ลดกลิ่นเปรี้ยวของ หน่อไม้ดอง ด้วย… เกลือ และ น้ำตาล เคล็ดลับน่ารู้!

Tip หากนำหน่อไม้มาประกอบอาหาร มักพบปัญหาเวลาต้มแล้วมีรสขื่น แนะนำให้ใส่น้ำตาลลงไปเล็กน้อย รสขื่นก็จะหายไป แต่…ถ้าอยากให้รสขมจางหายไปโดยเร็ว ขณะต้มให้ใส่มะเขือพวงลงไปพร้อมๆกัน เท่านี้ความขมในหน่อไม้ก็จะมลายหายไปแล้วครับ ^^

เรื่องควรรู้ก่อนกิน…หน่อไม้ 

หน่อไม้ (อังกฤษ: Bamboo shoot, Bamboo sprout) เป็นคำที่ใช้เรียกหน่ออ่อนของไผ่ที่รับประทานได้ที่แตกจากเหง้าใต้ดิน โดยมาจากสปีชีส์ ฺBambusa valgaris และ  Phyllostachys edulis นิยมรับประทานในทวีปเอเชียหลายประเทศ และมีวิธีการปรุงที่หลากหลาย อาทิ หน่อไม้ต้ม หน่อไม้ดอง หรือกินแบบสดๆ แต่คุณรู้หรือไม่…หน่อไม้ คือภัยร้ายใกล้ตัวที่ผู้บริโภคหากไม่รู้วิธีอาจถึงตายได้!…

มารู้จักกับ ไซยาไนด์ กันเสียก่อน

สารพิษชนิดนี้ร้ายแค่ไหน “สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ชาวยิวถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ไปหลายล้านคน ก็เพราะถูกรมด้วยก๊าซพิษไซยาไนด์นี่แหละ”

ถึงแม้มีพิษร้ายแรง แต่ในอีกมุมหนึ่งก็มีประโยชน์มากเช่นกันเมื่อถูกนำมาใช้ในด้านอุตสาหกรรมหลากหลายประเภท ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิต ไนลอน เส้นใยอะครีลิก เรซิน แยกแร่ทองคำ ชุบโลหะด้วยไฟฟ้า ทำโลหะให้บริสุทธิ์ รวมทั้งใช้เป็นยาปราบศัตรูพืชทั้งหลาย

ซึ่งเป็นสารพิษที่ใช้ในแวดวงอุตสาหกรรม คนทั่วไปยากที่จะได้สัมผัส แต่…ภัยจากสารพิษชนิดนี้ไม่ได้มีเพียงเท่านี้ ยังพบว่ามี “ไซยาไนด์” อีกชนิดไกล้ปากของเรา ไซยาไนด์ที่เกิดจากธรรมชาติมีอยู่นพืชผล เมล็ดถั่วอัลมอนด์ มันสำปะหลัง มันฝรั่ง ข้าวฟ่าง และที่ไกล้ตัวที่สุด มีผู้บริโภคมากที่สุด คงหนีไม่พ้น “หน่อไม้”

หน่อไม้ อันตรายมากแค่ไหน!

ความร้ายแรงของ ไซยาไนด์ ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ได้รับ หากได้รับมากเกินไปก็อาจอันตรายถึงชีวิตได้ทันที!

แต่หากกินแต่น้อยก็ได้รับผลเช่นกัน จะส่งผลคือมีอาการดังนี้

• รู้สึกปวดหัว
• หายใจยาก
• ความดันโลหิตต่ำลง
• มึนงงจนถึงขั้นหมดสติ

ถ้าได้รับในปริมาณมากถึง 1.5 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม จะมีผลทำให้เสียชีวิตได้…มีสาเหตุมาจาก เจ้าสารไซยาไนด์จะเข้าไปจับธาตุเหล็กในกระแสเลือด ส่งผลให้ธาตุเหล็กไม่สามารถนำออกซิเจนไปเลี้ยงสมองได้ เซลล์สมองจะหยุดทำงาน คนที่ได้รับสารพิษมาก จะเสียชีวิตเหมือนคนเสียชีวิตจากสาเหตุขาดอากาศหายใจ

หน่อไม้ กินอย่างไรให้ปลอดภัย?

