ภูมินทร์ งามสูงเนิน มือกีตาร์วง Masksender – เรื่องภูตผีวิญญาณ หากใครไม่เคยเห็นคงไม่เชื่อ แต่สำหรับผมแล้ว เชื่อเรื่องนี้สุดหัวใจ เพราะตั้งแต่เจอเรื่องเฉียดตายสมัยยังเด็ก ผมก็เจอเรื่องราวของผีนับไม่ถ้วน ซึ่งทำให้รู้ว่าวิญญาณมีจริง
จำได้ว่าตอนอายุประมาณ 7 ขวบ ผมปั่นจักรยานข้ามถนนเพื่อไปซื้อก๋วยเตี๋ยวแถวบ้าน จังหวะที่กำลังจะข้ามถนนนั้นเอง มีรถคันหนึ่งแล่นมาจากไหนไม่รู้พุ่งเข้ามาจนเกือบชนผม แต่โชคดีที่เสี้ยววินาทีนั้นรถเบรกทันเสียก่อน ใจผมหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม คิดว่าถ้ารถเบรกไม่ทันผมคงเสียชีวิต เพราะแล่นมาเร็วมาก
คืนวันเดียวกันนั้น ญาติที่ต่างจังหวัดโทร.มาบอกว่า พี่ชายซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องอายุห่างจากผมแค่ 3 ปีเสียชีวิต เพราะเส้นเลือดในสมองแตก พอญาติไปหาร่างทรงเพื่อถามว่า เกิดอะไรขึ้น คนทรงบอกว่าพี่ชายคนนี้ตายแทนคนในครอบครวั และดูเหมือนว่าเขาจะเป็นตัวตายตัวแทนของผมด้วย แม้จะไม่เชื่อเรื่องทรงเจ้ามากนัก แต่ก็อดคิดคล้อยตามไม่ได้ เพราะวันที่พี่ชายเสียชีวิตเป็นวันเดียวกับที่ผมเกือบถูกรถชนตายพอดี
ที่น่าแปลกก็คือ หลังจากนั้นผมมักเห็นภูตผีวิญญาณเป็นประจำ ญาติบอกว่าคงเพราะผมผ่านเรื่องเฉียดตายมาแล้ว ทำให้ดวงจิตเปิดและสามารถสื่อสารกับวิญญาณได้
ช่วงแรก ๆ ที่เห็นผี ผมไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เห็นคืออะไร แต่สังเกตว่าเวลาปั่นจักรยานไปซื้อขนมตอนกลางคืน ผมจะเห็นผู้หญิงเดินหายแว็บเข้าต้นมะม่วงบ้าง บางทีเห็นคนเดินตัดหน้า แต่พอหันไปมองก็ไม่มีใคร กลับมาบ้านได้ยินเสียงคนเรียกมาจากหลังบ้าน ทั้งที่หลังบ้านเป็นพื้นที่ป่ารกร้าง พอวิ่งไปส่องดูที่ช่องลมก็ไม่เห็นใคร ผมกลัวมากจนร้องไห้ เรียกว่าช่วงนั้นเจอผีบ่อยจนจิตตก ขวัญหาย ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ซึ่งกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวันมาก เพราะผมไม่กล้าออกจากบ้านไปไหน ไม่ยอมไปโรงเรียน เพราะมัวแต่คิดว่า ถ้าออกไปอีกจะเจอผีหรือเปล่า
พอคุณย่าเห็นผมขวัญเสียมาก ท่านจึงทำพิธีตามความเชื่อโบราณด้วยการ “เรียกขวัญ” โดยเอาสวิงไปช้อนขวัญผมตรงทางสามแยก เพราะเชื่อว่าการทำอย่างนี้จะทำให้ขวัญกลับคืนมาและไม่จิตตกอีก ตั้งแต่นั้นมา ผมรู้สึกว่าเจอผีน้อยลงกว่าเดิม คือไม่ได้เจอตลอดเวลาเหมือนก่อนหน้านั้น ยกเว้นว่าถ้าไปไหนแล้วที่นั่นมีผีเจ้าที่แรงมาก ๆ จึงจะเห็น
ครั้งหนึ่ง สมัยยังอยู่วงแอสซิสต์ (Assist) ผมกับเพื่อนร่วมวงไปทำงานต่างจังหวัด เราเข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ตกกลางคืนเพื่อน ๆ พากันไปว่ายน้ำที่สระว่ายน้ำของโรงแรม เวลานั้นดึกมากแล้วจึงมีแค่ผมและเพื่อน ๆ อยู่ที่สระว่ายน้ำ ผมไม่ได้ลงเล่นน้ำกับเพื่อนเพราะสัมผัสได้ว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล คือผมเห็นผู้หญิงคนหนึ่งแต่งชุดพนักงานของโรงแรมยืนอยู่บนระเบียงห้องขายของที่ระลึก แน่ใจว่าผู้หญิงคนนี้ไม่น่าจะใช่คน เพราะตอนนั้นร้านค้าปิดหมดแล้ว