ขอเพียง…อย่ายอมแพ้ – ชีวิตย่อมเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา บางครั้งเราอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชีวิตของเราจะมีการเปลี่ยนแปลง ตัวอย่างประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจริงกับลูกผู้หญิงคนหนึ่ง บางช่วงเวลาอาจจะดูเหมือนว่าเลวร้ายมาก และในขณะเดียวกันบางเวลาก็ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นจริง
ชีวิตคู่ของฉันจบลงอย่างง่ายดายมากเมื่อสามีปันใจให้หญิงอื่น ฉันจึงเลือกที่จะเป็นหัวหน้าครอบครัวโดยตัดคนที่เป็นพ่อของลูกออกไป จัดระเบียบให้กับตัวเองใหม่ วางแผนเรื่องอนาคตมากขึ้น ด้วยหน้าที่ความรับผิดชอบที่มากขึ้น ประกอบกับเงินเดือนที่ถูกแสนถูก หลังจากที่ตัดสินใจเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองแล้ว ฉันจึงเลือกที่จะเปลี่ยนงานใหม่ เพราะงานที่ทำอยู่เดิมต่อให้ฉันทำงานทั้งวันทั้งคืนก็คงจะได้เงินไม่พอกับค่าใช้จ่ายอย่างแน่นอน
ฉันเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยการฝากความหวังไว้ที่ศูนย์ฝึกอาชีพ เพื่อหวังว่าจบออกมาจะได้งานทำที่พอเลี้ยงดูครอบครัวได ้ ตลอดระยะเวลา 4 เดือนที่ต้องเรียนอยู่ในศูนย์ฝึกอาชีพ แม้ไม่ได้ลำบากทางกาย แต่ก็นับว่าลำบากใจอย่างมากที่ไม่มีเงินส่งเสียทางบ้านและลูก แต่ถึงอย่างไรก็บอกกับตัวเองว่า เราต้องอดทนจนกว่าจะเรียนจบ และในที่สุดความอดทนก็เป็นผลเมื่อฉันสำเร็จหลักสูตรอย่างที่ตั้งใจไว้
ฉันเริ่มต้นงานใหม่ มีชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีกว่าเดิม มีเงินเดือนมากขึ้นพอที่จะเลี้ยงลูกทั้งสองคนและส่งเสียทางบ้าน อีกส่วนที่เหลือเก็บไว้ใช้ส่วนตัวและฝากเข้าบัญชีประจำสำหรับใช้ในอนาคตฉันได้ทำงานในโรงแรม 5 ดาวแห่งหนึ่งในพัทยา ในตำแหน่ง Spa Therapist ซึ่งหลายคนอาจจะพอคุ้นเคยอยู่บ้าง แลกกับเงินเดือนที่ได้รับเพียง 3,000 บาทต่อเดือน และไม่ได้รับการบรรจุเป็นพนักงานประจำเหมือนแผนกอื่น ไม่มีสวัสดิการอื่นใดเลยนอกจากอาหาร 3 มื้อที่ทางโรงแรมมอบให ้ แต่ด้วยทิปที่ได้จากลูกค้าแล้ว พนักงานที่ทำงานในตำแหน่งนี้จะรู้ดีว่า ได้รัับมากกว่าเงินเดือนที่ได้รับในแต่ละเดือน หรือบางเดือนได้รับมากกว่าพนักงานที่จบปริญญาโทเสียอีก
ด้วยหน้าตาและผิวพรรณของฉัน ทำให้ฉันเป็นที่ถูกใจลูกค้าชาวยุโรปและชาวต่างชาติ ประกอบกับฝีมือในการนวดที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี และองค์ประกอบอีกอย่างคือ นี่เป็นงานที่ฉันรัก ทุกครั้งที่ได้ทำงานฉันรู้สึกมีความสุขมากที่ได้มอบบริการที่ดีแก่ลูกค้า ทำให้ลูกค้าส่วนใหญ่ที่กลับเข้ามาใช้บริการอีกจะถามหาฉัน นำมาซึ่งความไม่พอใจมาสู่เพื่อนร่วมงานและพนักงานเก่าๆ ที่ทำงานอยู่ก่อนหน้าฉัน
ฉันถูกผู้จัดการเรียกพบและพูดจาดูถูกต่างๆ นานา ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ฉันจำประโยคหนึ่งได้อย่างแม่นยำ
“เธอไม่ได้นวดดีถึงขนาดลูกค้าต้องถามหาหรอก”
ในใจของฉันไม่เข้าใจความหมายที่เขาพูดว่าเขาหมายความว่าอย่างไร และประโยคสุดท้ายเขาพูดว่า
“ต่อไปถ้ามีลูกค้าถามหาเธออีก ฉันจะบอกว่าเธอไม่ว่าง”
หลังจากนั้นเป็นต้นมาฉันกลายเป็นแกะดำในที่ทำงาน ทั้งๆ ที่ฉันไม่เคยว่าร้ายหรือเกลียดชังใครเลย มีเพียงพี่เทรนเนอร์เท่านั้นที่เข้าใจ และมีเธอเพียงคนเดียวที่พูดคุยกับฉัน ทำให้ฉันรู้สึกสบายใจ
