รู้ได้อย่างไรว่าใครเป็น โสดาบัน โดย ดร.สนอง วรอุไร
การจะรู้ว่าใครเป็น โสดาบัน นั้น ปุถุชนย่อมไม่สามารถรู้ได้ มีเพียงผู้ที่มีสภาวธรรมในจิตเป็นโสดาบันหรือสูงกว่าเท่านั้นที่จะรู้ได้ อย่างไรก็ดี บุคคลสามารถสังเกตลักษณะของความเป็นพระโสดาบันได้จากพฤติกรรม โดยดูว่าบุคคลนั้นต้องเป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์ ไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อย คุมใจอยู่ทุกขณะตื่น เป็นผู้ที่ไม่มีพฤติกรรมที่ผิดกฎหมาย ผิดศีล หรือผิดธรรมอีกต่อไป และมีจิตเลื่อมใส ไม่หวั่นไหวในพระรัตนตรัย มีสติคุมอิริยาบถ มีจิตเป็นอิสระต่อกาย เป็นอิสระต่อเวทนา เป็นอิสระต่อโลกธรรมและวัตถุ ฯลฯ ลักษณะเหล่านี้จะแสดงออกให้เห็นทางพฤติกรรมให้สามารถชี้วัดได้
โดยทั่วไปแล้วปุถุชนคนธรรมดาที่พัฒนาเพียงปัญญาทางโลกมักมองพระโสดาบันว่าเป็นคนประหลาด มีพฤติกรรมแตกต่างจากคนส่วนมาก เช่น ไม่ดื่มเหล้าอย่างสิ้นเชิง ไม่พูดคุยเรื่องทางโลกที่ไร้สาระเหมือนคนทั่วไป ฯลฯ เนื่องจากพระโสดาบันคืออริยบุคคลขั้นต้น เป็นผู้ที่ได้ปิดอบายภูมิแล้ว เมื่อตายแล้วจะไม่ลงไปเกิดต่ำกว่ามนุษย์ คือจะไม่ไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน เปรต อสุรกาย และสัตว์นรกอีกต่อไป และจะตายแล้วเกิดอีกไม่เกิน 7 ชาติก็จะถึงซึ่งพระนิพพาน
เมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้าประทับอยู่ที่เชตวันมหาวิหาร เมืองสาวัตถี พระองค์ทรงใช้พระดรรชนีตักขี้ฝุ่นขึ้นมาด้วยปลายเล็บ แล้วตรัสกับภิกษุในทำนองที่ว่า
“ขี้ฝุ่นที่ปลายเล็บของตถาคต กับขี้ฝุ่นที่เหลืออยู่ในพื้นปฐพีนี้ อย่างไหนมีมากกว่ากัน”
ภิกษุตอบว่า
“ขี้ฝุ่นที่อยู่ในปลายเล็บของพระพุทธองค์นั้นมีเพียงเศษหนึ่งส่วนร้อย เศษหนึ่งส่วนพัน เศษหนึ่งส่วนแสนเสี้ยวของขี้ฝุ่นทั้งหมดที่เหลืออยู่ในพื้นปฐพีพระเจ้าข้า”
พระพุทธเจ้าจึงตรัสต่อว่า “ถูกแล้วภิกษุ ความทุกข์ของพระโสดาบันที่ต้องเวียนตายเวียนเกิดอีกไม่เกินเจ็ดชาติ เหลืออยู่เท่ากับขี้ฝุ่นที่ติดอยู่ที่ปลายเล็บของตถาคตเท่านั้น เมื่อเทียบกับความทุกข์ส่วนใหญ่ที่พระโสดาบันสามารถกำจัดให้หมดไปได้แล้ว ซึ่งมีมาก เปรียบได้กับขี้ฝุ่นที่เหลืออยู่ในพื้นปฐพี”
นี่คือความประเสริฐของการเป็นอริยบุคคลขั้นพระโสดาบัน
ที่มา เพราะถึงธรรมจึงพ้นโลก โดย ดร.สนอง วรอุไร สำนักพิมพ์อมรินทร์ธรรมะ
บทความน่าสนใจ
โลกสวย…ด้วยการ (หนี) ทุกข์ โดย พระอาจารย์นวลจันทร์ กิตติปัญโญ
เหนือกว่าศีล 5 คือ กุศลกรรมบถ 10 โดย พระอาจารย์นวลจันทร์ กิตติปัญโญ