ปรับอาหาร สู้มะเร็งเต้านม มะเร็งสมอง
คุณสุรีย์ เสถียรวราภรณ์ อายุ 63 ปี ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่เกิดการแพร่กระจายไปที่สมอง จนกลายเป็น มะเร็งสมอง เธอรับมือกับโรคร้ายด้วยการเปลี่ยนอาหาร ปรับการรับลิ้นรับรสของตัวเอง เพื่อให้หายจากโรคร้ายนี้ แม้หมอจะพยากรณ์ว่าเธอจะอยู่ได้อีกไม่ถึงปีก็ตาม…
คุณสุรีย์เล่าประสบการณ์ป่วยของตนเองว่า
“ช่วงต้นปีพ.ศ.2554 คลำเจอก้อนขนาดเล็กๆที่เต้านม เมื่อไปตรวจ พบว่า เป็นก้อนเนื้อปกติ แต่เมื่อไปตรวจซ้ำช่วงปลายปีเดียวกัน หมอพบว่า เป็นมะเร็งเต้านมชนิด เฮอร์ ทู (Her 2) หมายถึง เป็นมะเร็งชนิดที่เซลล์มะเร็งมีตัวรับฮอร์โมน”
คุณสุรีย์จึงเข้ารับการรักษาโดยการผ่าตัด ฉายแสง รับยาเคมีบำบัด 16 ครั้ง รวมถึงต้องได้รับยาเฮอร์เซ็พตินซึ่งเป็นยารักษาแบบล็อคเป้า ระหว่างให้ยาชนิดนี้เอง คุณสุรีย์มีอาการปวดศีรษะ เห็นภาพเบลอ ทรงตัวไม่อยู่ เดินแล้วล้ม เมื่อเข้ารับการตรวจร่างกายอย่างละเอียดพบว่า มะเร็งลามไปที่สมอง สร้างความประหลาดใจให้ทีมแพทย์เป็นอย่างมาก เพราะไม่เคยมีผู้ป่วยรายใดที่มะเร็งแพร่กระจายระหว่างการให้ยาชนิดนี้เลย มีคุณสุรีย์เป็นรายแรก
“หมอบอกว่า ฉันจะอยู่ได้อีก 6 เดือน ฟังแล้วอึ้ง นึกในใจว่า 6 เดือนของหมอ แต่จริงๆแล้วอาจจะเหลือแค่ 3 เดือน ลูกสาวที่พาฉันมานั่งน้ำตาไหล ต้องปลอบลูกว่า แม่ไม่เป็นไร หมออธิบายวิธีรักษาต่อว่า ต้องฉายแสง ผ่าตัด และให้ยา แต่ก็มีผลข้างเคียงเรื่องความจำ ตอนนั้นตัวเองและลูกกสาวคิดตรงกันว่า จะลองหาวิธีอื่นในการรักษา”
อร่อยลิ้น…ลำบากกาย
การรับรู้ว่าตนเองจะมีลมหายใจเหลืออีกไม่นานเป็นความทุกข์ใหญ่หลวง ครอบครัวของคุณสุรีย์จึงพาเธอไปปฏิบัติธรรมในสถานที่ปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่งในจังหวัดสระบุรี ณ ห้วงเวลานั้น เธอได้เรียนรู้เรื่องการกินอย่างมีสติ คือ กินอาหารเพื่อเข้าไปบำรุงเลี้ยงร่างกาย แต่ไม่หลงติดในรสชาติ
“ทบทวนตัวเองเลยนะว่า ที่ผ่านมาก ฉันเป็นคนทำอาหารให้ทุกคนกิน เราก็เลือกแต่ของอร่อยๆ หมู เห็ด เป็ด ไก่ ปรุงรสให้อร่อย หวาน มัน เค็ม หรืออะไรที่เขาบอกว่า อร่อยก็ต้องไปกินกัน เพราะตอนนั้น เราไม่เคยนึกถึงเรื่องความเจ็บป่วย และไม่รู้จักว่าการกินเป็นคืออะไร ไม่รู้ว่า อาหารที่ดีต่อสุขภาพคืออะไร ”
