8 เคล็ดลับ สุขง่าย ๆ แบบไม่ต้องเก็บกระเป๋า ลาพักร้อน
ดร.เคิร์ก ไบรอน โจนส์ (Kirk Byron Jones) ผู้เขียนหนังสือ Holy Play: The Joyful Adventure of Unleashing Your Divine Purpose กล่าวไว้ว่า “แม้การเปลี่ยนบรรยากาศจะช่วยให้เรารู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นได้ก็จริง แต่การเปลี่ยนบรรยากาศก็ไม่ใช่สิ่งจำเป็นนัก เพราะ การพักผ่อนที่ช่วยสร้างความกระปรี้กระเปร่าให้แก่ชีวิตอย่างแท้จริงนั้น เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสิ่งที่อยู่ข้างในตัวเรามากกว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงสิ่งภายนอกที่อยู่รอบตัวเรา” (ลาพักร้อน)
เพราะเหตุนี้ Secret จึงขอแนะนำ 8 วิธีสร้างสภาวะแห่งการท่องเที่ยวขึ้นในจิตใจ เพื่อให้คุณรู้สึกสุข สนุก และมีชีวิตชีวาได้โดยไม่ต้องไปไหนไกล แบบไม่ต้องเก็บกระเป๋า ลาพักร้อน เลยล่ะค่ะ
1. รู้จักปิดสวิตช์บ้าง
อย่าใช้ชีวิตในโหมดมนุษย์ออฟฟิศที่พกงานติดตัวไปด้วยทุกที่ทุกเวลาโดยไม่ยอมตอกบัตร สลัดเรื่องงานออกจากหัวบ้าง เพราะ การพักผ่อนที่แท้จริงจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากคุณไม่ลดการทำกิจกรรมที่ดูดพลังจากตัวคุณ โดยเฉพาะการครุ่นคิดเรื่องเครียด ๆ เช่นเรื่องงาน
2. ละเลียด แทนที่จะ เร่งรีบ
โยนออร์แกไนเซอร์ทิ้งไป หันหน้าปัดนาฬิกาไปทางอื่น คว่ำปฏิทินลง เลิกกังวลถึงสิ่งที่คุณเพิ่งทำเสร็จไป เลิกหมกมุ่นกับสิ่งที่คุณจะทำในอนาคต และลืมเรื่องอื่นให้หมด แล้วหันมาใส่ใจกับปัจจุบันขณะให้มากขึ้น
ธรรมชาติอย่างหนึ่งของมนุษย์ก็คือ เรามักจะไม่ค่อยพอใจกับปัจจุบันขณะของตนเอง ด้วยเหตุนี้มนุษย์จึงเป็นทุกข์อยู่ตลอดเวลา ไม่ทุกข์กายก็ทุกข์ใจ เช่น หากเราถูกบังคับให้ยืนนาน ๆ เราย่อมอยากนั่ง แต่เมื่อได้นั่งสักพัก เราก็เริ่มกระสับกระส่ายอยากจะลุกขึ้นยืนอีกครั้ง เด็ก ๆ มักไม่พอใจกับความเป็นเด็กของตนเอง เร่งวันเร่งคืนอยากโตเป็นผู้ใหญ่ แต่เมื่อเราโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่สมใจ มีใครบ้างที่ไม่เคยบ่นว่า “อยากกลับไปเป็นเด็กเหลือเกิน”
3. ปรนเปรอตัวเอง
ถามตัวเองว่า ลึก ๆ แล้วคุณอยากทำอะไรต้องการอะไร และอยากเห็นชีวิตของตัวเองเป็นอย่างไร แล้วลงมือทำสิ่งเหล่านั้นให้เกิดขึ้นที่นี่ เดี๋ยวนี้ แต่หากคุณรู้สึกเหนื่อยมากจนไม่อยากทำอะไรเลย ก็จงตามใจตัวเองด้วยการอยู่เฉย ๆ แล้วดื่มด่ำกับความสุขจากการไม่ต้องทำอะไรเลยให้เต็มที่
