“คางกุ้งทอด” หลายคนฟังแล้วคงสงสัยว่าคางกุ้ง คืออะไร เพราะแต่ไหนแต่ไร ก็เคยได้ยินแต่หัวกุ้ง หางกุ้ง ตัวกุ้ง เจ้าส่วนที่เรียกว่า คาง มันอยู่ตรงไหนหนอ?
อยากจะบอกว่าไม่ต้องแปลกใจไป เพราะคำว่า “คางกุ้ง” คือศัพท์ที่ตั้งขึ้นมาใหม่ โดย คุณแพร-พิมพ์มาดา พัฒนปรัชญาพงศ์ ซีอีโอสาวหน้าใสแห่งบริษัทโอคุสโน่ ฟู้ด จำกัด ผู้ผลิต Okusno (โอคุสโน่) คางกุ้งทอดเจ้าแรกของประเทศไทย ที่เริ่มสร้างธุรกิจของกินเล่นสุดแหวกแนวนี้เมื่อ 3 ปีก่อน ขณะที่เธออายุเพียง 25 ปี และธุรกิจนี้ก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก จนปัจจุบันขนมของเธอมีขายแล้วทั่วประเทศ รวมถึงเริ่มส่งออกไปยังต่างประเทศอีกด้วย
ค้นพบตัวเองเร็ว ประสบความสำเร็จเร็ว
เดิมทีคุณแพรเรียนจบด้านกราฟฟิคดีไซน์ คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หลังเรียนจบก็สอบชิงทุนไปทำงานที่ประเทศสโลวีเนีย เมื่อครบกำหนดทุนจึงกลับมาเมืองไทย พร้อมกับการค้นพบแล้วว่าสิ่งที่ตัวเองชอบไม่ใช่การทำกราฟฟิคดีไซน์ ที่ต้องแก้งานบ่อยๆ จนกว่าจะถูกใจลูกค้า แต่คือการมีธุรกิจเป็นของตัวเอง และสามารถส่งสินค้านั้นไปขายยังต่างประเทศได้ “หลังกลับมาจากประเทศสโลวีเนีย แพรเริ่มทำไอศกรีมสับปะรดก่อน เนื่องจากคุณลุงทำธุรกิจส่งออกสับปะรด เราจึงคิดไอเดียคว้านเนื้อสับปะรดข้างในเอาไปทำไอศกรีม แล้วใส่กลับเข้าไปในลูกสับปะรด ส่งขายตามร้านอาหารต่างๆ ปรากฏว่าขายดีมาก แต่ทำอยู่ระยะหนึ่งก็พบปัญหาว่า การขนส่งไอศกรีมที่บรรจุลงไปในลูกสับปะรดแบบนี้ทำได้ยากต้องเสียค่าน้ำแข็งแห้งระหว่างการขนส่ง แถมอายุการเก็บรักษาก็สั้น หากจะส่งสินค้าที่เราทำออกไปขายต่างประเทศตามที่ฝันคงเป็นไปไม่ได้ จึงตัดสินใจหาธุรกิจตัวใหม่ทำ โดยตั้งใจว่าต้องเป็นสินค้าที่เก็บรักษาง่าย ขนส่งสะดวก เพื่อให้สามารถส่งไปขายยังต่างประเทศได้ ส่วนธุรกิจไอศกรีมสับปะรดก็ยกให้พี่สาวของแพรเป็นคนดูแล ซึ่งพี่สาวก็ยังทำธุรกิจนี้อยู่จนถึงปัจจุบัน”
ธุรกิจที่เกิดจาก “หัวกุ้ง” ที่เหลือจากการทำอาหาร