อันตรายจาก ไซยาไนด์ จะมีผลเมื่อกินดิบๆเท่านั้น ถ้าทำให้สุกก่อนจะปลอดภัย เพราะความร้อนจะทำให้ไซยาไนด์สลายตัว

หน้อไม้สด ดอง ต้ม ที่เรากินกันนั้น ไม่ว่าจะซื้อจากที่ไหนมาก็ตาม ให้นำไปต้มก่อนจะดีที่สุด เพราะมีการทดลองแล้วพบว่า ต้มในน้ำเดือด 10 นาทีไซยาไนด์ที่อยู่ในหน่อไม้จะหายไป 91% ต้มนาน 20 นาที ไซยาไนด์จะหายไป 98% หากต้มที่ 30 นาที จะไม่หลงอีกเลย…ดีแบบนี้ควรต้มให้นานไปเลยจะดีที่สุดนะ^^

เคยสังเกตไหมว่า? กินหน่อไม้แล้วมีรสชาติขมหรือเฝื่อนๆ นั่นคือรสชาติที่มีไซยาไนด์เจือปนอยู่นั่นเอง แก้โดยต้มให้สุกแล้วทิ้งน้ำแรกความเฝื่อนก็จะหายไป

ผู้ที่ควรระวังในการรับประทานหน่อไม้

หน่อไม้มีคุณค่าทางอาหารสูงในตัวของมันเอง ส่วนหน่อไม้ดองก็มีคุณค่าแฝง แต่สำหรับผู้ป่วยเป็นโรคบางชนิดแล้ว แพทย์เองก็ไม่แนะนำให้ทานเหมือนกัน

ผู้ป่วยเป็นโรคเกาต์

ไม่ควรรับประทาน เพราะในหน่อไม้มีสารพิวรินสูง ซึ่งสารตัวนี้อาจจะทำให้กรดยูริกที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคเกาต์สูงขึ้น ซึ่งกรดยูริกเป็นสารที่เกิดจากการเผาผลาญของพิวรีน มีมากในเนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์ ถั่วต่างๆ และพืชผักอ่อนโดยเฉพาะหน่อไม้

ผู้ที่มีภาวะไตเสื่อม

โดยปกติกรดยูริกจะถูกขับออกทางปัสสาวะของคนเรา หากร่างกายมีการสร้างกรดยูริกมากเกินไปหรือไตขับยูริกได้น้อยลง เนื่องจากไตเสื่อมลง กรดยูริกก็จะตกผลึกตามข้อ ผนังหลอดเลือด ไต และอวัยวะต่างๆทำให้เกิดอาการปวดข้อและโรคแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายได้ เช่น ข้อพิการ นิ่วในไต กระดูกพรุน เป็นต้น

ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับหน่อไม้

คนไทยเรามักจะคิดว่าหน่อไม้มีแต่โทษเป็นของแสลง ถ้าไม่กินจะดีกว่า

กินหน่อไม้แล้วปวดข้อ จริง ๆ แล้วตัวหน่อไม้เองนั้นไม่ได้ทำให้ข้อเสื่อมหรือปวดข้อ แต่จะมีผลกับผู้ป่วยที่เป็นโรคเกาต์เท่านั้น ดังนั้นคนที่มีอาการปวดข้อจากสาเหตุอื่น ๆ จึงกินหน่อไม้ได้ปกติ

คนเป็นเบาหวานห้ามกิน การกินหน่อไม้นั้นไม่ได้มีผลกับระดับน้ำตาลในกระแสเลือด เพราะฉะนั้นแม้เป็นเบาหวานก็รับประทานได้

ผู้ป่วยเป็นโรคตับห้ามรับประมาน ซึ่งโรคตับในที่นี้มีได้จากหลายสาเหตุ ทั้งจากไวรัสบีและอาการตับแข็ง แต่แพทย์ยืนยันว่าการรับประทานหน่อไม้ไม่มีผลต่อโรคดังกล่าว

เมื่อมีอาการตกขาวหรือระดูขาวให้งดกินหน่อไม้ จริงแล้วหน่อไม้สดไม่มีผลกับอาการ แต่หากผู้ที่มีอาการตกขาวก็ยังสามารถรับประทานหน่อไม้สดได้

แต่อย่างไรก็ตาม ก็ควรจะกินอย่างพอดี ของทุกอย่างมี 2 ด้าน หน่อไม้ก็เหมือนกัน

ขอบคุณข้อมูลจาก

www.winnews.tv

www.thairath.co.th/