เปิดประสบการณ์รูปแบบใหม่ที่ร้าน CHI ซัปเปอร์คลับหรูในสไตล์เอเชียนแนวใหม่
ทำความรู้จักร้าน CHI
เริ่มต้นจากการทำความรู้จักกับร้าน ชี่ (Chi) ร้านใหม่ซึ่งได้เปิดตัวไปได้ไม่นาน เป็นแนว ซัปเปอร์คลับสไตล์ Funk Shui ที่บ่งบอกถึงความเป็นเอเชียนได้อย่างลงตัวและมีความยิ่งใหญ่อลังการสุดๆ โดยจับมือกับ บลูเอเลเฟนท์ ห้องอาหารไทยตำรับชาววังซึ่งมีชื่อเสียงระดับโลก เปิดตัวห้องอาหาร Mana Cuisine by Blue Elephant (ห้องอาหารมานะ) เพื่อนำเสนออาหารเอเชียรสเลิศตามแนวคิด Divine Nourishment ซึ่งเกิดจากการร่วมมือระหว่าง ดารีล สก็อตต์ ผู้ก่อตั้งและผู้ออกแบบร้านชี่ ได้ร่วมมือกับ Blue Elephant Restaurant Group พันธมิตรสถาบันสอนทำอาหารและเครือผู้บริหารธุรกิจห้องอาหารชั้นนำ ดำเนินงานโดย คิม สเต็ปป์ บุตรชายของมาสเตอร์เชฟ นูเรอร์ โซมานี โดยมีโทนี บิช เอ็กเซกคิวทีฟเชฟและหัวหน้าครูสอนทำอาหารจากบลูเอเลเฟนท์ ภูเก็ต รังสรรค์แนวคิดและเติมเต็มประสบการณ์การสังสรรค์ในระดับซัปเปอร์คลับของชี่ ให้สมบูรณ์แบบ นำเสนอคอร์สอาหารมื้อค่ำตามธาตุทั้ง 3 ได้แก่ ดิน น้ำและไฟ ให้แก่ลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติได้ลิ้มลองกัน
ไอเดียการตกแต่งภายในห้องอาหาร
จากแนวคิดที่อยากให้ร้านมีความเป็นเอเชียนและดูมีความยิ่งใหญ่ออกแนวมาเฟียหน่อยๆ ภายในร้านนำเอาศิลปะและลวดลายมังกรมาตกแต่งบอกได้เลยว่าใครที่ได้เข้าไปดูบรรยากาศเหมือนในหนังที่มีเจ้าพ่อมาเฟียแน่นอนเพิ่มความเก๋และอลังการด้วยการฉายภาพบนเพดานสร้างความตื่นตาตื่นใจอีกด้วย
เมนูอาหารแนะนำ
ทางร้านมีบริการคอร์สอาหาร ประกอบด้วยของว่าง อาหารเรียกน้ำย่อย ซุป ผลไม้เสิร์ฟระหว่างมื้อ อาหารจานหลัก และขนมหวาน โดยสามารถเลือกเปลี่ยนแปลงอาหารในคอร์สได้ตามธาตุทั้ง 3 ได้แก่ ธาตุไฟ (เมนูเนื้อ) ธาตุน้ำ (เมนูทะเล) และธาตุดิน (เมนูมังสวิรัติ) โดยห้องอาหารจะเปลี่ยนชุดเมนุทุก 3 เดือน เนื่องจากเชฟโทนี บิช ต้องการเรียนรู้ คาดการณ์การเปลี่ยนแปลง และประยุกต์ใช้แนวคิดใหม่เพื่อเติมเต็มจิตวิญญาณของการนำเสนอรสชาติอาหารของ Blue Elephant และ CHI อย่างครบถ้วน
เมนูที่แอดมินกิมจิไปลิ้มลองมาได้แก่ ธาตุไฟ (เมนูเนื้อ) และ ธาตุดิน (เมนูมังสวิรัติ) ไปเริ่มความอร่อยกันต่อดังนี้
คอร์สอาหาร Earth ธาตุดิน (เมนูมังสวิรัติ)
ถือว่าเอาใจคนรักสุขภาพที่สุดสำหรับสาวๆ หนุ่มๆ ที่ทานมังสวิรัติแต่แอบมีมุมอยากนั่งชิลในสถานที่เที่ยวบ้างซึ่งร้านเหล่านี้ค่อนข้างจะหาทานยากที่จะมีอาหารที่เป็นมังสวิรัติให้ทานสักเท่าไหร่ แต่เมื่อมาที่นี้บอกเลยคะว่ามีให้ทานแน่นอน ไม่น่าเชื่อว่าร้านสไตล์กึ่งผับแบบนี้จะมีเมนูนี้ด้วยและที่สำคัญมีรสชาติอร่อยถูกปากแน่นอนจริงๆ
