ดวงตาสวยใส ด้วย พระรามชมไพร
โดย อ.วันทนี ธัญญา เจตนธรรมจักร
ระยะหลังมานี้พบว่าคนส่วนใหญ่ใช้สายตากันมาก จากการทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ อ่านหนังสือ หรือแม้แต่ขับรถ ซึ่งล้วนแล้วแต่ใช้สายตาเพ่งมองเป็นเวลานาน ๆ รวมถึงรังสียูวีจากแสงแดด เหล่านี้ล้วนส่งผลเสียต่อสายตา อาทิ ทำให้ปวดตา หรือสายตาสั้น เป็นต้น
จากสิ่งที่กล่าวมา หากคุณหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงได้ยาก ดิฉันก็ขอแนะนำให้ดูแลสายตาระหว่างวัน เช่น พักสายตาทุก ๆ 1 ชั่วโมงจากจอคอมพิวเตอร์ โดยหลับตาให้สนิทแล้วสูดหายใจเข้าลึก ๆ และหายใจออกยาว ๆ จำนวน 10 ครั้ง (ประมาณ 3-4 นาที) จากนั้นใช้ปลายนิ้วมือลูบเปลือกตาเบา ๆ จากหัวตาไปหางตา 5 ครั้ง เพื่อให้เลือดไหลเวียนมาเลี้ยงดวงตาได้ดีขึ้น และช่วยลดอาการล้าสายตาได้ หากยังไม่ดีขึ้น ลองใช้ผ้าชุบน้ำเย็น วางบริเวณเปลือกตา ก็จะช่วยทำให้รู้สึกสดชื่น และผ่อนคลายดวงตาไม่น้อย
ส่วนคนที่ต้องเผชิญกับแสงแดดจ้า ก็ควรสวมแว่นกันแดดที่สามารถป้องกันรังสียูวี งดเว้นการใช้ผ้าเช็ดหน้าร่วมกับผู้อื่นและอย่าขยี้ตาเพราะอาจทำให้ดวงตาติดเชื้อ หรืออักเสบได้ สุดท้ายคือ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และควรปิดไฟให้มืดสนิทขณะนอน เพื่อให้สายตาได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ เหล่านี้เป็นวิธีปรับพฤติกรรมเพื่อถนอมดวงตาของคุณ
ส่วนอาหารบำรุงสายตานั้น ต้องอุดมไปด้วยวิตามินเอ และเบต้าแคโรทีน ซึ่งวิตามินเอ ดี อี เค นั้น ละลายได้ในไขมัน ฉะนั้นหากต้องการได้รับประโยชน์จากวิตามินดังกล่าว อาหารที่ปรุงต้องมีไขมันเป็นส่วนประกอบ ซึ่งดิฉันได้คิดอาหารบำรุงสายตาชื่อ พระรามชมไพร ที่รวบรวมเอาสารพัดวัตถุดิบบำรุงสายตามาไว้ในจานเดียวกัน เพื่อให้คุณใช้บำรุงหน้าต่างของหัวใจคู่สวย เอาไว้เดินชมไพรกับคนรู้ใจอย่างเพลิดเพลินค่ะ
พระรามชมไพร
พระรามชมไพร
ส่วนผสม (สำหรับ 1 ที่)
เตรียม 45 นาที ปรุง 20 นาที
ปลาตาเดียวแล่เอาแต่เนื้อ 300 กรัม
ผักบุ้งจีน(หรือไทย)ทั้งยอดและก้านเด็ดยาว 3 นิ้ว 2 ต้น
ฟักทองหั่นเป็นเส้น 50 กรัม (ประมาณ 1 ถ้วย)
แครอทหั่นเป็นเส้น 50 กรัม (ประมาณ 1 ถ้วย)
ใบช้าพลู 5 ใบ
มะเขือเทศ(ราชินี)ผลเล็ก 10 ผล
ส้มเช้ง(เฉพาะเนื้อหั่นเต๋า) 3 ช้อนโต๊ะ
ส้มเขียวหวาน(เฉพาะเนื้อหั่นเต๋า) 3 ช้อนโต๊ะ
มะละกอสุกหั่นเต๋า 3 ช้อนโต๊ะ
เม็ดมะม่วงหิมพานต์ทอดหรือคั่วสุก 4 ช้อนโต๊ะ
ใบสะระแหน่เล็กน้อย สำหรับแต่งจานอาหาร
แป้งทอดกรอบสำหรับชุบทอด และโซดา
งาขาวคั่ว , งาดำคั่ว อย่างละ ½ ช้อนชา
เครื่องปรุงน้ำยำ
สูตร 1 น้ำพริกเผา 4 ช้อนโต๊ะ น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อน โต๊ะ หอมแดงซอย 2 ช้อนโต๊ะ งาขาวคั่ว
