ความสุขหลังคราบน้ำตา! หนูเล็ก ก่อนบ่าย มีวันนี้ได้เพราะกตัญญูสุดพลัง

หาทางเข้าวงการบันเทิง

ตลอดเวลาที่เรียนมหาวิทยาลัย ในใจหนูคิดแต่เรื่องทำมาหากิน จนวันหนึ่งก็เห็นโอกาสที่จะได้เข้าสู่วงการบันเทิง ตอนเรียนอยู่ปี 4 หนูเห็นอาเป็ด เชิญยิ้ม ประกาศรับสมัครโครงการค้นคว้าหาดาวตลกในทีวี จึงชวนเพื่อนให้ไปด้วยกัน เพื่อนบอกว่า “บ้าหรือเปล่า มีแต่คนเขาอยากเป็นดารา เป็นนางเอก แต่แกอยากเป็นตลก”

หนูเล็ก ก่อนบ่าย

จริง ๆ แล้วตอนนั้นหนูไม่ได้อยากเป็นนักแสดงตลกหรอก อยากเป็นนักร้องมากกว่า แต่เมื่อมีโอกาสนี้แล้วก็คว้าไว้ก่อน ก่อนไปก็โทร.เข้าไปสอบถามก่อนว่า หนูไม่มีความสามารถอะไรที่เกี่ยวกับการแสดงตลกเลย ไม่สวยด้วย แต่ร้องเพลงลูกทุ่งได้ พอจะไปประกวดได้ไหม เขาก็บอกว่าได้ ไม่จำเป็นต้องสวย แค่คุณกล้าแสดงออกก็มาได้เลย หนูจึงขอลองสักตั้ง

วันที่ไปประกวดหนูมีเงินติดตัวเพียง 500 บาท ใช้ไปกับการเช่าชุดมโนราห์ เพราะเห็นทีมงานบอกว่าให้ใส่ชุดวัฒนธรรมท้องถิ่นบ้านเกิดมาได้ ก่อนขึ้นเวทีก็แต่งหน้าทำผมเอง โดยยืมลิปสติกคนแถวนั้นนั่นแหละมาทา ระหว่างนั่งรอเห็นผู้สมัครคนอื่นขึ้นไปแสดงแป๊บเดียว แล้วก็ไม่ผ่านแทบทั้งนั้นเลย แต่ก็ไม่ได้ใจเสียนะ พร้อมสู้ เป็นไงเป็นกัน

หนูเล็ก ก่อนบ่าย

พอถึงคิวหนูขึ้นเวที กรรมการบอกให้แสดงความสามารถพิเศษ โดยให้รำมโนราห์เพราะเห็นใส่ชุดมาพร้อม

“หนูรำไม่ได้ค่ะ” หนูบอกไปตามความจริง เท่านั้นแหละ อาเป็ดก็พูดเสียงดุว่า “แล้วขึ้นมาทำไม” หนูใจเสียเกือบจะร้องไห้อยู่ตรงนั้น แต่ทำใจสู้บอกไปว่า “แต่หนูร้องมโนราห์ได้นะคะ” อาเป็ดไม่สนใจ ลุกเดินออกไปเข้าห้องน้ำ ระหว่างนั้นกรรมการคนอื่น ๆ ก็บอกให้หนูร้องมโนราห์ให้ฟัง

พอหนูร้องมโนราห์ อาเป็ดได้ยินก็รีบวิ่งกลับมาดูเลย ในใจตอนนั้นเริ่มมีหวังแล้วว่าน่าจะผ่านนะ พอร้องจบกรรมการก็ถามคำถาม แล้วถามเรื่องประวัติครอบครัว หนูก็ออกตัวก่อนเลยว่า “ขอหนูร้องไห้ก่อนนะคะ” เพราะสะเทือนใจทุกครั้งที่ต้องเล่าเรื่องชีวิตตัวเอง

หนูเล็ก ก่อนบ่าย

หลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์ ทีมงานโทร.มาบอกว่า หนูผ่านเข้ารอบ แต่ต้องมาแสดงความสามารถให้กรรมการดูอีกรอบ โดยต้องไปแสดงตลกร่วมกับคนอื่น ๆ ที่ผ่านเข้ามาเหมือนกัน ตอนไปเข้ากลุ่ม เพื่อนในกลุ่มก็บอกให้หนูเล่นแบบพูดสำเนียงใต้ไปเลย พอเล่นไปกรรมการชอบมาก หลังจากนั้นอีกหนึ่งสัปดาห์ก็มีคนโทร.มาบอกว่าให้มาเล่นในรายการ ”ก่อนบ่ายคลายเครียด”

หนูดีใจมาก ตื่นเต้นมาก เพราะความฝันที่จะเข้าวงการเป็นจริงแล้ว แต่บทแรกที่หนูได้เล่นตอนนั้น คือการพูดคำๆ เดียวว่า “แม่” แบบลากเสียงยาว เล่นเท่านี้เลย แล้วเดือนหนึ่งก็ได้มาเข้าฉากสักครั้งหนึ่ง เป็นอย่างนี้อยู่หนึ่งปีซึ่งหนูเครียดมาก