เมนูแรกที่เชฟเสิร์ฟคือเมนูเรียกน้ำย่อยเป็นเมนูเมี่ยงคำที่เราคุ้นเคยกันดีรสชาติเมนูนี้จะเผ็ดนิดๆ ของใบชะพลู แต่ทานได้ไม่ยากสำหรับใครที่ไม่ค่อยถูกกับรสเผ็ดเท่าไหร่ เป็นการเริ่มต้นอาหารที่ดีงามมากเพราะทานแล้วก็อยากทานอีกเลยทีเดียว
Starter : Long Eggplant Salad, Charred (Burnt Shallots, roasted thai pesto and tamarind dressing)
เมนูนี้ทำจากมะเขือที่ทางเชฟนำมาปรุงอย่างพิถีพิถันเพื่อให้รสชาติออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด โดยนำเอามะเขือมาย่างไฟเพื่อให้มีความหอมนุ่มราดด้วยซอสมะขามที่ปรุงรสพิเศษ รสชาติของเมนูนี้จะออกรสเปรี้ยวหน่อยและมีความหอมกลิ่นของหอมเจียวแบบไทยๆ ด้วย
Soup : Borscht (Beetroot, red cabbage, potato, sour cream, dill)
เมนู นี้ตอนแรกรู้สึกแปลกตาด้วยการตกแต่งจานและด้วยสีซุปที่แดงที่ทำจากน้ำบีตรู ตผสมกับน้ำกะหล่ําปลีม่วงก็ทำให้ดูมีสีสันสดใส รสชาติมีความมัน มีรสเค็มนิดๆ เข้ากันอย่างลงตัว ซอสที่ตกแต่งข้างจานก็เป็นสูตรเด็ดของร้านที่ต้องกินจะได้รสชาติที่อร่อย ขึ้นด้วย
Entremet : Sparkling Fruit
เมนูล้างปากให้ความสดชื่นเพื่อทานเมนูถัดไปได้อร่อยยิ่งขึ้น
Main : Yellow Iranian Saffron Curry (Homemade paneer, mixed grilled vegetables, violet potatoes, burnt com and popcorn)
เมนูจานนี้เป็นจานหลักของคอร์สนี้ด้วยวัตถุดิบที่เชฟเลือกใช้อย่างชีสที่มีดีต่อสุขภาพแถมยังเป็นสูตรโฮมเมดที่เชฟปรุงเป็นพิเศษ ดูหน้าตามีความเป็นฟิวชั่นมีวัตถุดิบหลากหลายในจานเดียว
Dessert : Deconstructed Cheesecake
เมนูขนมหวานจานนี้หน้าตาน่ากิน รสชาติของเมนูนี้มีความเปรี้ยวจากซอสมะม่วงและมีเนื้อมะม่วงและแครกเกอร์ที่มีรสชาติเข้ากัน ขอบอกว่าจานนี้ไม่มีส่วนผสมของไข่ด้วยนะ แต่รสชาติก็ยังคงอร่อย
คอร์สอาหาร Fire ธาตุไฟ (เมนูเนื้อ)
เมนูสำหรับคนชอบทานเนื้อต้องสั่งเมนูนี้เพราะแต่ล่ะจานมันมีความเด็ดและอร่อยที่เชฟภูมิใจนำเสนอโดยเฉพาะจาน Starter เนื้อนุ่มอร่อยจนอยากจะสั่งต่อเลยทีเดียว ไม่รอช้าเราไปดูเมนูต่างๆ ของคอร์สนี้กันต่อเลยจ้า
เมนูแรกที่เชฟเสิร์ฟคือเมนูเรียกน้ำย่อยหน้าตาคล้ายกับหมั่นโถมีไส้และมันเด็ดตรงไส้นี่แหละค่ะที่ทำจากเนื้อแกะปรุงรส รสชาติค่อนข้างเข้มข้นเค็มๆ เข้ากับเนื้อเวลาทานมันเข้ากับเนื้อแป้งหมั่นโถดีจนอยากจะขอเพิ่มอีกสักชิ้นเลยทีเดียว