อาจเป็นเพราะโชคชะตาหรือบุญกุศลหนุนนำ คุณสุรีย์ได้มาเรียนรู้วิธีปฏิบัติตัวตามแนวทางธรรมชาติจากคุณหมอและผู้เชี่ยวชาญหลายแห่ง จากนั้นจึงค่อยปรับเป็นวิธีดูแลสุขภาพเฉพาะตัว โดยเน้นเรื่องอาหาร
คุณสุรีย์เล่าว่า ตนเองโละเครื่องปรุงรสมากมายออกจากครัว จนเหลือเพียงไม่กี่ชนิด เช่น เกลือ ซีอิ๊วขาว น้ำตาลทรายไม่ฟอกขาว น้ำมันมะกอก ซึ่งทุกชนิดนั้นต้องเลือกที่เป็นออร์แกนิก รวมถึง ผักผลไม้ที่นำมาปรุงอาหารก็ต้องเป็นออร์แกนิกเช่นเดียวกัน และไม่กินเนื้อสัตว์เลย จะกินเพียงเนื้อปลาเท่านั้น
“เมื่อเราตั้งใจว่า เราจะอยู่ เราจะสู้ จึงต้องเปลี่ยนวิธีกินเพื่อสู้โรค ช่วงแรกบางคนอาจต้องปรับลิ้นนิดหน่อย พอนานๆเข้าจะเริ่มชิน อย่างฉันช่วงแรก ไม่รู้รสหรอก เพราะลิ้นชา เป็นผลของคีโม แต่นานวันเข้า ลิ้นก็รับรสได้ เราก็จะรู้ว่า อาหารธรรมชาติโดยตัวของมันเองก็อร่อยอยู่แล้ว แต่ปัญหาคือ พอกินไปนานๆ ก็จะเบื่อ เลยต้องขยันปรับเมนูแก้เบื่อ แต่ก็ยังต้องเป็นอาหารธรรมชาติ”
หลากเมนูสู้ มะเร็งสมอง
คุณสุรีย์แนะนำเมนูอาหารและวิธีปฏิบัติตัวสู้โรคของตนเองว่า
มื้อเช้า
“ส่วนใหญ่ต้องดื่มน้ำผักปั่น ใช้หลายผักหลายชนิดนะ หลักๆคือ แครอตบีตรู้ต ผักโขม ผักชี เซลราลี (ยังมีอีกหลายชนิด) ต่อจากนั้นสักพักจะกินสลัด เน้นผัก5 สี พวก ผักร็อกเก็ต มะเขือเทศ แครอต พริกหวาน ผักโขม พอเบื่อก็เอาผักอื่นๆมาสลับกัน ส่วนน้ำสลัดก็ทำเอง”
คุณสุรีย์แนะนำวิธีทำน้ำสลัดสุขภาพของเธอว่า ใช้น้ำส้มเขียวหวาน ½ ผล คั้นสด ผสมเข้ากับ ซีอิ๊วขาว ½ ช้อนชา น้ำส้มบาซัลมิก½ ช้อนชา น้ำมันมะกอก ½ ช้อนชา ชิมรสเอาตามชอบ ราดลงบนสลัด หรือสามารถใช้ผลไม้รสเปรี้ยวตามฤดูกาลแทนส้มเขียวขวานได้เช่น เสาวรส
หรือจะใช้น้ำมันมะพร้าวหรือน้ำมันแฟลกซี้ดแทนน้ำมันมะกอกก็ได้เช่นกัน
แต่ถ้าบางวัน เบื่อการกินสลัดผักแล้ว คุณสุรีย์จะนึ่ง มันเทศ ฟักทองหรือกล้วยกินแทนสลัด
มื้อกลางวัน
ก่อนกินมื้อกลางวัน คุณสุรีย์จะดื่มน้ำผักปั่นเป็นเครื่องดื่มรองท้องก่อน แล้วจึงกินสลัดผักเป็นมื้อกลางวันซึ่งจะเปลี่ยนชนิดผักสลัดไปตามชอบ หรือจะทำราดหน้าเจ คือใช้เส้นโฮลวีตเป็นเส้นราดหน้า ใส่เห็ดแทนเนื้อสัตว์ แล้วปรุงรสแต่น้อยโดยใช้ซีอิ๊วขาวหรือเกลือเท่านั้น