หลังตัดสินใจว่าจะทำธุรกิจตัวใหม่ คุณแพรปรึกษากับน้องชายอยู่นานว่าจะทำสินค้าอะไรดี กระทั่งวันหนึ่งเธอได้สังเกตเห็นหัวกุ้งที่เหลือจากการทำอาหาร จึงปิ๊งไอเดียขึ้น “วันหนึ่งคุณแม่ทำเมนูที่มีกุ้ง เรากินกุ้งแล้วทิ้งหัวไว้บนโต๊ะ แพรเลยเอาหัวกุ้งมาแงะเล่น ก็เจอว่าส่วนที่ต่อกับหัวกุ้งมันนิ่มที่สุด น่าจะเอาไปทำอะไรได้ เลยคุยกับน้องชายว่าเราลองเอาไปทำอะไรดีไหม สองคนพี่น้องเลยลองเอาไปนึ่ง ปิ้ง อบ ย่าง จนสุดท้ายค้นพบว่าทอดอร่อยที่สุด จากนั้นเราก็ลองหาข้อมูลว่าส่วนนี้เรียกว่าอะไร หาอยู่นานก็ไม่เจอเพราะมันมีแค่หัวกุ้ง หางกุ้ง เปลือกกุ้ง เราเลยตั้งชื่อเรียกมันเองว่า คางกุ้ง”
ลองผิด-ลองทอด 365 กระทะ กว่าจะได้ขนมอร่อยไม่อมน้ำมัน
“แพรกับน้องแอบลองทำกันเงียบๆ ที่บ้าน โดยใช้เวลาตอนคุณพ่อคุณแม่ออกไปทำงาน ลองทอดอยู่ประมาณ 365 กระทะค่ะ ทอดทุกวันอยู่ประมาณ 3- 4 เดือน มันยากตรงที่คางกุ้งอมน้ำมัน หรือบางทีอาจดูเหมือนไม่อมแต่พอทอดเสร็จ บรรจุลงถุงแล้วทิ้งไว้สัก 1 สัปดาห์ แกะถุงออกมาก็มีน้ำมันออกมาด้วย เราเลยลองผิดลองถูกไปเรื่อย จนสุดท้ายด้วยความพิเรนของตัวเอง ก็ทำให้ค้นพบวิธีที่ทอดแล้วไม่อมน้ำมัน รวมถึงสามารถเก็บได้นาน 1 ปีด้วย”
ทำธุรกิจสไตล์ คนช่างซักถามและกล้าลอง
สาวหน้าหมวยวัย 28 ปีคนนี้เล่าต่อว่า การทำธุรกิจในช่วงแรกนั้นประสบปัญหาหลายด้าน แต่ที่ผ่านบททดสอบต่างๆ มาได้ก็เป็นเพราะความเป็นคนขี้สงสัยและช่างซักถามของตัวเอง “ตอนแรกที่ทำมีอุปสรรคเยอะ ด้วยความที่คางกุ้ง เป็นของใหม่มากๆ ไม่เคยมีใครทำมาก่อน แพรไปเดินตามโรงคัดแยกกุ้งในจังหวัดสมุทรสาคร มีแต่คนเขาไล่กลับ เขาบอกว่าไม่มีใครทำส่วนนี้กันน้อง ถ้าจะเอาต้องเอาไปทั้งหัว แพรหาอยู่เป็นเดือนจนไปเจอผู้ใหญ่ท่านหนึ่งเขายอมแกะคางกุ้งให้จนทุกวันนี้ก็ยังซื้อกับเขาอยู่ ส่วนการทำธุรกิจมาถึงวันนี้ได้ ทั้งที่เริ่มจากศูนย์ เริ่มจากไม่มีความรู้อะไรเลยนั้น แพรว่าเป็นเพราะนิสัยแพรเป็นคนขี้สงสัยและชอบถาม เช่น แพรไม่ใช่คนเรียนจนด้านอาหาร เราไม่รู้หรอกว่าขนมที่มันพองๆ ตามท้องตลาด ทำไมมันถึงพองเขาใส่อะไรลงไป ก็โทรศัพท์เข้าไปขอนัดปรึกษาขอความรู้จากอาจารย์ที่ ม.เกษตรศาสตร์ หรือแม้แต่ซองแพ็คเกจจิ้ง เราไม่รู้ว่ามันมีกี่ชนิดเราก็ถามเซลล์ หรืออย่างการตั้งโรงงานเราใช้วิธีเดินเข้าไปติดต่อกับกระทรวงสาธารณสุข ของเขตสมุทรปราการ ปรึกษาเขาว่าถ้าเราจะขอ อ.ย. โดยเขียนแปลนโรงงานแบบนี้ ผลิตด้วยขั้นตอนอย่างนี้จะผ่านไหม พอได้รับคำแนะนำแล้วเราก็ค่อยๆ เอามาปรับจนในที่สุดก็ผ่าน อ.ย. ได้ GMP รวมถึงฮาลาลด้วย”
