หุ่นสวยด้วย สเต๊กเห็ดกับสลัดมะเฟือง
โดย อ.วันทนี ธัญญา เจตนธรรมจักร
เสื้อผ้าแล้วเริ่มคับแน่น มีอาการปวดข้อเข่า ข้อเท้า รอบเอวใหญ่ขึ้น กล้ามเนื้อหน้าท้องกลายร่างเป็นชั้นหนาหรือเปล่า ถ้าทุกคำถามที่กล่าวมา มีคำตอบว่า ‘ใช่’ เป็นส่วนใหญ่ ดิฉันคงต้องขอเตือนให้คุณระวัง “ภัยอ้วน” ที่กำลังคืบคลานเข้ามาสู่ชีวิตคุณแล้วละค่ะ
กินเยอะทำไมถึงอ้วน ?
เมื่อรับประทานอาหารมากเกินปกติ (โดยเฉพาะหมวด คาร์โบไฮเดรต ไขมัน และโปรตีน ซึ่งเป็นแหล่งพลังงาน) สารอาหารที่ได้จากการย่อยก็จะมากเกินความต้องการ ถ้าเกินไม่มาก ร่างกายจะจัดเก็บในรูปแบบพลังงานสะสมไว้ที่ตับและกล้ามเนื้อ บางส่วนก็จะถูกขจัดออกพร้อมกันกับของเสียทางร่างกาย แต่ถ้ามากเกินจัดการได้ร่างกายจะแปลงสารอาหารเป็นไขมัน แล้วสะสมไว้ตามกล้ามเนื้ออ่อน เช่น ต้นขา ต้นแขน หน้าท้อง หรือพอกอยู่ตามลำไส้ ตับ กระเพาะอาหาร ผนังหลอดเลือด ทำให้อ้วนเสียหุ่น และยังกระทบต่อระบบการย่อยและดูดซึมอาหาร ระบบไหลเวียนโลหิต รวมถึงระบบขับถ่าย ก่อนพัฒนากลายเป็นโรคภัยต่าง ๆ
กินอย่างไรให้หุ่นสวยเป๊ะ
1.กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ทุกมื้อ เพื่อรักษาสมดุลร่างกาย และบริโภคผักและผลไม้หลังมื้ออาหาร เพราะมีเอ็นไซม์ที่ช่วยย่อยโปรตีนได้ ส่งผลดีต่อระบบย่อยอาหารและเส้นใยในผลไม้ยังช่วยให้ระบบการขับถ่ายดีขึ้นด้วย
2.เลือกกินโปรตีนจากพืชแทนเนื้อสัตว์เพราะย่อยง่ายไม่มีไขมัน และบริโภคไขมันดี เช่น น้ำมันรำข้าว น้ำมันมะกอก แทนน้ำมันปาล์มหรือน้ำมันจากไขมันสัตว์ เพื่อเพิ่มไขมันดี (HDL) ในร่ายกาย รับประทานแป้งชนิดไม่ขัดสี เพื่อช่วยให้ระบบการย่อยและดูดซึมดีขึ้น อิ่มท้องนาน และทำให้ระบบขับถ่ายเป็นปกติ และหันมาเป็นแฟนกับผักผลไม้อินทรีย์ที่ปราศจากสารเคมี ก็ยิ่งดีต่อสุขภาพขึ้นไปอีกค่ะ
3.บุคคลทั่วไปควรบริโภค ข้าวและแป้ง 8-10 ทัพพีต่อวัน ผัก 4-5 ทัพพีต่อวัน ผลไม้ 3-4 ทัพพีต่อวัน เนื้อสัตว์ 6-9 ช้อนโต๊ะต่อวัน น้ำมัน 5-7 ช้อนชา ต่อวัน รวมแล้วพลังงานไม่เกิน 1,800-2,000 กิโลแคลอรีต่อวัน
4.ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก ควรบริโภคอาหารไม่เกิน 1,000-1,500 กิโลแคลอรี/วัน โดยรับประทานคาร์โบไฮเดรตเป็น 50%ของอาหารทั้งหมด โปรตีน 15 %และไขมันน้อยกว่า 30 กิโลแคลอรี/วัน สัดส่วนที่เหลือให้แทนที่ด้วยผักผลไม้ โดยสัดส่วนระหว่างมื้ออยู่ที่ มื้อเช้า 30 % กลางวัน 15% และมื้อเย็น 5 % ของพลังงานรวม
5.งดน้ำหวานและขนมกรุบกรอบ และหมั่นออกกำลังกาย ให้ร่างกายได้เผาผลาญพลังงานส่วนเกิน