จาก หนูเล็ก ก่อนบ่าย กลายเป็น “หนูเล็ก ก่าก๊า”ใครก็ว่าน่ารำคาญ

หนูเล็ก ก่อนบ่าย

ช่วงหนึ่งปีแรกที่เข้ามาเล่นในรายการก่อนบ่ายฯ หนูร้องไห้ทุกครั้งที่มาเข้าฉาก เพราะเล่นไม่ได้เลย ส่งมุกก็ไม่ได้ รับมุกก็ไม่ได้อีก รู้สึกกดดันมาก เพราะที่ผ่านมาหนูไม่เคยแสดงตลกมาก่อน ทั้งยังหัวช้า สมาธิสั้นอีก ตอนนั้นคบกับแฟนแล้ว จึงปรับทุกข์กับเขาตลอดว่า ไม่อยากทำแล้ว แต่เขาบอกให้สู้ หนูก็พยายาม ถึงอย่างนั้นหนูก็เกือบถอดใจหลายครั้ง

กระทั่งพี่ ๆ ทีมงานก่อนบ่ายฯ พูดให้กำลังใจว่า “หนูเล็กต้องสู้ ทุกอย่างฝึกได้ แต่ต้องเพิ่มความอดทนเข้าไปอีกหน่อย”

หนูรู้สึกเป็นบุญเหลือเกินที่ผู้ใหญ่ทุกคนให้โอกาส ถือเป็นโชคดีในชีวิตหนู รวมไปถึงครอบครัวด้วย พี่ ๆ ทุกคนในรายการก่อนบ่ายฯ คอยสอนและให้กำลังใจ พี่สุเทพ สีใส ให้หนูไปลองฝึกเล่นตลกในคาเฟ่กับเขา หนูฝึกอยู่สามเดือนจนได้จังหวะการรับส่งมุกตลก พี่นุ้ย เชิญยิ้ม ก็คอยสอนมุกตลกให้

แต่หนูเรียนรู้ได้ช้ามาก จนสุดท้ายพี่นุ้ยบอกว่า “ไม่สอนแล้ว อยากเล่นอะไรก็เล่นไปเลย เอาที่เป็นตัวของตัวเอง”

หนูเล็ก ก่อนบ่าย

พอพี่นุ้ยบอกว่าให้เป็นตัวของตัวเองได้ หนูรู้สึกเหมือนได้ปลดล็อกทุกอย่าง จึงไม่เกร็งเพราะไม่ต้องเป๊ะทุกอย่างและเล่นในแบบที่เป็นตัวของตัวเอง หนูพยายามพัฒนาตัวเองมาตลอด แต่ก็เป็นไปแบบช้ามาก ถึงอย่างนั้นก็สู้ ฝึกฝนซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนในที่สุดก็ทำได้ และคิดคำประจำตัวว่า “ไม่น่ารักเลย” ได้เองด้วย

พอเข้าปีที่สอง หนูเรียนจบพอดี จึงได้เล่นประจำในรายการ อาเป็ดเริ่มคิดว่าทำอย่างไรหนูจึงจะมีคาแร็กเตอร์ที่คนดูจำได้ จึงให้หนูพูดว่า “กาก่าก่าก๊า” ลงท้ายประโยคในบทพูด หนูก็แอบตัดเหลือแค่ “ก่าก๊า” พอพูดบ่อย ๆ คนก็จำได้ แต่จำได้แบบที่เขารำคาญ หรือบางคนเกลียดไปเลยก็มี

เวลานั้นหนูเครียดมากอีกแล้ว เพราะคนด่าเยอะมาก ดีว่ามีแฟนคอยให้กำลังใจเสมอ เขาบอกว่า “ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีโอกาสเข้ามาในวงการนี้นะ เรามีโอกาสได้มาขนาดนี้ก็ถือว่าเป็นบุญแล้ว ขอให้สู้ต่อไป”

หนูเล็ก ก่อนบ่าย

ช่วงแรกหนูยังไม่เข้าใจว่าทำไมต้องยอมทำตัวให้คนเกลียดด้วย แต่วันหนึ่งหนูไปที่โรงพยาบาล แล้วรายการก่อนบ่ายฯ มาพอดี หนูเห็นคนยืนดูทีวีแล้วก็พูดว่า “ดูสิก่าก๊าออกมาอีกละ” อีกคนก็พูดรับทันทีว่า “เกลียดเสียงมันนะ น่ารำคาญมาก” แต่เขาก็ยืนดูกันจนจบ หนูจึงคิดได้ว่า นี่คงเป็นวิธีที่ผู้ใหญ่อยากให้หนูเป็นที่จดจำของคนดู หนูรู้ทันทีว่าหนูมาถูกทางแล้ว