ไฟก็ปิดมืดสนิท คงไม่มีใครคิดไปยืนอยู่ตรงนั้นมืด ๆ คนเดียว สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นพนักงานของโรงแรมที่เสียชีวิตไปแล้ว แต่ยังวนเวียน ไม่ยอมไปไหน นอกจากนั้นผมยังเห็นผู้ชายแก่คนหนึ่งยืนอยู่ในที่มืด ๆ หน้า ศาลพระภูมิของโรงแรม เขากำลังจ้องมองมาที่สระว่ายน้ำซึ่งเพื่อนของผมกำลังเล่นน้ำ ประสาทสัมผัสของผมบอกว่าคนแก่คนนี้เป็นผีเจ้าที่ เขาอาจไม่พอใจที่เพื่อนผมมาเล่นน้ำตอนดึก ๆ จึงมาแสดงตัวให้เห็น
เห็นอย่างนั้นผมจึงชวนเพื่อนกลับห้องพัก น่าประหลาดใจว่าตอนพวกเราเดินออกมาจากสระว่ายน้ำ ไฟที่อยู่ตามทางเดินก็ดับทันที แต่มันดับแค่ดวงที่อยู่บริเวณสระน้ำเท่านั้น ส่วนไฟบริเวณอื่นของโรงแรมยังสว่างตามปกติ ผมกับเพื่อนเริ่มสบตากัน สายตาทุกคนเหมือนจะพูดว่าไม่ใช่เรื่องปกติอย่างแน่นอน แต่ตอนนั้นผมยังไม่เล่าเรื่องที่เห็นเพราะไม่อยากให้เพื่อนตกใจ
พอกลับมาที่ห้องพัก ผมกับเพื่อน ๆ ชวนกันมานั่งคุยกันที่ระเบียงของห้องพัก ช่วงนี้เองที่ผมเจอเหตุการณ์สยองขวัญยิ่งกว่า
ตอนนั้นผมนั่งหันหลังให้ระเบียง นอกระเบียงคือวิวแม่น้ำ พวกเรากำลังคุยกันเรื่องการทำงานของวง แต่อยู่ดี ๆ ก็รู้สึกรำคาญเส้นผมที่หล่นมาปรกหน้า ผมพยายามใช้มือปัดเส้นผมไปข้างหลัง แล้วก็นึกได้ว่าเพิ่งไปตัดผมสั้นมา แล้วเส้นผมยาว ๆ นี้มาจากไหน พอเงยหน้าไปมองข้างบน เห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งห้อยขาอยู่บนกำแพงระเบียงชั้นบน โดยที่ผมของเธอยาวห้อยมาปรกหน้าผมซึ่งนั่งอยู่บนพื้น
วินาทีนั้นผมช็อกไปเลย รู้สึกขนหัวลุกตั้งแต่หัวจรดเท้า เดาว่าเธอคงเป็นวิญญาณที่สิงสถิตอยู่ที่โรงแรมนี้แน่ ๆ แม้จะตกใจมาก แต่ก็พยายามเก็บอาการ ตั้งสติไม่ให้จิตเตลิด เปิดเปิงเพราะไม่อยากให้เพื่อนตกใจ จากนั้นรีบชวนเพื่อนกลับเข้าห้องพักทันที
เหตุการณ์แปลก ๆ ยังไม่หมดแค่นั้น เช่น อยู่ดี ๆ กระเป๋าของเพื่อนที่วางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งก็หล่นลงมาบนพื้นเอง ทั้งที่กระเป๋าใบนั้นหนักมากและไม่มีใครไปแตะมัน นั่นทำผมไม่กล้านอนเพราะไม่อยากเจออะไรน่ากลัวอีก รอจนถึงเช้าจึงลงไปกินอาหารเช้ากับเพื่อนคนหนึ่ง โดยทิ้งเพื่อนอีกคนไว้ในห้องคนเดียว
พอกินข้าวเช้าเสร็จ กลับมาที่ห้องพัก พยายามเคาะประตูห้องอยู่นาน แต่เพื่อนที่นอนในห้องไม่ยอมเปิดประตู โทร.เข้ามือถือก็ไม่รับสาย ผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง เพื่อนคนนี้ถึงตื่นมาเปิดประตูให้ ตอนหลังเขาเล่าว่าสาเหตุที่ไม่ได้มาเปิดประตูให้ตั้งแต่แรก เนื่องจากคิดว่าพวกผมยังนอนหลับอยู่ในห้องด้วยกัน เพราะเขารู้สึกว่านอนชนหลังเพื่อนคนหนึ่งอยู่
สรุปว่าเพื่อนเจอผีเหมือนกัน หลังจากนั้นผมจึงไปทำบุญให้ เพราะเชื่อว่าวิญญาณเหล่านี้คงไม่ได้ตั้งใจมาหลอก พวกเขาแค่อยากสื่อสารเพื่อขอความช่วยเหลือมากกว่า
คนที่ไม่เคยเจอผีอาจคิดว่าเป็นเรื่องไร้สาระ แต่ทุกวันนี้ผมเห็นผีแล้วปลง คิดว่าคนเราก็ต้องเกิดและตายเป็นเรื่องธรรมดาอย่างนี้แหละ
ที่มา นิตยสาร Secret
เรียบเรียง สุพรรษา แก้วแสงธรรม
ภาพ วรวุฒิ วิชาธร