นอกจากนี้ เธอยังชอบทำผัดผัก โดยช่วงแรกๆ จะใช้น้ำเปล่าผัดผักเท่านั้น ต่อมาช่วงหลังๆ จะใช้น้ำมันมะกอกเล็กน้อยในการผัด โดยผักที่นิยมผัดคือ คะน้าออร์แกนิก เธอเล่าวิธีทำว่า
“ตั้งกระทะใส่น้ำมันมะกอกนิดเดียวหรือใช้น้ำแทนก็ได้ จากนั้นใส่กระเทียมสับ เห็ดหอม แล้วใส่คะน้า ใส่ดอกเกลือเล็กน้อย แค่นี้ก็อร่อยแล้ว เพราะเราได้ความหวานของผักคะน้า เกลือช่วยให้ผักเป็นสีเขียวน่ากิน ส่วนเห็ดหอมใส่แต่น้อย เพิ่มรสชาติและความหอมตามธรรมชาติ”
มื้อเย็น
ส่วนมื้อเย็น คุณสุรีย์จะหุงข้าวกล้องกิน กินครั้งละหนึ่งทัพพี โดยกินกับปลานึ่ง แกล้มกับ ผักนึ่งหรือลวก ต่อมาช่วงหลังๆที่ร่างกายเริ่มแข็งแรงขึ้น คุณสุรีย์ก็จะเสริมด้วยการทำน้ำจิ้มซีฟู้ดสไตล์สุขภาพ คือ ผสมน้ำมะนาว ซีอิ๊วขาว ใส่เกลือเล็กน้อยจิ้มกับผักหรือปลา
หรือบางวัน อาจทำสุกี้สุขภาพ โดยใช้น้ำซุปผักที่ได้จากการเคี่ยวหอมหัวใหญ่ หัวไชเท้าอย่างละ 1 หัวรวมกับน้ำประมาณ ½ ลิตร จนได้น้ำผักรสหวานตามธรรมชาติ นำมาต้มกับผักสารพัดชนิด จิ้มซีอิ๊วขาว
คุณสุรีย์กินอาหารธรรมชาติที่ไม่ผ่านการปรุงแต่งมา 2 ปีกว่าแล้ว ทำให้สุขภาพแข็งแรงมากขึ้น
“สุขภาพเปลี่ยนไปมากหลังจากเปลี่ยนอาหาร ไม่ปวดหัว ไม่ตาลาย จากที่ลุกเดินไม่ได้ ก็เดินไปไหนๆเองได้ ไปตลาด ไปซื้อของ โดยที่ฉันไม่ไปรักษาโรคมะเร็งสมองในโรงพยาบาลอีกเลยนะ เพียงแต่ตรวจเลือดเพื่อเช็กค่ามะเร็งเท่านั้น ซึ่งมันลดลงครึ่งหนึ่ง ฉันวัดจากสุขภาพของตัวเองว่า แข็งแรงขึ้น และก็ดูแลตัวเองอย่างนี้ไปเรื่อยๆ”
เชื่อเถอะค่ะว่าหากชนะการติดรสชาติได้ เราก็สามารถกิเลสในใจได้ และยังสามารถชนะโรคภัยไข้เจ็บหรือบรรเทาเบาบางให้อาการเป็นน้อยลงได้แน่นอน
ชีวจิต Tips ออกกำลังกายสลายโรค
นอกจากเน้นเรื่องอาหารการกิน โดยการปรับลิ้นเปลี่ยนการรับรสของตัวเองแล้ว คุณสุรีย์ยังเน้นการออกกำลักกายทุกเช้า โดยการวิ่งอยู่กับที่สลับกับการแกว่งแขน รวมแล้วใช้เวลาออกกำลังกายประมาณ 30 นาที
ข้อมูลเรื่อง “ปรับลิ้นรับรส หยุดมะเร็งเต้านม มะเร็งสมอง” จากนิตยสารชีวจิต
บทความอื่นที่น่าสนใจ
แนะวิธีจับคู่ สมุนไพรรักษาโรค บำรุงเลือด ป้องกันไขมันพอกตับ
สายกิน สายบุฟเฟ่ต์ต้องรู้ เทคนิคแก้ท้องอืดไว้ดูแลตัวเองหลังพุงระเบิด
เทคนิคใกล้ตัวช่วย โกร๊ธฮอร์โมน หลั่ง ควรทำควบคู่ออกกำลังกาย
6 ถั่วมหัศจรรย์ ยิ่งกินยิ่งอายุยืน