Starter : Beef Salad, 58°C Sous Vide (Confit quail egg yolk and mixed wild greens)
เมนูเนื้อจานนี้กิมจิบอกเลยว่าเด็ดและชอบมาก เนื้อลูกเต๋าชิ้นโตแต่เนื้อนุ่มไม่เหนียวเคี้ยวง่าย รสชาติอร่อยเข้ากับน้ำจิ้มแจ่วแบบอีสานบ้านเรามันดีงามสุดๆ
Soup : Foie Gras Tortellini (Braised Duck, krachai broth, pickled daikon and baby bok choi)
เมนูซุปร้อนๆ ที่ทำมาจากเนื้อเป็ดผสมกับฟอกาห่อด้วยแป้ง หน้าตาคล้ายๆ กับเกี๊ยว แต่เด็ดตรงน้ำซุปที่ทำมาจากสมุนไพรไทยนั่นก็คือกระช่าย มีความกลมกล่อมเข้ากันให้ความรู้สึกสดชื่น
Main : Chicken Roulade (Soy-citrus Jus,organic black rice risotto, sautéed greens
จานหลักนี้ดูเป็นเมนูเพื่อสุขภาพมากด้วยการที่เชฟเลือกใช้วัตถุดิบที่มีประโยชน์ เมนูนี้เลือกใช้สะโพกไก่มาม้วนเป็นโรลเสิร์ฟบนข้าวออแกนิกราดด้วยซอสน้ำจิ้มข้าวหมกไก่และซอสสูตรพิเศษจากทางร้าน รสชาติของข้าวจะมีกลิ่นหอมมะนาวดองมีรสเปรี้ยวทานคู่กับไก่และซอสมันเข้ากันอย่างลงตัว ผักที่ใช้ส่วนใหญ่ก็มาจากโครงการหลวงซึ่งมีก็มีความสดใหม่อยู่ตลอด
Dessert : Banoffee – ish (Caramelizd thai banana, chocolate soil, smoked banana cream and Rosemary cream)
เมนูนี้ดูแรกๆ ไม่จะไม่เหมือนขนมบานอฟฟี่แบบที่เราเคยทานกันส่วนใหญ่จะเป็นแบบแก้ววางเป็นชั้นๆ แต่ที่นี่จัดวางแบบใหม่ไม่เหมือนใครและรสชาติก็อร่อยไม่แพ้กัน ประกอบด้วยกล้วย ราดด้วยซอสครีม โรยด้วยผงช็อกโกแลต และคุกกี้โอริโอ้ตกแต่ให้ดูน่ากินด้วยโรสแมรี่ เมนูนี้ถือว่าอร่อยและห้ามพลาด
ทั้งหมดนี้เป็นเชตเมนูที่อยากจะนำเสนอ หากเพื่อนๆ คนไหนอยากจะไปลิ้มลองความอร่อยแบบกิมจิล่ะก็อย่ารอค่ะ เพราะเมนูทุกอย่างนี้จะเปลี่ยนแลงทุกๆ 3 เดือน เพื่อให้ได้ลองเมนูใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลานะจ๊ะ อ่อ!! ถ้าทานอาหารแล้วอยากจะสนุกก็ยังมีอีกห้องที่คุณจะได้สนุกไปกับเสียงดนตรีและเครื่องดื่มมากมายรอคุณอยู่
โดยคอร์สอาหารราคาเริ่มต้นที่ 1,800++ บาทต่อท่าน
เปิดให้บริการ
CHI เปิดให้บริการ วันอังคาร – วันเสาร์ เวลา 19.00 – 01.30 น.
- ห้องอาหาร Mana เปิดให้บริการ เวลา 19.00 – 22.30 น.
- คลับ เปิดให้บริการเวลา 21.00 – 01.30 น.
โทรศัพท์ 02 – 102 -0013
ที่ตั้งร้าน : 32/8 สุขุมวิท ซอย 13 ลง BTS สถานี นานา
เว็บไซต์ www.chiultralounge.com
- facebook.com/chiultralounge
- Twitter.com/chiultralounge
โดย : Admin Pak Kimji
ภาพโดย : Mee Wara