ฉบับหน้าดิฉันมีข้อแนะนำพร้อมสูตรอาหารลดน้ำหนักสำหรับคนอ้วนมาฝากด้วย อย่าลืมติดตามนะคะ
สเต๊กเห็ดสูตรเด็ดลดอ้วน
“สเต๊กเห็ดกับสลัดมะเฟือง” สูตรนี้ใช้รับประทานรักษาสัดส่วนได้เพราะ โปรตีนพืชจากเห็ดย่อยง่ายไร้ไขมัน คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนจากมันฝรั่งดีต่อระดับน้ำตาลในเลือด แถมยังมีสารเบต้าแคโรทีนและสารต้านอนุมูลอิสระสูง ส่วนมะเฟือง มีเอนไซม์ช่วยย่อยโปรตีน และมีสารโพลีฟีนอล ช่วยยับยั้งการเกิดออก-ซิเดชั่น ซึ่งจะก่อให้เกิดอนุมูลอิสระได้อีก รับรองว่าไขมันไม่ได้แอ้มรอบเอวคุณเป็นแน่
สเต๊กเห็ดกับสลัดมะเฟือง
ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่)
เตรียม 30 นาที ปรุง 30 นาที
เห็ดเป๋าฮื้อหั่นเต๋าเล็ก 60 กรัม
เห็ดแชมปิญองสดหั่นเต๋าเล็ก 60 กรัม
เห็ดฟางหั่นเต๋าเล็ก 60 กรัม
เห็ดนางรมหั่นเต๋าเล็ก 60 กรัม
แครอทสับละเอียด 30 กรัม
มันฝรั่งต้ม 100 กรัม
เม็ดข้าวโพดต้มสุก 30 กรัม
แป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ
แป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ ละลายน้ำเปล่า 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือ ½ ช้อนชา
พริกไทยดำป่น ½ ช้อนชา
น้ำตาลทรายไม่ฟอกสี 1 ช้อนชา
เนยเค็ม 2 ช้อนโต๊ะ
ซอสมะเขือเทศ 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่า ½ ถ้วย
สลัดมะเฟือง
มะเฟืองสุกหั่นแว่น ¼ ถ้วย
มะม่วงสุกห่าม 2 ช้อนโต๊ะ
แคนตาลูปหั่นเต๋า 2 ช้อนโต๊ะ
แอ๊ปเปิ้ลเขียวหั่นเต๋า 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำสลัดน้ำใสชนิดใดก็ได้ 1 ช้อนโต๊ะ
พริกขี้หนูสับ ½ ช้อนชา
น้ำมะนาว 1 ช้อนชา
ใบสะระแหน่สับละเอียด 3-5 ใบ
วิธีปรุง
- บดมันฝรั่งให้ละเอียดใส่เนย 1 ช้อนโต๊ะ โรยเกลือ พริกไทยเล็กน้อย ใส่เห็ดต่างๆ ลงคลุกเคล้า และแครอท โรยแป้งข้าวโพดลงผสมประมาณ 1 ช้อนโต๊ะคลุกให้เข้ากัน ใส่พิมพ์อัดให้เป็นก้อนแน่น หนาประมาณ 1 ½ นิ้ว แล้วใส่ลงย่างในกระทะเทฟล่อนกับเนยที่เหลือจนสุกทีละด้านโดยไม่ถอดจากพิมพ์ จนสุกทั้งสองด้าน ปิดไฟ
- ผัดข้าวโพดในกระทะที่ทอดเห็ดให้หอมเติมน้ำ เกลือ พริกไทยดำ น้ำตาล ซอสมะเขือเทศ คนให้เข้ากัน ชิมให้ได้รสเค็มเผ็ดเปรี้ยวเล็กน้อย ใส่แป้งข้าวโพดลงไป เพื่อให้น้ำราดนั้นข้น ตักราดบนสเต๊กเห็ด เคล้าส่วนผสมสลัดมะเฟืองกับน้ำสลัด จัดใส่เคียงลงไป รับประทานเป็นอาหารจานหลัก
พลังงานต่อหนึ่งหน่วยบริโภค 310.29 กิโลแคลอรี
โปรตีน 6.15 กรัม
ไขมัน 39.42 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 14.70 กรัม
ไฟเบอร์4.56 กรัม