ถาม: ผู้ปฏิบัติธรรมส่วนใหญ่มักรู้สึกว่าการต้องคอย ปรนนิบัติ ดูแลพ่อแม่ สามี ภรรยา และลูก จะฉุดไม่ให้เข้านิพพาน จริงหรือไม่
ตอบ: ไม่จริงเลย ความคิดเช่นนี้เป็นมิจฉาทิฏฐิ เพราะอะไรๆ ก็ขวางกั้นอะไรๆ ไม่ได้ อะไรๆ ก็เป็นอุปสรรคให้กับอะไรๆ ไม่ได้ ไม่มีอะไรเป็นอุปสรรคให้กับเราทั้งนั้น ทิฏฐิต่างหาก ความเห็นของเราต่างหากที่เป็นอุปสรรค เช่น สามี ภรรยา ทรัพย์สมบัติรถเบนซ์คันหนึ่งก็ยังอยู่อย่างนั้น จอดอยู่อย่างนั้น เงินในธนาคารก็อยู่อย่างนั้น ไม่สามารถนำมาร้อยรัดตัวเราได้ สรรพสิ่งทั้งหลายก็เป็นวัตถุชิ้นหนึ่ง ตั้งอยู่อย่างนั้นไม่ได้ทำอะไรเลย แต่คนต่างหากที่มีมิจฉาทิฏฐิ ผูกโยงความคิดของตัวเองไปเกี่ยวข้องกับสรรพสิ่งแล้วยึดมั่นถือมั่น สมมุติว่าสิ่งนั้นสิ่งนี้มีค่ามีราคา แล้วนำไปจับไปทูนไว้ ว่าเป็นของของเรา
หากมีความคิดเช่นนี้ ต้องให้เขาศึกษาธรรมะเรื่อยๆ แล้วจะพบว่าไม่มีอะไรเป็นอุปสรรคขัดขวางเลย ยิ่งเห็นทุกข์ ยิ่งทำให้ใกล้ฝั่งพระนิพพาน เพราะถ้าได้เห็นทุกข์มากๆ จะทำให้ได้เห็นธรรมะที่แท้จริงเร็วขึ้น เช่น คนผิดหวังในความรัก หย่าขาดจากสามี ภรรยา หรืออกหักจากแฟน ไม่มีอะไรเป็นเครื่องรับประกันได้ว่าหากมีรักครั้งใหม่จะไม่พบทุกข์อีก เมื่อเขาทุกข์มากๆ เขาจะเห็นความไม่เป็นแก่นสาร จะเกิดความเบื่อหน่ายแล้วหันกลับมาแสวงหาหนทางหลุดพ้นทุกข์ จนเกิดปัญญาได้พบกับนิพพานเร็วขึ้น พูดง่ายๆ คือ ถ้าเข้าใจธรรมะ จะไม่ไปโทษเหตุปัจจัยภายนอก ไม่โทษสิ่งอื่น แต่จะหันกลับเข้ามาดูภายในใจตัวเอง
ถ้าอยากเข้าถึงนิพพาน อย่าไปมองสิ่งอื่นเลย อย่าไปโทษสิ่งอื่นเลย อย่าไปโทษใครว่ามาคอยขัดขวาง เพราะถ้ายังมีความรู้สึกแบบนี้อยู่ จะไม่สามารถเข้าถึงนิพพานได้ แต่ถ้าไม่โทษสิ่งใดแล้ว จะเริ่มเห็นทางวิมุตติหลุดพ้น ก้าวหน้าทางธรรมได้สำเร็จในที่สุด
ธรรมะจากพระอาจารย์มานพ อุปสโม : พระอาจารย์ผู้ไขปัญหา
หากผู้อ่านมีปัญหาหนักใจ ต้องการคำแนะนำแฝงด้วยแนวคิดทางธรรม สามารถส่งคำถามมาได้ที่ Secret Magazine (Thailand)
บทความน่าสนใจ
Dhamma Daily : เคยทำผิดพลาดมาก่อนแต่กลับตัวได้ จะมีโอกาสเข้าถึง พระนิพพาน หรือไม่
การบวช ไม่ใช่หนทางเดียวสู่ มรรคผล นิพพาน ธรรมะจาก ท่าน ว.วชิรเมธี
นิพพานเทียม สำหรับคนที่ยังไม่เป็นพระอรหันต์ โดย พระอาจารย์ชาญชัย อธิปัญโญ