เอดส์ เป็นโรคของระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์ซึ่งเกิดการติดเชื้อไวรัสเอชไอวี ทำให้ผู้ป่วยมีการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง
ปัจจุบันการรักษาผู้ป่วยเอดส์และผู้ติดเชื้อเอชไอวีสามารถชะลอการดำเนินของโรคได้ แต่ยังไม่มีหนทางรักษาให้หายขาด ไม่มีวัคซีนป้องกัน ยาต้านไวรัส สามารถลดอัตราการตายและภาวะทุพพล- ภาพได้ดี แต่ยาเหล่านี้ยังมีราคาแพงมาก องค์กรสุขภาพต่าง ๆ เห็นว่าการรักษาเอดส์ยังมีข้อจำกัดอยู่มาก จึงให้ความสำคัญกับการควบคุมการระบาดของโรคเอดส์ ด้วยการรณรงค์การป้องกันการติดเชื้อผ่านการสนับสนุนการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย เพื่อลดการแพร่ระบาดของเชื้อเอชไอวี
ประเทศไทยเราให้ความสนใจในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก มีการรณรงค์ป้องกันโรคเอดส์อย่างต่อเนื่อง วันหนึ่งครูเห็นข่าวการรณรงค์ป้องกันโรคเอดส์ทางโทรทัศน์ มีนายแพทย์ท่านหนึ่งพูดว่า
“ภรรยาที่ดีต้องเตรียมถุงยางอนามัยไว้ในกระเป๋าสามี 2 อันเป็นประจำ และต้องคอยตรวจเช็กว่าพร่องเมื่อไรก็เพิ่มเข้าไป เพื่อที่ว่าเวลาสามีไปเที่ยวหาความสำราญทางเพศ ซึ่งบางครั้งอาจเกิดขึ้นเป็นครั้งเป็นคราว สามีจะได้มีความตระหนักฉุกคิดถึงภรรยาแล้วหยิบถุงยางอนามัยออกมาใส่ แทนที่จะนำโรคมาให้ภรรยาที่บ้าน เพราะฉะนั้น ภรรยาที่ดีต้องป้องกันตัวเอง ต้องป้องกันสามีด้วยวิธีอย่างนี้”
ได้ยินคำพูดเหล่านี้แล้วเกิดความรู้สึกทั้งอยากร้องไห้ ทั้งอยากหัวเราะในเวลาเดียวกัน
อยากร้องไห้เพราะรู้สึกสงสารภรรยาที่ดีคนนั้นอย่างจับใจ นึกเห็นภาพภรรยาที่ดีเดินไปซื้อถุงยางอนามัย 2 อันมาใส่ในกระเป๋าของสามี
คงไม่มีภรรยาที่ดีคนไหนที่จะยิ้มอย่างเบิกบานมีความสุขขณะที่ทำเช่นนั้น คงไม่มีภรรยาที่ดีคนไหน ที่เมื่อพบว่า สามีใช้ถุงยางอนามัยหมดไปทั้ง 2 อัน แล้วจะยิ้มอย่างเอ็นดู แล้วรำพึงว่า “อ้อ… ใช้หมดไปสองอันแล้ว ดีจัง ”
แล้วถ้าพ่อสามีตัวดีเกิดพลาดพลั้งติดเอดส์ขึ้นมา ภรรยาที่ดีคนนั้นอาจจะต้องรู้สึกผิดไปจนตายหรือเปล่า เพราะบริหารถุงยางอนามัยให้สามีได้ไม่ดีพอ
คุณหมอท่านนั้นกำลังกดดันภรรยาที่ดีมากเกินไปหรือเปล่า
คุณหมอทำร้ายจิตใจ และผลักภาระความรับผิดชอบครอบครัวให้ภรรยาที่ดีมากเกินไปไหม
ทำไมคุณหมอไม่สั่งสอนให้ผู้ชายเป็นสามีที่ดี แล้วบอกกับเขาว่า
“สามีที่ดีต้องมีถุงยางอนามัยอยู่ในกระเป๋า 2 อันเสมอ เมื่อใช้ไปแล้วต้องซื้อมาเติมทุกครั้ง เวลาที่จะเกิดอุบัติเหตุทางเพศขึ้นมา ทันทีที่เห็นถุงยางอนามัยจะได้ตระหนักฉุกคิดถึงภรรยา แล้วกลับบ้านทันที สามีที่ดีต้องป้องกันตัวเองและภรรยาด้วยวิธีอย่างนี้”
คุณหมอกำลังดูถูกผู้ชายว่าสั่งสอนไม่ได้อย่างนั้นหรือ
คุณหมอรู้ไหมว่า คุณหมอกำลังสั่งจิตใต้สำนึกของคุณสามีทั้งหลายให้นอกใจภรรยาที่ดีผ่านถุงยางอนามัย เพราะหากภรรยาที่ดีทำอย่างที่คุณหมอว่า ทันทีที่สามีเห็นถุงยางอนามัย สมองจะตีความว่าภรรยาไฟเขียว สนับสนุนพฤติกรรมนี้ แล้วเขาก็จะทำเรื่องผิดศีลธรรมนั้นอย่างสบายอารมณ์ และ ณ ขณะที่ภรรยาหยิบถุงยางอนามัยใส่ลงไปในกระเป๋าของสามี เธอกำลังสั่งจิตใต้สำนึกของตัวเองว่า ฉันไม่มีศักดิ์ศรี ฉันไม่ดีพอ
ในทางกลับกัน คุณหมอก็สามารถสั่งจิตใต้สำนึกของสามีให้มีความรับผิดชอบต่อครอบครัวผ่านถุงยางอนามัยได้เหมือนกัน “ทันทีที่คุณเห็นถุงยางอนามัย คุณจะอยากกลับบ้านไปหาเมีย” วิธีนี้น่าจะป้องกันโรคเอดส์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกาได้ถูกที่คันมากกว่า
(เกาให้ถูกที่คัน)
ที่มา คอลัมน์ Power of Mind นิตยสาร Secret
เรื่อง ครูหนุ่ย – งามจิต มุทะธากุล
บทความน่าสนใจ