หลังทำขายอย่างจริงจังและได้รับมาตรฐานต่างๆ แล้ว Okusno ได้วางขายที่สยามพารากอนเป็นที่แรก ทว่าขายยังไม่ดีนัก คุณแพรจึงคิดค้นกลยุทธ์ใหม่ขึ้นมา “ตอนแรกวางขายในสยามพารากอน โดยเราลองติดต่อขอเข้าไปคุยกับฝ่ายจัดซื้อเอง พอฝ่ายจัดซื้อรับเราก็ต้องขนส่งเอง ด้วยความที่เราไม่ได้มีเงินเยอะเราเริ่มจากศูนย์ มีแค่เงินทุนต่อยอดจากไอศกรีมสับปะรดที่ทำไว้เท่านั้น พอเข้าไปขายจริงในช่วงเดือนมกราคม ปี 58 ก็ขายไม่ดีนัก เลยลองไปคุยกับทางสยามพารากอนว่าจะขอไปยืนแจก Okusno ที่ประตูหน้าห้างตรงทางเชื่อมรถไฟฟ้า หลังแจกแล้วปรากฏว่าฝ่ายจัดซื้อสั่งของเราเยอะขึ้นมาก เลยเกิดไอเดียว่าสินค้าเราจะขายได้ก็ต่อเมื่อเขาได้ชิมแล้วว่ารสชาติเป็นอย่างไร หลังจากนั้นตลอดทั้งปี แพรเลยออกบู้ทไปตามที่ต่างๆ ทุกเดือนเลย”
สร้างปรากฏการณ์ปีเดียวยอดขายโตขึ้น 500%
หลังจากเริ่มขายที่สยามพารากอนแล้ว คุณแพรก็เปิดขายสินค้าผ่านทางเฟสบุ๊ค ควบคู่ไปกับการออกบู้ท ออกงานต่างๆ รวมถึงออกบู้ทในงาน THAIFEX ทำให้สินค้า Okuno เริ่มเป็นที่รู้จักและได้รับความสนใจทั้งจากบริษัทผู้ค้ารวมถึงสื่อมวลชน จนเธอได้รับการทาบทามให้เข้าประกวดในรายการเอสเอ็มอี ตีแตก ซึ่งผลปรากฏว่าเธอได้เป็นแชมป์ของปี 2558 ทำให้ Okusno ยิ่งเป็นที่รู้จักมากขึ้น มีผู้ประกอบการรายใหญ่หลายเจ้าติดต่อนำสินค้าเธอไปจำหน่าย กระทั่งตอนนี้คางกุ้งทอดกรอบของเธอมีจำหน่ายแล้วทั่วประเทศ รวมถึงส่งออกไปยังประเทศสิงคโปร์และเกาหลีใต้แล้ว ขณะที่ผลประกอบการก็ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก “สินค้าเราตอนนี้ถือว่าได้รับการตอบรับที่ดีมาก มีการเติบโตจากปี 2558 (ซึ่งเป็นปีแรกที่เริ่มขาย) มาถึงปี 2559 เกือบ 500% เพราะเราเป็นสินค้าโนเนม พอออกรายการทีวีปุ๊บคนก็สนใจ เลยทำให้สินค้าเราโตไวมาก ส่วนรายได้ผลประกอบการขอระบุเป็นตัวเลขคร่าวๆ 8 หลักค่ะ ส่วนสาเหตุที่ทำให้สินค้าของโตเร็วขนาดนี้น่าจะเป็นเพราะความแปลก เหมือนเรามองเห็นสิ่งที่คนมองข้าม แล้วนำมาทำให้มันมีมูลค่าได้ สองคือสินค้าเราเป็นของกินเล่นที่มีประโยชน์ 1 ซองมีแคลเซียมสูงเท่ากับนม 2 กล่อง มีไคติน (chitin)และไคโตซาน (Chitosan) ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด จึงเป็นขนมที่เด็กกินได้ผู้ใหญ่กินดี นอกจากนี้เรายังต้องขอบคุณสื่อต่างๆ ที่เปิดพื้นที่ให้เราได้อธิบายว่าคางกุ้งคืออะไร ทำให้คนรู้จักสินค้าของเรามากขึ้นด้วย”