ก่อนจะออกเดินทางเที่ยวไป ลองถามตัวเองว่า เพราะเหตุใดคุณจึงต้องการที่จะออกเดินทางไปยังที่ต่าง ๆ คุณรู้สึก “ขาด” อะไร และตั้งใจจะไป “ค้นหา” อะไรจากสถานที่เหล่านั้น แล้วพยายามหาหนทางเติมเต็มสิ่งที่คุณขาดเสียตั้งแต่วันนี้ เช่น แทนที่จะออกเดินทางรอนแรมเพื่อมองหาสถานที่ในฝันของคุณ ก็ทำบ้านของคุณให้กลายเป็นสถานที่ในฝันนั้นเสียเลย
หลาย ๆ ครั้งความพึงพอใจในชีวิตก็มักจะมาจากสิ่งละอันพันละน้อย อย่างผ้าปูเตียงสีขาวแบบเดียวกับที่ใช้ในโรงแรม หรือโซฟาหนังตัวใหญ่ที่ทำให้คุณอยากทิ้งตัวลงไปทุกคืนเพื่ออ่านหนังสือดี ๆ สักเล่มก่อนนอน
4. สวมวิญญาณศิลปิน
เสพศิลป์เพื่อสร้างสุข เติมสิ่งดี ๆ ให้ชีวิตด้วยการเสพศิลปะ หนึ่งในสิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์จะสามารถมอบให้แก่ตนเอง
ศิลปะทำให้จิตใจของมนุษย์ละเอียดอ่อนขึ้น จนกระทั่งสามารถหันกลับมา “ใส่ใจ” ในรายละเอียดที่เราไม่เคยใส่ใจมาก่อน และเข้าถึงความสวยงามของสรรพสิ่งได้อย่างแท้จริง
ศิลปะทำให้ความงดงามของสรรพสิ่งปรากฏขึ้นและประทับไว้ในความทรงจำของเราอย่างหนักแน่นกว่าปกติ
วัตถุธรรมดากลายเป็นสิ่งสูงค่าขึ้นมาได้อย่างมหัศจรรย์ ป่าเขาที่รกร้างกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันโด่งดังได้เพียงเพราะว่าสิ่งเหล่านั้นมีโอกาสได้ไปอวดโฉมอยู่บนผืนผ้าใบของศิลปินเอกของโลก
ตัวโน้ตไม่กี่ตัวกลายเป็นบทเพลงอันงดงามสลับซับซ้อนที่ได้รับการบรรเลงซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพียงเพราะตัวโน้ตเหล่านั้นได้รับการรังสรรค์ขึ้นใหม่โดยนักประพันธ์ผู้เปี่ยมไปด้วยอัจฉริยภาพ
5. เปิดบันทึกชีวิตหน้าใหม่
ลองเริ่มทำอะไรใหม่ ๆ อะไรก็ได้ที่คุณไม่เคยทำมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็ก ๆ อย่างการลองชิมอาหารเมนูใหม่ หรือเรื่องใหญ่ ๆ ที่มีอิทธิพลต่อชีวิตที่เหลือของคุณ เช่น การตกลงใจสมัครเข้าเรียนปริญญาตรีอีกฉบับในสาขาวิชาที่คุณแอบหลงรัก แต่ไม่กล้าบอกใคร เพราะการเริ่มต้นสิ่งใหม่ ๆ มักสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ชีวิตได้เสมอ
6. ปลุกใจให้ตื่นจากความซ้ำซากจำเจ
แซมวล เทย์เลอร์ คอเลริดจ์ (Samuel Taylor Coleridge) กวีอังกฤษกล่าวไว้ว่า “แทนที่เราจะปลุกจิตใจให้ตื่นขึ้นจากความซ้ำซากจำเจ แล้วพุ่งความสนใจไปที่ความงดงามและความแปลกใหม่ของสิ่งที่อยู่รอบกายอันเป็นสมบัติที่ไม่มีวันหมดไปของมนุษย์ เรากลับถูกความคุ้นเคยและความหมกมุ่นกังวลใจเกี่ยวกับเรื่องของตนเองครอบงำ จนกระทั่งเรามีตาที่มองไม่เห็น มีหูที่ไม่ได้ยินเสียง และมีจิตใจที่ไม่เคยรู้สึกรู้สาหรือเข้าอกเข้าใจสิ่งต่างๆ รอบกายเลย”
