อโหสิกรรม …ทำอย่างไรหนอ – สนทนาธรมกับ พระอาจารย์นวลจันทร์ กิตติปัญโญ
“เจ็บแค้นเคืองโกรธโทษฉันไย ฉันทำอะไรให้เธอเคืองขุ่น” เคยมีสักช่วงเวลาในชีวิตไหมคะที่รู้สึกว่ากำลังโดนกระทำซ้ำเติมจากบุคคลรอบข้างเหลือเกิน
ในทางพุทธเชื่อกันว่า ผู้ที่กระทำเรานั้นมักเป็นผู้ที่มีกรรมเกี่ยวข้องกันมา หรือเป็นเจ้ากรรมนายเวรของเรา ถามใครต่อใครว่าควรจะทำอย่างไร ส่วนใหญ่มักตอบว่าให้ไปขออโหสิกรรมเขาซะ…ฟังแล้วหลายคนอาจจะงง ขออโหสิกรรมคืออะไรกันหนอ…จึงรีบรี่ไปถามพระอาจารย์นวลจันทร์ กิตติปัญโญ เพื่อให้หายข้องใจ
การขอ อโหสิกรรม ต่างจากการขอโทษอย่างไรคะ
ไม่ต่างกัน ความหมายเหมือนขอโทษนั่นแหละ แต่สาระของคำนี้คือ เมื่อเราพลาดพลั้งทำไม่ดีลงไปและสำนึกได้แล้วจะทำอย่างไรให้อีกฝ่ายเขาให้อภัยหรือยกโทษให้
เราจะต้องกล้ารับผิดชอบต่อการกระทำที่ตัวเองเคยทำมาทั้งหมด ไม่ว่ากับใครที่ไหน ด้วยการแสดงออกทางกาย วาจา หรือจิตอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อขอขมาบรรดาทุกสรรพสิ่งที่เราได้ล่วงเกินในสังสารวัฏ โดยบอกเขาว่า เราจะไม่ทำผิดอีกแล้ว ขอเป็นชาติสุดท้าย และจะอยู่ในเส้นทางของคุณงามความดีจากนี้เป็นต้นไป
คนส่วนมากเวลาเกิดอะไรขึ้นในชีวิต มักคิดว่าเป็นเพราะเจ้ากรรมนายเวร ดังนั้นถ้าเราขออโหสิกรรมเขาแล้ว เท่ากับขอโทษแล้ว ถือว่าจบได้ไหมคะ
ก็ต้องลองถามเขาดูนะ อย่ามาถามอาจารย์…สมมุติเราไปตบหน้านาย ข. แล้วมาถามอาจารย์ว่านาย ข.จะยกโทษให้หนูไหม อาจารย์คงตอบให้ไม่ได้หรอก (หัวเราะ)
สาระไม่ได้อยู่ที่ว่าเขายกโทษให้หรือไม่ยกโทษให้ สาระคือเราได้ขออโหสิขอโทษเขาแล้ว เราได้ทำในสิ่งที่สมควรทำคือขอขมา คุณธรรมที่เกิดขึ้นในใจบ่งบอกว่าสิ่งที่กระทำล่วงไปนั้นไม่ดี แต่ดันทำไปแล้ว สิ่งที่ทำได้ดีที่สุด ณ ปัจจุบันคือ “ขอโทษ” ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับเขาว่าจะยกโทษให้ไหม อย่างน้อยเราก็ได้ทำสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว ไม่เกี่ยวว่าเขาจะต้องยกโทษให้ตามที่เราต้องการหรือเปล่า ถ้าเรายกมือขอโทษปุ๊บ เขายังเบือนหน้าหนี ไม่ให้อภัย ก็เรื่องของเขา ถึงอย่างไรเราก็ได้ขออภัยแล้ว
แต่เราไม่มีทางรู้ได้เลยนี่คะว่า เราไปทำอะไรมาแต่ชาติปางไหน แบบนี้เรายังจะต้องขอโทษเขาอยู่อีกหรือคะ
ยิ่งไม่รู้ยิ่งควรขอโทษ…ยิ่งมีความ “ไม่รู้” มากเท่าไร โลภะ โทสะ โมหะยิ่งมาก ไปทำสิ่งที่ไม่สมควรทำ ไม่รู้บาปบุญคุณโทษ ไอ้ที่เราต้องมาเกิดหลายภพชาติก็เพราะความ “ไม่รู้” นี่ไง ถึงจะรู้หรือไม่รู้ว่าเราทำอะไรลงไปบ้าง แต่ขอโทษไปก็ไม่เสียหาย เพราะการขอโทษคือการแสดงความอ่อนน้อมถ่อมตน เป็นสิ่งที่ดีงาม
ที่จริงไม่ต้องย้อนไปดูในอดีตชาติหรอก แม้แต่ชาติปัจจุบันเนี่ย ปีที่แล้วมีไหมที่ทำไม่ดีกับคุณพ่อคุณแม่ กับเพื่อนร่วมงาน กับคนที่เราไม่ชอบหน้า เกิดมาชาตินี้จะเกี่ยวโยงกับสิ่งที่เป็นบุญกุศลอย่างเดียวคงเป็นไปไม่ได้ ไม่ว่าสนามบิน บนรถไฟฟ้า พารากอน แม้แต่ในห้องน้ำเราก็สามารถเกิดอกุศลจิตได้ อย่างเวลาเข้าห้องน้ำ ห้องข้างเรามาปู้ดป้าดๆ เราอาจจะนึกด่าอยู่ในใจ อกุศลจิตเกิดแล้ว
นี่คือโทษของการประมาทขาดสติ ถ้าเราขาดสติ โอกาสที่จะทำผิดพลาดบกพร่องแบบนี้มีเสมอๆ แต่ถ้าเราฝึกสติจนสติเกิดแล้ว เราจะรู้เลยว่าที่ผ่านมาเราขาดสติเยอะ แปลว่าในอดีตต้องเคยทำผิดพลาดมาเพียบแน่นอน สิ่งที่เราทำได้ก็ควรขอโทษ ขออโหสิกรรม และตั้งจิตไว้ว่า สมัยก่อนหนู “ไม่รู้” แต่ตอนนี้รู้แล้ว ต่อไปจะมีสติ ไม่ประมาท ไม่ทำผิดพลาดอะไรอีก
อดีตผิดพลาดพลั้งไปไม่เป็นไร ตั้งตัวใหม่ ทำปัจจุบันให้ดีที่สุดดีกว่า
แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรคะว่าคุณเจ้ากรรมนายเวรของเราเขาอโหสิกรรมให้เราแล้ว
ไม่มีทาง ถ้าเขาไม่ให้ ยังไงเขาก็ไม่ให้ หากอยากหนีจากเจ้ากรรมนายเวร มีวิธีเดียวคือข้ามฝั่ง มึงจะอยู่สร้างกรรมแค้นอาฆาตกูตรงนี้ก็เรื่องของมึง แต่กูขอขมาแล้ว พระพุทธองค์กล่าวไว้ว่า เมื่อเราได้ทำตามหน้าที่ดีที่สุดแล้ว ก็ต้องเดินทาง คือภาวนาต่อ แล้วข้ามฝั่งไปเลย ทีนี้เขาจะตามไม่ทัน เพราะว่าอานุภาพของกรรมบางส่วน พอเราข้ามฝั่งเป็นอริยบุคคล กรรมบางอย่างก็ไม่มีผลแล้ว เหมือนอย่างหมาล่าเนื้อมันวิ่งไล่เรามา ถ้าเรายังอยู่ฝั่งนี้ต้องโดนรุมสกรัมแน่นอน แต่เมื่อว่ายฝ่าน้ำเชี่ยวหนีไปอีกฝั่งหนึ่งได้ หมาก็ได้แต่เห่าอยู่อีกฝั่ง ไม่มีกำลังข้ามตาม
แต่ส่วนใหญ่ในมิติต่างๆ ภพภูมิต่างๆ ถ้าเราภาวนาจนสามารถส่งคลื่นจิตถึงเขาให้เขารับรู้ รับทราบได้ ส่วนมากเขาจะให้อภัย เพราะเขารับทราบว่าเราได้กราบขออโหสิกรรมทั้งกาย วาจา ใจแล้ว มีส่วนน้อยมากที่กำกันแน่น กัดไม่ปล่อย แรงอาฆาตพยาบาทสูงจนผูกโกรธผูกเจ็บไปทุกภพชาติ
ถ้าเราไม่ชอบหน้าใครสักคน การขออโหสิกรรมในใจเวลาเจอเขาบ่อยๆ จะช่วยทำให้อะไรๆ ดีขึ้นได้ไหมคะ
ถ้าคนเป็นๆ ที่ยังมีชีวิตอยู่ พระพุทธองค์กล่าวว่า ควรแสดงออกให้เห็นต่อหน้าและรับรู้กันทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่ในใจอย่างเดียว ต้องสามทาง กาย วาจา ใจ แต่ถ้าบางคน ทางกายไหว้ซะงาม ทางวาจาขอโทษดิบดี แต่ในใจ ชิ! หมั่นไส้ แบบนี้ไม่ได้ คนที่มีธรรมะ กาย วาจา ใจจะเป็นหนึ่งเดียว ถ้าเราทำจริง เขาจะสัมผัสได้จริงๆ และโอกาสที่เขาให้อภัยจะมีสูงขึ้น เพราะจิตเป็นพลังงาน สามารถสัมผัสกันได้
ได้ยินมาว่า การขออโหสิกรรมกับพ่อแม่จะทำให้ชีวิตของลูกๆ ดีขึ้นจริงไหมคะ
พ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูก ถ้าเราทำไม่ดีกับท่าน ความรู้สึกทางใจจะคิดวกวน ขุ่นมัว เศร้าหมอง ไม่สบายใจ จิตก็จะไม่มีคุณภาพ เละตุ้มเป๊ะ เราจะไปทำกิจการงานไหน ประสิทธิภาพและประสิทธิผลของงานก็จะลดลง แต่ถ้าเราได้ทำสิ่งที่ดี อย่างการขอขมาต่อคุณพ่อคุณแม่ปุ๊บ และท่านยกโทษให้ ความรู้สึกข้างในจะโล่ง เบา ผ่องใส เบิกบานขึ้นมา ไปทำงานทำการปุ๊บก็จะไม่กังวล ชีวิตก็จะดีขึ้นด้วยวิถีจิตของเราเอง
ที่มา นิตยสาร Secret
เรื่อง พระอาจารย์นวลจันทร์ กิตติปัญโญ
เรียบเรียงโดย ผั่นพั้น