วิธีทำ ปรุงน้ำยำในสูตรที่ 1 โดยคนส่วนผสมต่างๆให้ละลายเข้ากันแล้วจึงใส่หอมแดงและงาขาวคั่ว
ตักใส่ถ้วยพร้อมเสิร์ฟ
สูตร 2 มายองเนส 3 ช้อนโต๊ะ ซอสมะเขือเทศ 1 ช้อนโต๊ะ ซอสพริก 1 ช้อนชา งาดำคั่ว
วิธีทำ ปรุงน้ำยำในสูตรที่ 2 ใส่มายองเนส ซอสมะเขือเทศ ซอสพริกคนให้เข้ากันแล้วใส่งาดำขั้วลงไป
ตักใส่ถ้วยพร้อมเสิร์ฟหรือจะนำไปคลุกกับผลไม้แล้วจัดวางข้างปลาก็ได้เช่นกัน
วิธีทำ
- โรยเกลือและพริกไทยเล็กน้อยให้ทั่วชิ้นปลา หมักไว้ 5 นาที แล้วนำลงไปจี่ในกระทะ
กับน้ำมันเล็กน้อยจนสุก ตักใส่จานพักไว้
- ใส่น้ำมันสำหรับทอดลงในกระทะตั้งไฟกลางเตรียมไว้ ผสมแป้งทอดกรอบกับน้ำโซดาให้มีลักษณะข้น
แล้วนำฟักทองลงชุบแล้วใส่ลงในกระทะทอดให้เหลืองสวยตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน แล้วนำแครอท ผักบุ้ง ลงทยอยชุบแป้งทอดตามลำดับ รอให้เหลือง ตักขึ้นพักสะเด็ดน้ำมัน ใบช้าพลูล้างน้ำแล้วซอยเป็นเส้น นำไปคลุกแป้งทอดกรอบแห้ง ๆ แค่พอแป้งเคลือบทั่วไปจึงนำไปทอดแล้วตักพักสะเด็ดน้ำมันไว้
- จัดปลาและผักทอดต่างๆ พร้อมด้วยผลไม้สดใส่จานให้สวยงาม โรยหน้าด้วยเม็ดมะม่วงหิมพานต์ จัดเสิร์ฟพร้อมน้ำยำทั้งสองชนิดให้เลือกรับประทานตามชอบ โดยจะจิ้มรับประทานทีละคำ หรือตักราดและคลุกเคล้ากับส่วนผสมก่อนรับประทานก็ได้
หมายเหตุ ผักที่ทอดกรอบนั้นไม่นิยมที่จะราดหรือคลุกน้ำยำเนื่องจากจะทำให้ผักนั้นไม่กรอบเท่าที่ควรขณะรับประทาน มักใช้วิธีตักราดหรือคลุกและรับประทานทันที
ล้อมกรอบ
แครอท มีเบต้า-แคโรทีน 1,166 ไมโครกรัม และเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ ป้องกันอาการตาบอดกลางคืน โรคตาฟาง , วิตามินซี 41 มิลลิกรัม มีเกลือและโพแทสเซียมสูง ช่วยขับปัสสาวะ
มะเขือเทศ ประกอบด้วย เบต้า-แคโรทีน 65.30 ไมโครกรัม วิตามินซี 32 มิลลิกรัม มีสารไลโคปีนที่เป็นสาร
สีแดง ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ลดริ้วรอย ช่วยย่อย ระบายอ่อน เป็นยาป้องกันเลือดออกตามไรฟัน
มะละกอ ประกอบด้วย เบต้า-แคโรทีน วิตามินเอจำนวนมาก ระบายอ่อนๆ ช่วยย่อย
ฟักทอง มีวิตามินเอ 3,266 i.u. ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง วิตามินซี 52 มิลลิกรัม
ผักบุ้ง มีวิตามินเอ 11,447 i.u. วิตามินซี 9 มิลลิกรัม ธาตุเหล็ก 3.3 มิลลิกรัม บำรุงสายตา
ช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง
หมายเหตุ I.U. (International Unit) คือหน่วยวัดเพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพของสารเคมีในตัวยาที่ออกฤทธิ์แตกตัวในร่างกาย ซึ่ง ทาง WHO กำหนดขึ้น เพื่อให้สามารถเปรียบเทียบการทำงานของฤทธิ์ยา หรือวิตามินเหล่านั้นได้
พลังงานต่อหนึ่งหน่วยบริโภค 412.67 กิโลแคลอรี
โปรตีน 44.88 กรัม
ไขมัน 13.31 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 26.10 กรัม
ไฟเบอร์5.05 กรัม