เทคนิค ดูแลไต
ทำไมถึงต้องเรียนรู้ เทคนิค ดูแลไต ? ด้วยไลฟ์สไตล์ของคนเมืองที่เร่งรีบ ก่อให้เกิดโรคยอดฮิตอย่าง โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และโรคมะเร็ง ซึ่งผู้ป่วยเหล่านี้ ต้องกินยาแทนข้าวเพื่อรักษาโรค และนั่นทำให้เสี่ยงภาวะไตวายได้ง่ายๆ
วันนี้ เราจึงสรรหาวิธีล้างพิษไตแบบง่ายๆ ที่จะทำให้คนที่จำเป็นต้องกินยามากได้หมดห่วงไปอีกเปราะ
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิงธัญญารัตน์ ธีรพรเลิศรัฐอายุรแพทย์โรคไตโรงพยาบาลสถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์ อธิบายหน้าที่ของไตว่า
“ไต มีหน้าที่ขับของเสียในร่างกาย ซึ่งเกิดจากการเผาผลาญอาหารที่กินเข้าไป รวมทั้งยาต่างๆ โดยสารพิษที่ปนเปื้อนจะถูกทำลายและขับออกทางตั
บและทางไตเป็นส่วนใหญ่
“ดังนั้น ถ้าร่างกายได้รับอาหาร หรือยา เป็นจำนวนมาก รวมทั้งยาที่มีฤทธิ์ข้างเคียงทำลายไต เช่น ยาแก้ปวดอย่างแรงที่ชื่อว่า เอ็นเสด (NSAIDS) จะส่งผลให้ไตเสื่อมลงเรื่อยๆ และอาจเร็วกว่าปกติ จนทำให้ของเสียไม่ถูกขับออก”
คลิกเลข 2 เพื่ออ่านหน้าถัดไป
Easy Ways
ถนอมไต แม้กินยามาก
เพราะหลายคนมีโรคประจำตัวและต้องกินยาเป็นจำนวนมาก คุณหมอธัญญารัตน์แนะนำว่า ยังมีวิธีที่จะช่วยถนอมไตของคุณได้
- ใช้ยาเฉพาะเท่าที่จำเป็น
คุณหมอธัญญารัตน์กล่าวว่า ผู้ป่วยทุกคนควรใช้ยาเท่าที่จำเป็น เพราะแพทย์จะให้ยาตามหลักการรักษาโรค ซึ่งกำหนดเวลาแล้วว่า ผู้ป่วยต้องกินยานานเท่าไร จึงเหมาะสมกับอายุ เพศ และการทำงานของไต หากแอบซื้อยากินเอง หรือเพิ่มปริมาณยาด้วยตนเอง ผู้ป่วยอาจได้รับยาเกินขนาดโดยไม่จำเป็น ไตจึงต้องทำงานหนักขึ้น และยังมีโอกาสเสียงได้รับผลข้างเคียงของยาเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ผู้ป่วยที่เห็นว่า อาการป่วยของตนดีขึ้นแล้ว และหยุดยาเอง ถือเป็นการกระทำที่เสี่ยงต่อสุขภาพ เพราะร่างกายอาจเกิดการดื้อยา โรคเก่าอาจกลับมาเป็นซ้ำ จึงควรหยุดยาภายใต้ดุลยพินิจของแพทย์
- ดื่มน้ำมากๆ
เพราะไตมีหน้าที่ทำลายสารพิษที่เข้าสู่ร่างกายคุณหมอธัญญารัตน์กล่าวว่า เราควรดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอวันละ 8-10 แก้ว (หากไม่มีข้อห้ามจากแพทย์ในการจำกัดปริมาณน้ำ)เพื่อช่วยให้ร่างกายขับถ่ายของเสียได้ดีขึ้นการดื่มน้ำน้อยส่งผลเสียต่อระบบเผาผลาญ ทำให้มีของเสียคั่งในร่างกาย ไตจึงต้องทำงานหนัก
