วิธีแก้ปัญหา หนี้สินรุงรัง ให้ได้ผล บทความดีๆ จากพระอาจารย์ ชาญชัย อธิปญฺโญ
คนจำนวนไม่น้อยเป็นทุกข์เพราะมี หนี้สินรุงรัง จะแก้ปัญหาให้หมดหนี้ได้อย่างไร
บางคนกู้เงินมาใช้หนี้เก่า แต่ก็เท่ากับว่าสร้างหนี้ใหม่ วิธีนี้ไม่ได้หมดหนี้แต่อย่างใด เพียงแต่ลดแรงกดดันจากการทวงหนี้ของเจ้าหนี้เก่า อีกไม่นานก็ต้องถูกเจ้าหนี้รายใหม่ตามมาทวงหนี้
บางคนมีพ่อแม่ญาติพี่น้องให้เงินมาชำระหนี้ หรือขายสินทรัพย์ที่มีอยู่เพื่อล้างหนี้ให้หมดไป อาจจะหมดหนี้โดยถาวรก็ได้ หรือต่อมาไม่นานก็เริ่มเป็นหนี้อีก
วิธีแก้ปัญหาให้หมดหนี้โดยถาวรตามแนวทางของอริยสัจ 4 นั้น ต้องหาสาเหตุแห่งการเป็นหนี้ก่อน แล้วแก้ที่สาเหตุมิใช่แก้ที่ผลคือเอาเงินมาใช้หนี้ เพราะถึงแม้จะใช้หนี้ให้หมดไปแล้ว แต่ก็ยังไม่เลิกสร้างเหตุแห่งการเป็นหนี้ ไม่ช้าก็จะกลับมาเป็นหนี้อีก ดังที่คนเป็นหนี้ส่วนใหญ่เป็นกันอยู่เช่นทุกวันนี้
เหตุแห่งการเป็นหนี้มาจากการใช้จ่ายเงินมากกว่ารายได้ จึงต้องแก้ที่ต้นเหตุคือใช้จ่ายเงินให้น้อยกว่ารายได้ ซึ่งมีทางเลือกให้ปฏิบัติดังนี้
วิธีแรก เพิ่มรายได้ให้มากกว่ารายจ่าย โดยหาอาชีพเสริมที่สุจริต ทำงานให้มากขึ้นแต่ต้องไม่เป็นผลเสียต่อสุขภาพ เพื่อให้มีรายได้มากกว่ารายจ่าย ไม่ช้าก็จะหมดหนี้ไปได้
วิธีที่สอง ลดรายจ่ายลง โดยพยายามตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออก ความจริงแล้วการดูแลรักษาร่างกายให้มีสุขภาพดี ให้ชีวิตมีความสุขไม่ต้องใช้เงินมากก็ได้ การใช้เงินฟุ่มเฟือยบริโภคส่วนเกินความจำเป็น อาจเป็นผลเสียต่อสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นอาหารเครื่องดื่ม ที่เห็นแก่ความเอร็ดอร่อยมากกว่าคุณค่าของอาหาร การเที่ยวเตร่สนุกสนานในยามวิกาล การมีชีวิตความเป็นอยู่ที่สะดวกสบายสารพัดอย่าง จนไม่ได้ออกกำลังกาย ล้วนเป็นผลเสียต่อสุขภาพ
หากถือเอาชีวิตความเป็นอยู่ที่เรียบง่ายแล้ว เราสามารถลดค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนได้มาก จนเพดานรายจ่ายต่ำกว่ารายได้ ก็จะหมดหนี้ไปได้เช่นกัน แต่วิธีการดังกล่าวจะต้องมีวินัยในการใช้ชีวิตไม่ตามใจกิเลส ซึ่งหลายคนทำไม่ได้
วิธีที่สาม เพิ่มทั้งรายได้ลดทั้งรายจ่าย จนมีรายได้มากกว่ารายจ่าย วิธีนี้หากทำสำเร็จก็จะเพิ่มคุณค่าให้กับชีวิต ทั้งในเชิงปริมาณ(มีรายได้สูงขึ้น) และคุณภาพ(ใช้ชีวิตอย่างมีวินัยรู้คุณค่าของเงิน)
นี่เป็นเพียงตัวอย่างของการแก้ปัญหา โดยนำหลักอริยสัจ 4 มาประยุกต์ใช้
หาสาเหตุที่แท้จริงของปัญหาให้เจอ แก้ที่เหตุโดยใช้วิธีการที่ถูกต้อง ปัญหาก็จะหมดไปเอง
ข้อสำคัญหมดปัญหาเรื่องนี้แล้ว อย่าไปสร้างปัญหาใหม่ขึ้นมาอีก
คำว่า “ปัญหา” หมายถึง ข้อที่สงสัยหรือข้อที่ต้องพิจารณาแก้ไข ส่วนคำว่า “ปัญญา” หมายถึง ความรอบรู้หรือความฉลาดที่เกิดจากการเรียนรู้
ปัญญาของมนุษย์
เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น มนุษย์ในสังคมโลกใช้ปัญญาแก้ปัญหาเป็น 3 ระดับดังนี้ คือ
1. ปัญญาเห็นผิดจากคลองธรรม (มิจฉาทิฏฐิ)
2. ปัญญาเห็นถูกทางโลก (สัมมาทิฏฐิระดับโลกิยะ)
3. ปัญญาเห็นถูกตามธรรม (สัมมาทิฏฐิระดับโลกุตตระ)
ปัญหาของมนุษย์
มนุษย์โดยทั่วไปมีปัญหาใหญ่ๆ ให้ต้องแก้ไขดังนี้ คือ
1. ปัญหาเศรษฐกิจ
2. ปัญหาที่อยู่อาศัย
3. ปัญหาการบริโภคใช้สอย
4. ปัญหาตำแหน่งหรืออำนาจในสังคม
5. ปัญหาการเจ็บป่วย
6. ปัญหาความทุกข์
ที่มา นิตยสาร Secret
บทความน่าสนใจ
ครูบัญชีอาสาหนี้สินท่วมตัว สามารถปลดหนี้ได้ด้วยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง