น้ำผึ้ง “แท้ – เทียม” เขาดูกันอย่างไร…
น้ำผึ้ง เปี่ยมคุณค่ามากประโยชน์
น้ำผึ้ง เป็นน้ำหวานที่ได้จากธรรมชาติ ผลิตผลจากดอกไม้ ที่ผึ้งนำมาสะสมไว้ โดยผ่านขั้นตอนทางกายภาพและทางเคมี มนุษย์นำมาใช้เป็นอาหารก่อนที่จะมีใช้น้ำตาลเสียอีก มีประวัติการใช้น้ำผึ้งมาตั้งแต่ยุคโบราณ โดยมีสรรพคุณทางยา ช่วยในการสมานแผล ฆ่าเชื้อโรค บำรุงความงาม และช่วยบำรุงกำลัง และนิยมนำมารังสรรค์เป็นเมนูสุขภาพของคนปัจจุบัน
สรรพคุณทางยา
มีส่วนช่วยรักษาระดับอินซูลินในเลือด
น้ำผึ้งเป็นอาหารที่ให้พลังงานชั้นดี น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา (4 กรัม) ให้พลังงานประมาณ 22 กิโลแคลอรี พลังงานหลักมาจากคาร์โบไฮเดรต เพราะมีน้ำตาลฟรุคโตสเป็นส่วนประกอบหลัก ซึ่งน้ำตาลฟรุคโตสนี้ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายและนำไปใช้เป็นพลังงานได้ช้ากว่าน้ำตาลกลูโคส ตามปกติแล้วหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ระดับน้ำตาลในเลือดของเราจะเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ฮอร์โมนอินซูลินซึ่งทำหน้าที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงตามไปด้วย การรับประทานน้ำตาลฟรุคโตสจากน้ำผึ้งจะมีส่วนช่วยให้การหลั่งฮอร์โมนอินซูลินไม่สูงเหมือนการกินน้ำตาลทรายทั่วไป โดยปริมาณน้ำตาลที่เติมลงในอาหารและเครื่องดื่มในแต่ละวันที่เหมาะสม ในเด็กควรรับประทานน้ำตาลไม่เกินวันละ 4 ช้อนชา (16 กรัม) และผู้ใหญ่ควรรับประทานไม่เกินวันละ 6 ช้อนชา (24 กรัม)
เติมคอลลาเจน ให้ผิวใส ไร้ริ้วรอย
ใครที่ชอบรับประทานอาหารเสริมคอลลาเจน หรือกำลังมองหาอาหารผิวดี ๆ ขอบอกว่าไม่ต้องไปหาที่ไหนให้ยุ่งยาก เพราะเราสามารถเติมคอลลาเจนจากธรรมชาติให้ผิวของเราได้ง่าย ๆ ด้วยการรับประทานน้ำผึ้งซึ่งมีกรดอะมิโนที่มีประโยชน์มากมายหลายชนิด โดยในน้ำผึ้งมีกรดอะมิโนโพรลีนมากถึง 50-85% ของกรดอะมิโนทั้งหมด โพรลีนจะทำช่วยปรับปรุงโครงสร้างผิว สร้างคอลลาเจนให้ผิวของเรา นอกจากนี้ยังมีลิวซีนและไอโซลิวซีนที่ช่วยสร้างกล้ามเนื้อ จึงทำให้ผิวของเราสวยแข็งแรง สุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอกได้อย่างเป็นธรรมชาติและปลอดภัย
ช่วยรักษาแผล ผิวเนียนสวย
กลูตามีนในน้ำผึ้งจะช่วยทำให้การทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน และระบบการย่อยของเราเป็นปกติ แถมยังมีส่วนช่วยให้แผลหาย และมีสารไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ที่ช่วยต่อต้านแบคทีเรียอีกด้วย
ชะลอความเสื่อมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ
อนุมูลอิสระตัวร้ายจากมลภาวะที่เราต้องพบเจอในทุก ๆ วัน คือวายร้ายตัวสำคัญที่ทำลายดีเอ็นเอ โปรตีน และไขมันของเซลล์เรา ทำให้เซลล์ของเราเสื่อมลงอย่างรวดเร็ว หากเราอยากคงความอ่อนเยาว์ และสุขภาพดีเอาไว้ สารต้านอนุมูลอิสระคือสารอาหารสำคัญที่เราไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะสารต้านอนูมูลอิสระที่มาจากอาหารธรรมชาติอย่างน้ำผึ้ง
น้ำผึ้งมีสารต้านอนุมูลอิสระกลุ่มโพลีฟีนอลหลายชนิด ทั้งกรดฟีนอลิก และฟลาโวนอยด์ซึ่งช่วยกำจัดอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นในเซลล์ โดยเฉพาะน้ำผึ้งจากดอกลำไยที่เพิ่งเก็บมาสดใหม่จะมีปริมาณวิตามินซี และสารโพลีฟีนอลสูงกว่าน้ำผึ้งดอกไม้ป่า น้ำผึ้งดอกลิ้นจี่ และน้ำผึ้งดอกทานตะวันอีกด้วย
ช่วยปรับสมดุลของระบบภายในร่างกาย
หลาย ๆ คนคงเคยได้ยินถึงประโยชน์ของจุลินทรีย์ที่ดีในลำไส้ หรือ โพรไบโอติกส์ ซึ่งช่วยปรับสมดุลระบบต่างๆ ภายในร่างกายของเรา ทั้งระบบย่อยอาหาร ระบบภูมิคุ้มกัน และช่วยป้องกันโรคหรือความผิดปกติต่างๆ ที่อาจเกิดจากการเสียสมดุลของแบคทีเรียในทางเดินอาหาร ชรา การจะเพิ่มปริมาณจุลินทรีย์ที่ดีในลำไส้ จุลินทรีย์เหล่านั้นต้องได้รับอาหารหรือที่เรียกว่าพรีไบโอติกส์อย่างเพียงพอเสียก่อน ซึ่งน้ำผึ้งก็มีฟรุคโตโอลิโกแซคาไรด์คาร์โบไฮเดรตที่เป็นอาหารอันแสนเลอค่าสำหรับจุลินทรีย์ที่ดีในลำไส้ จึงช่วยเพิ่มปริมาณจุลินทรีย์ที่ดีในลำไส้ของเรา ส่งผลให้ร่างกายของเราสมดุลแข็งแรงตั้งแต่ภายในจนถึงภายนอก
ต้านอนุมูลอิสระ
มีคุณสมบัติเป็นสารแอนติออกซิแดนท์หรือสารต้านอนุมูลอิสระ สารแอนติออกซิแดนท์มีบทบาทในการปกป้องผิวหนังจากการทำลายของแสงยูวี
ช่วยลดน้ำหนัก
น้ำผึ้งผสมน้ำอุ่นก็อาจเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดี เพราะจะได้ประโยชน์จากน้ำตาลที่ได้จากธรรมชาติ ซึ่งแน่นอนว่าย่อมดีกว่าสารให้ความหวานแทนน้ำตาล นอกจากนี้น้ำผึ้งยังสามารถช่วยลดความอยากอาหารได้อีกด้วย
รักษาโรคผิวหนังจากเชื้อรา
ใช้ผงขมิ้นผสมน้ำผึ้งทาบริเวณที่เป็นกลากเกลื้อน ช่วยสร้างเซลล์ผิวหนังใหม่
แก้อาการท้องผูก
น้ำผึ้งเป็นทั้งยาระบายและแก้ท้องเสีย น้ำผึ้งเก่าที่มีอายุ 1 ปีขึ้นไปจะช่วยแก้ท้องเสีย แต่ถ้าเป็นน้ำผึ้งใหม่ประเภทเพิ่งเก็บจากรังไม่นานจะมีสรรพคุณเป็นยาระบาย โดยเฉพาะในเด็กเล็กก่อน 6 เดือน จะเป็นยาระบายในเด็กอ่อนที่ปลอดภัยอย่างยิ่ง การใช้น้ำผึ้งแท้สักประมาณ 1 ช้อนชา ผสมน้ำต้มสุกสัก 3 ช้อนหรืออาจกินร่วมกับผักผลไม้ เช่น การกินกล้วยน้ำว้าสุกจิ้มน้ำผึ้งหรือมันต้มสุกจิ้มน้ำผึ้ง ช่วยลดอาการท้องผูกได้เช่นกัน
แก้นอนไม่หลับ
น้ำผึ้งเป็นยาระงับประสาทอ่อนๆ ชงน้ำผึ้งผสมน้ำอุ่นหรืออาจใส่ในชาดอกไม้ เช่น ชาดอกกุหลาบ ดื่มก่อนนอนจะช่วยให้หลับสบายขึ้น
บำรุงเลือด
เทน้ำผึ้งครึ่งช้อนโต๊ะใส่แก้ว บีบน้ำมะนาว 1 ซีก ใส่เกลือนิดหน่อยเติมน้ำร้อน มีสรรพคุณเป็นยาบำรุงเลือด
น้ำผึ้งแท้&เทียม เขาดูกันอย่างไร?
ให้ดูที่สีของน้ำผึ้ง
น้ำผึ้งแท้ มีสีน้ำตาลอ่อนใส ไม่มีฟองอากาศ ไหลช้า มีความหนืดดี
สัมผัสดู
น้ำผึ้งแท้ จะมีความหนืดๆ และสัมผัสได้ถึงความหนาแน่นส่วนของปลอมนั้น จะมีเนื้อสัมผัสที่เหลวกว่า
หยดน้ำผึ้งลงในกระดาษหรือทิชชู่
น้ำผึ้งแท้ จะไม่ซึมลงในกระดาษ ส่วนน้ำผึ้งปลอม จะซึมลงไปเป็นวงในกระดาษ
น้ำผึ้งที่ดีต้องไม่แยกชั้น ต้องเป็นเนื้อเดียวกัน
เทน้ำผึ้งลงในน้ำชาหรือน้ำเย็น 1 แก้ว
น้ำผึ้งแท้ เมื่อเทลงไป จะไม่ละลายทันที จะเห็นเป็นก้อนๆ อยู่ ส่วนของปลอมนั้น เมื่อเทลงไปจะละลายรวมกับน้ำเกือบจะทันที