด หันมากินผัก ผลไม้ และงดเว้นเนื้อสัตว์ทุกชนิด ยกเว้นปลา ที่ผ่านการเพาะเลี้ยงตามธรรมชาติค่ะ”
เธอเล่า พร้อมพาทีมงานเดินชมสวนหลังบ้านที่ปลูกผักนานาชนิดแบบไร้สารเคมี 100 เปอร์เซ็นต์เต็ม ทั้งคะน้า โหระพา กะเพรา ผักกาดขาว ผักชี และอีกมากมาย โดยทุกๆ วัน เธอจะต้องดื่มน้ำผักและผลไม้คั้นแยกกากเป็นประจำ
“ตื่นเช้ามา นุ่มจะดื่มน้ำผัก หรือน้ำผลไม้ 1 แก้วใหญ่ ปิดท้ายด้วยตอนเย็นอีก 1 แก้วใหญ่ อาหารในแต่ละมื้อจะเน้นผักเป็นหลัก เช่น ผักลวก ผักสด กินแกล้มกับปลานึ่ง และแทบไม่ปรุงรสชาติเลย เต็มที่ก็บีบมะนาวใส่ลงไปนิดหน่อย”
“พยายามใช้ชีวิตให้ใกล้ชิดธรรมชาติมากที่สุด ทั้งการกิน อยู่ และออกกำลังกาย โดยนุ่มจะออกกำลังกายเบาๆ เช่น รดน้ำต้นไม้ เดิน หรือปั่นจักรยานรอบๆ บ้านค่ะ”
นอกจากปรับพฤติกรรมทางกายแล้ว พฤติกรรมทางใจก็สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
“นุ่มคิดว่ากำลังใจเป็นยาขนานเอกสำหรับผู้ป่วยทุกโรค ถ้าไม่มีใครให้กำลังใจ เราก็ต้องรู้จักให้กำลังใจและเห็นคุณค่าของตัวเอง อย่าลืมว่าถ้ายังมีชีวิตอยู่ เราก็สามารถทำอะไรเพื่อคนอื่นได้อีกตั้งเยอะแยะ”
นี่จึงเป็นเหมือนแรงบันดาลใจให้สาวน้อยจอมแกร่งคนนี้ อยากเป็นจิตอาสาคอยให้คำแนะนำและส่งต่อกำลังใจผู้ป่วยโรคมะเร็งด้วยกัน
“นุ่มยินดีแบ่งปันความรู้ในสิ่งที่เราเคยเป็น สิ่งที่เราเคยเจอมา เพื่อช่วยต่อกำลังใจให้คนอื่นมีพลังในการสู้กับโรคนี้ต่อไป ฉะนั้นบางวันมีคนส่งข้อความมาถาม มาปรึกษาในเฟสบุ๊ก อะไรที่นุ่มตอบได้ แนะนำได้ นุ่มก็จะทำค่ะ”
ไม่เพียงแต่เปลี่ยนมะเร็งให้ใจตนเองเป็นสุขเท่านั้น ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้ยังเปลี่ยนมะเร็งให้ใจของใครอีกหลายคนเป็นสุขเสียด้วยสิ
ข้อมูลจาก : นิตยสารชีวจิต ฉบับที่ 440