คุณสมบัติที่จำเป็นที่สุดสำหรับการสร้างสภาวะแห่งการเดินทางขึ้นในจิตใจก็คือ ความสามารถในการเปิดใจให้พร้อมมองสิ่งเดิม ๆ ในแง่มุมใหม่ ๆ อย่างปราศจากอคติ โดยไม่ตัดสินหรือตีตราในใจไว้ก่อนว่า อะไรคือสิ่งแปลกใหม่ที่น่าสนใจ และอะไรคือความธรรมดาที่น่าเบื่อหน่าย แต่ค่อย ๆ สัมผัสโลกอย่างตื่นตาตื่นใจ และศึกษาทุกซอกทุกมุมของสิ่งต่าง ๆ ด้วยความใส่อกใส่ใจ ราวกับว่านี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่คุณได้เห็นมัน แล้วคุณจะพบว่า ในสิ่งที่ธรรมดานั้นมีความวิเศษที่คาดไม่ถึงรอให้คุณค้นพบอยู่เสมอ
7. กลายร่างเป็นเจ้าหนูจำไม
ด้วยการตั้งคำถามเกี่ยวกับสิ่งละอันพันละน้อยรอบตัวเหมือนเด็ก ๆ แล้วใส่ใจกับการหาคำตอบให้แก่คำถามเหล่านั้น เพราะ สิ่งที่จะเป็นแรงขับชั้นดีซึ่งช่วยสร้างแรงบันดาลใจและช่วยให้บุคคลธรรมดา ๆ กลายเป็นคนที่รุ่มรวยขึ้นในเชิงประสบการณ์ชีวิตก็คือ ความสงสัยใคร่รู้ ซึ่งเปรียบเสมือนน้ำมันเชื้อเพลิงที่คอยหล่อเลี้ยงจิตใจของเหล่านักปราชญ์ นักคิด นักประดิษฐ์ และนักวิทยาศาสตร์ระดับโลกทั้งหลายได้เสมอมาไม่ว่าจะในยุคสมัยใด
8. กลับเป็นเด็กอีกครั้ง
ถามตัวเองว่า นานเท่าไรแล้วที่คุณไม่ได้ปล่อยใจให้กลับไปคิดอย่างเด็ก ๆ อีกครั้ง นานเท่าไรแล้วที่คุณลืมก้มลงมองน้ำหรือแหงนมองฟ้า แล้วตั้งคำถามตลก ๆ กับตัวเองหรือคนใกล้ชิด เพราะมัวแต่หมกมุ่นอยู่กับกองเอกสารบนโต๊ะ หน้าจอคอมพิวเตอร์ สิ่งที่คุณต้องรับผิดชอบ ความคาดหวังของผู้อื่น และปัญหาที่นอนเนื่องอยู่ในหัว
ถ้าคำตอบของคุณคือ “นานมากแล้ว” ขอแนะนำให้คุณลองทิ้งตัวตน เลิกสนใจสายตาคนรอบข้าง แล้วทำตัวให้เหมือนเด็ก ๆ ดูบ้าง เช่น หยุดยืนพิจารณารายละเอียดของสิ่งที่เราเดินผ่านทุกวันอย่างสนอกสนใจ แม้ว่าจะถูกเพื่อนร่วมทางที่เดินผ่านไปมามองอย่างประหลาดใจ นั่งลงสเก็ตช์ภาพต้นไม้หน้าออฟฟิศอย่างตั้งอกตั้งใจเพียงเพราะว่าเราเห็นว่ามันช่างงดงามเหลือเกิน ค่อย ๆ ละเลียดเดินชมและทำความรู้จักสินค้าทุกชิ้นในซูเปอร์มาร์เก็ตใกล้บ้านอย่างตื่นตาตื่นใจ และชี้ชวนคนรักให้แหงนหน้าขึ้นมองก้อนเมฆที่เคลื่อนไหวอย่างช้า ๆ แล้วก้มลงมองท่วงท่าของเต่าทองที่ค่อย ๆ คลี่ปีกแข็ง ๆ ของมันออกด้วยความพิศวง ไม่ต่างจากที่คุณเคยทำสมัยเรียนอยู่ชั้นประถม
แล้วคุณจะพบว่า ความสุขนั้นเกิดขึ้นได้ที่นี่และตรงนี้ ด้วยวิธีที่ง่ายกว่าที่คุณคิด
ที่มา : นิตยสาร Secret