แล้วข่าวร้ายก็เกิดขึ้นเมื่อผู้จัดการให้ฉันเขียนใบลาออก โดยให้หัวหน้าเป็นคนนำมาให้ เขาให้เหตุผลว่าฉันไม่ผ่านงาน ฉันทำตามที่ผู้จัดการสั่งโดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ รู้สึกแปลกใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมไม่รู้สึกโกรธหรือขุ่นเคืองใจอะไรเลย กลับยินดีที่จะเขียนใบลาออก โดยบอกกับตัวเองว่ายังมีที่อื่นที่เปิดโอกาสให้เรา
วันรุ่งขึ้นฉันไปสมัครงานที่โรงแรม 5 ดาวอีกแห่งหนึ่ง โดยได้สัมภาษณ์ในวันเดียวกัน เมื่อผ่านการสัมภาษณ์ ฉันถูกส่งมาเทรนงานที่สาขาในกรุงเทพฯเป็นเวลา 20 วัน แต่แล้วเมื่อเทรนงานได้เพียง 15 วัน เหตุการณ์ที่ฉันไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อผู้จัดการเข้ามาหาฉันแต่เช้า และบอกฉันว่าให้เปลี่ยนชุดฟอร์ม พร้อมกับเก็บข้าวของทั้งหมดและ
เดินตามเธอมาที่ห้องทำงาน
ฉันทำตามที่ผู้จัดการสั่งด้วยอาการที่มึนงง ฉันนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับผู้จัดการ ในใจของฉันพอจะคาดเดาเหตุการณ์ออก ไม่มีคำอธิบายอะไรมากมาย เพียงแค่เธอบอกว่า
“ทางเราไม่อยากมีปัญหากับที่ทำงานเก่าของคุณ ขอให้คุณโชคดีและอย่าบอกใครว่าคุณเคยทำงานที่นี่มาก่อน”
ฉันเขียนใบลาออกด้วยน้ำตานองหน้า อยากจะถามเขาว่าฉันทำผิดอะไร ความผิดร้ายแรงถึงขั้นนี้เลยหรือ ในใจสับสนไปหมด อยากจะบอกว่าขอฉันอธิบายอะไรบ้างได้ไหม ความรู้สึกตอนนั้นแย่มาก ฉันไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะกลับเข้าไปบอกลาเพื่อนร่วมงาน ฉันก้าวเดินออกจากที่ทำงานด้วยหัวใจที่ห่อเหี่ยว สิ้นหวัง และหมดกำลังใจ ท้อแท้มากเพราะไม่มีงานทำ
จากวันนั้นเป็นต้นมา ฉันไปเข้าสมัครงานตามโรงแรมต่างๆ เกือบทุกแห่ง แต่ก็ไม่มีที่ไหนรับฉันเลยสักแห่ง แต่ฉันก็ยังไม่ยอมแพ้ ปรับเปลี่ยนวิธีการแก้ไขปัญหาใหม่ เริ่มจากหางานที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับโรงแรม โดยมุ่งความสนใจไปในส่วนของสปาเดย์
และในที่สุดฉันก็ได้ทำงานในสปาอันดับหนึ่งของเมืองไทย ชีวิตฉันเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ครั้งนี้ความตั้งใจมีมากกว่าเดิมมาก ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของภาษาอังกฤษที่พยายามเรียนรู้เพิ่มเติมอยู่ตลอดเวลา และในส่วนของงานบริการ รวมถึงฝีมือที่จำเป็นต้องพัฒนาอยู่เสมอ
แม้ชีวิตจะราบรื่นดี แต่ฉันก็ยังไม่ลืมฝันของตัวเองที่จะต้องทำงานในโรงแรม 5 ดาวให้ได้ เพราะฉันเชื่อว่ายังมีความก้าวหน้ารอฉันอยู่ เมื่อใกล้ถึงวันสิ้นสุดสัญญา ฉันตัดสินใจลองผิดลองถูกอีกครั้งด้วยการสมัครงานที่โรงแรม 5 ดาวที่กำลังจะเปิดใหม่ พร้อมกับความมั่นใจเต็มร้อยในความสามารถกับภาษาอังกฤษที่ฉันตั้งใจฝึกเพื่อความก้าวหน้าของตัวเอง
ฉันถูกเรียกเพื่อสอบสัมภาษณ์ถึง 3 รอบด้วยกัน และสอบผ่านทุกรอบด้วยผลคะแนนที่ดี ในที่สุดความฝันของฉันก็เป็นจริง ฉันได้ทำในสิ่งที่หวังไว้… ได้เป็นลูกที่ดีของแม่… และเป็นแม่ที่ดีของลูกๆ
ทั้งหมดนี้ฉันคิดว่าอยู่ที่ใจของเรา หากเรามีหัวใจที่ไม่ท้อแท้ ไม่สิ้นกำลังใจ ทั้งยังหมั่นเติมความฝันและให้กำลังใจตัวเอง ที่สำคัญคือต้องไม่ละทิ้งความฝัน เราก็จะสามารถก้าวไปอยู่ในจุดที่ฝันไว้ได้…ขอเพียงเราอย่ายอมแพ้…
ที่มา นิตยสาร Secret
เรื่อง นัทรี ภักดีการณ์