ฝากข้อคิดในการทำธุรกิจสไตล์ แพร-พิมพ์มาดา
“ถ้าคุณทำธุรกิจอยู่แล้วต้องมีความอดทนสูง เพราะถ้าไม่อดทนคุณจะไม่มีทางก้าวผ่านอุปสรรคต่างๆ ไปได้ ส่วนคนที่อยากทำธุรกิจต้องถามตัวเองก่อนว่าชอบความเสี่ยงหรือเปล่า เพราะธุรกิจโตได้ภายใน 7 วัน แต่ก็ล้มได้ใน 7 วันเหมือนกัน ถ้ารู้ตัวว่าชอบเสี่ยงแนะนำให้หาธุรกิจทำเลย แต่ถ้าไม่ชอบควรหางานที่มีความมั่นคงดีกว่า เพราะถ้าคุณไม่ชอบเสี่ยงแล้ววันหนึ่งคุณลองเสี่ยงแล้วมันพลาดคุณจะรู้สึกแย่และผิดหวัง ต่างจากคนชอบเสี่ยงที่หากผิดหวังเขาก็พร้อมยอมรับมันได้ ซึ่งสำหรับแพรเป็นคนชอบเสี่ยงค่ะ ถือคติว่าไม่ลองไม่รู้”
เกร็ดเล็ก-เกร็ดน้อย Okusno
- โอคุสโน่ (Okusno) แปลว่า อร่อย ในภาษาสโลวีเนีย
- ปัจจุบัน Okusno มีวางจำหน่ายที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป และ 7 Eleven ทั่วประเทศ โดยมี 5 รสชาติคือ รสดั้งเดิม, รสต้มยำ, รสแกงเขียวหวาน, รสผัดไท, รสแกงกะหรี่ญี่ปุ่น จำหน่ายซองละ 25 บาท (ปริมาณ 25 กรัม) และซองละ 20 บาท (ปริมาณ 17 กรัม)
- คุณแพรเล่าว่าการทำคางกุ้งทอด ต้องร่อนขากุ้งที่ติดมากับคางกุ้งออกก่อน เธอเห็นแล้วเสียดายจึงผุดไอเดียนำขากุ้งนั้นมาปรุงเป็น “น้ำพริกขากุ้ง” นำร่องขายผ่านทางออนไลน์ เมื่อเดือนพฤษภาคม 2560 ที่ผ่านมา
- สาวตาหยีเจ้าของโอคุสโน่ บอกว่าคางกุ้งทอดสามารถนำไปใส่เมนูต่างๆ ได้หลากหลาย อาทิ โรยก๋วยเตี๋ยว, ผัดไทย, ข้าวผัด, สลัด ฯลฯ แต่ถ้าถามว่ากินกับอะไรอร่อยที่สุด ส่วนตัวเธอคิดว่าเอามาคลุกกินกับข้าวสวยร้อนๆ เด็ดสุด !
- Okusno ทำจากคางกุ้งขาวพันธุ์แวนนาไม ก่อนทำต้องล้างในน้ำสะอาดถึง 3 รอบ เพื่อให้มั่นใจเรื่องความสะอาดจริงๆ
- คุณแพรกล่าวว่าอีกจุดเด่นของ Okusno คือการปรุงรสชาติคางกุ้งได้หอมอร่อยรสชาติเข้มข้น ซึ่งเกิดจากการเลือกใช้แต่ของดีๆ อย่างเช่น รสต้มยำกุ้ง ต้องนำพริก ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด มะนาว จริงๆ มาผ่านกระบวนการจนได้เป็นผงปรุงรส แล้วจึงนำไปคลุกเคล้าเพื่อปรุงรสชาติให้กับคางกุ้ง
เรื่อง: กรองกาญน์ ชัยยะปะปัง
ภาพ:พีรพันธุ์ วิจิตรไกรวิน
สไตล์: ปรางรัตน์ ฤกษ์สง่า
ขอบคุณสถานที่ถ่ายทำ Bester Studio ซอยตากสิน 13 โทร. 08-9048-8567