หลังจากคนจำได้ก็เริ่มมีละครติดต่อมา จากนั้นก็ได้ไปออกรายการ ”ตีสิบ” คุณอาวิทวัจน์ สุนทรวิเนตร์ สัมภาษณ์เรื่องชีวิต เล่าไปมาเล่ามาหนูก็ร้องไห้ในรายการ เพราะสะเทือนใจเมื่อเล่าเรื่องครอบครัวและชีวิตช่วงที่ลำบาก ซึ่งการออกรายการครั้งนั้นทำให้คนดูรู้ที่มาที่ไป และรู้จักตัวตนของหนูมากขึ้น

หนูเล็ก ก่อนบ่าย

ต่อมาก็ได้มีโอกาสเล่นละครซิทคอม ”บ้านนี้มีรัก” คนก็ยิ่งรู้จักมากขึ้นไปอีก แต่ถ้าพูดถึงเบื้องหลังแล้ว การเล่นละครซิทคอมถือว่ายากมาก เพราะต้องจำบท จำจังหวะให้เป๊ะ หนูสมาธิสั้น ความจำไม่ดี ช่วงแรกจึงเล่นไม่ค่อยได้ตามเคย

แต่ทีมงานก็ให้โอกาส หนูจึงพยายามพัฒนาตัวเองให้ดีและขอให้ทีมงานช่วยส่งบทมาให้อ่านก่อน เพื่อให้มีเวลาอ่านและจำบทให้ได้ก่อนไปถ่ายทำ หนูจึงถือว่า ”บ้านนี้มีรัก” เป็นเหมือนโรงเรียนที่สอนและพัฒนาการแสดงของหนูให้ดีขึ้นมาก

ซื้อบ้านเพื่อครอบครัว

หนูเล็ก ก่อนบ่าย

เมื่อได้เข้ามาทำงานในวงการ หนูส่งเงินให้พ่อแม่ได้มากขึ้น ชีวิตความเป็นอยู่จึงดีขึ้น มีเงินใช้จ่าย ได้กินอาหารขนม ผลไม้ที่เมื่อก่อนไม่มีวันได้ซื้อกิน หนูรู้สึกตื้นตันมากที่ได้ดูแลท่านให้อยู่สุขสบาย จากนั้นหนูคิดปรับปรุงบ้านที่เคยอยู่ให้ดีขึ้น แต่พ่อแม่อยากได้แค่บ้านชั้นเดียวธรรมดา จึงต้องตามใจ

ต่อมาหนูตัดสินใจซื้อบ้านหลังแรกที่กรุงเทพฯ เพราะอยากให้พ่อแม่มาอยู่ด้วยกัน แม้จะมีคนพูดว่าหนูใช้เงินเกินตัว หนูก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร เพราะคิดว่าไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง ปรากฏว่าพอมาอยู่ด้วยกันจริงๆ พ่อแม่ก็อึดอัด เพราะบ้านค่อนข้างแคบและไม่คุ้นที่ ไปไหนมาไหนไม่ได้ แม่ได้แต่ยืนเกาะรั้วเหมือนโดนขัง หนูเห็นแล้วสงสารจึงให้ท่านกลับไปอยู่ที่สงขลา ว่างเมื่อไหร่ก็ไปเยี่ยม

หนูเล็ก ก่อนบ่าย

แต่ความคิดที่อยากให้พ่อแม่มาอยู่ด้วยยังไม่จบ ตั้งใจเลยว่าจะต้องซื้อบ้านหลังใหญ่ให้พ่อแม่อยู่อย่างสุขสบายให้ได้ในสักวันหนึ่ง กระทั่งผ่านไปสองปี หนูก็ได้เจอบ้านที่ถูกใจ แต่พอเห็นราคาก็รู้เลยว่าเกินกำลัง จึงต้องตัดใจซึ่งไม่สำเร็จ เพราะพอกลับไปดูบ้านหลังนั้นอีกครั้งก็ยังรู้สึกชอบ พาพ่อแม่ไปดูท่านก็ชอบด้วย

ระหว่างกำลังตัดสินใจ เป็นช่วงเดียวกับที่ละครซิทคอมเรื่อง ”บ้านนี้มีรัก” ติดต่อให้แสดง หนูจึงมีรายได้เพิ่มขึ้นจนมั่นใจว่าจะผ่อนบ้านหลังนี้ได้ เมื่อยื่นกู้ก็ผ่าน หนูจึงได้บ้านหลังใหญ่ขึ้นพอที่ให้พ่อแม่มาอยู่ได้อย่างสบาย

ชีวิตเหมือนจะลงตัวแล้ว แต่สุดท้ายก็ได้เจอเรื่องไม่คาดคิดที่ทำเอาหนูเป็นทุกข์จนเกือบจะคิดสั้น

 

กดเลข 3 อ่านต่อเลยค่ะ

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.