นอกจากนี้ ผู้ป่วยที่ต้องรับการตรวจด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งต้องฉีดสารทึบรังสีที่ออกกฤทธิ์ทำลายไต คุณหมอธัญญารัตน์แนะนำว่า ควรดื่มน้ำมากกว่าปกติทั้งก่อนและหลังการตรวจ เพราะไตจะต้องทำหน้าที่ทำลายสารทึงรังสีออกจากร่างกาย ดังนั้น น้ำจะช่วยให้ไตทำงานดีขึ้น
คลิกเลข 3 เพื่ออ่านหน้าถัดไป
- ออกกำลังกาย
ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอตามประสิทธิภาพของร่างกายและหัวใจ เพื่อให้โลหิตไหลเวียนทั่วร่างกาย ส่งผลให้ไตทำงานได้ดียิ่งขึ้น หากไตขาดเลือด ก็จะทำให้ไตทำงานได้ไม่เต็มที่ ของเสีย หรือยาที่เรากินเข้าไปก็จะยิ่งตกค้าง
- นอนหลับให้เพียงพอ
คุณหมอธัญญารัตน์อธิบายว่า ใครที่กินยาเป็นประจำต้องพักผ่อนย่างเพียงพอ เพื่อให้ร่างกายสดชื่น กระปรี้กระเปร่า ไม่อ่อนเพลีย และมีภูมิต้านทานต่อโรคต่างๆ
ซึ่งเวลาของการนอนก็มีส่วนช่วยให้ไตที่ต้องทำงานหนักได้ฟักฟื้น โดยการนอนในตอนกลางคืนของผู้สูงอายุอาจไม่ต้องมากเทียบเท่ากับวัยทำงาน ผู้สูงวัยควรแบ่งเวลาตอนกลางวันนอนราว 1-2 ชั่วโมง แต่ทั้งนี้ การนอนในเวลากลางคืนจะเป็นเวลาดีที่สุดสำหรับไตของคนทุกเพศทุกวัย
- กินบำรุงไต
สำหรับผู้ที่กินยาจำนวนมาก คุณหมอธัญญารัตน์แนะนำให้กินอาหารรสจืด รวมทั้ง งดและลดอาหารรสเค็มจัด หวานจัด มันจัด ซึ่งการกินผัก ผลไม้ และเนื้อปลา จะช่วยให้ไตไม่ต้องทำงานหนักเพื่อขจัดของเสียในร่างกาย
รู้หลักในการใช้ยาแล้วใช่ไหมค่ะ เพียงปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ แม้จะต้องกินยามาก แต่รับรองว่า ไตของเราไม่วายอย่างแน่นอน
คลิกเลข 4 เพื่ออ่านหน้าถัดไป
Did you know?
ล้างไตด้วยอาหารได้จริงหรือ
แพทย์หญิงธัญญารัตน์ ธีรพรเลิศรัฐ กล่าวว่า “ปัจจุบันไม่มีหลักฐานยืนยันทางการแพทย์ ถึงวิธีการรักษาโรคไตด้วยอาหาร นั่นเพราะอาหาร หรือน้ำปั่นจากผัก ผลไม้ อาจมีผลเสียต่อไต เช่น กรณีของผู้ป่วยไตวายเฉียบพลันจากการดื่มน้ำมะเฟืองปั่นจำนวนมากในคราวเดียวกัน แพทย์จึงไม่แนะนำให้เยียวยารักษาไตด้วยอาหาร หรือน้ำปั่นสมุนไพร”
Cheewajit Recommend
น้ำเอนไซม์ ช่วยตับไต
สำหรับคนกินยามาก เรามีวิธีง่ายๆ ตามแบบของชีวจิต ซึ่งคิดค้นโดยกูรูต้นตำรับ อาจารย์สาทิส อินทรกำแหง จากหนังสือสุขภาพดีราคาถูกด้วยชีวจิต สำนักพิมพ์อมรินทร์สุขภาพ มาบอกค่ะ
เพียงดื่มน้ำคั้นจากแครอต(ครึ่งแก้ว) จะช่วยล้างไขมันและช่วยในการทำงานของตับ ขณะที่น้ำคั้นจากแคนตาลูปและแตงโม จะช่วยในการทำงานของไต
ข้อมูลจาก : นิตยสารชีวจิต