รวม 7 ปัญหาที่ แม่ชีศันสนีย์ ช่วยเยียวยาให้พ้นทุกข์
แม่ชีศันสนีย์ ได้นำคำสอนทั้งทางโลก และ ทางธรรม มาช่วยแก้ไขปัญหา ให้กับผู้ที่กำลังมีความทุกข์ และไม่รู้ว่าจะหาทางออกของปัญหาเหล่านั้นได้อย่างไร
รู้ทันใจ ก็ง่ายไปทุกอย่าง
คำถาม : เคยคิดว่าถ้าได้ทำงานในสายงานที่รัก ในบริษัทที่มั่นคง มีเจ้านายที่เราศรัทธา แล้วจะมีความสุขค่ะ แต่ 5 ปีที่ผ่านมา ดิฉันเครียดทุกวัน ต่างกันแค่เครียดมาก เครียดน้อย ดิฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเพื่อนร่วมงานแต่ละคนทำไม่ได้ กับแค่การทำตามหน้าที่ของตัวเองให้เสร็จ เพื่อให้คนอื่นทำงานต่อได้ ดิฉันพูดอะไรก็ไม่ได้ เพราะอาวุโสน้อยที่สุดในแผนก ใคร ๆ ต่างฝากความหวังว่าเป็นน้องใหม่ที่คิดว่าต้องไฟแรง เจ้านายก็คาดหวังในงานของดิฉันมาก เรียกถามความคืบหน้าตลอด ดิฉันเครียดมากจริง ๆ ค่ะ กลัวว่าวันหนึ่งจะไม่อยากไปทำงาน เพราะไม่อยากไปเจอหน้าเพื่อนร่วมงานหรือเจ้านาย ทั้ง ๆ ที่รักงานของตัวเองมาก
แม่ชีให้กำลังใจไว้ว่า : ถ้ามีความเครียดจากการทำงาน หน้าที่ของเราคือ “รู้ว่าเครียด” ไม่ใช่ “หนีความเครียด” ขอแค่ “รู้ตัว” เพราะความเครียดนั้นจะอยู่กับเราไม่นาน แล้วมันก็จะคลายคืนไป “เครียด” ก็สั้น ๆ “เบื่อ” ก็สั้น ๆ “โกรธ” ก็สั้น ๆ “หงุดหงิด” ก็สั้น ๆ ฯลฯ ทุกอย่างที่เราเห็นล้วนสั้น ๆ แล้วมันจะเกิดศรัทธาต่อตัวเองว่า ทุกความรู้สึกเกิดขึ้นได้ แต่มันจะอยู่กับเราสั้นมาก
ว่ากันตามจริงทุกสิ่งทุกอาการที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพราะคนอื่น แต่เป็นเพราะตัวเราเองไม่แข็งแรงพอที่จะรู้ทันกาย - ทันใจ ไม่รู้ทันสภาวธรรมในขณะนั้น ซึ่งจริง ๆ อาจไม่ต้องตามดู ตามรู้ แค่ยามใดรู้สึกอึดอัดก็รู้ว่าอึดอัด เห็นความอึดอัดแค่มาแล้วไป ใจเป็นอิสระจากความอึดอัดนั้น ขอให้เห็นความเป็นอิสระกับการที่ได้เห็นแล้วเราไม่เป็นทุกข์เข้าไว้เรื่อย ๆ
อึดอัดได้ค่ะ ไม่ได้ห้าม แต่ให้เวลากับความอึดอัดน้อย ๆ “จ๊ะเอ๋” กับ “ความอึดอัด” แล้วก็รีบ “บ๊ายบาย” บอกลา “ความอึดอัด” เอาเวลามาทำงานของตัวเอง อย่างนี้ก็ทำงานได้สบาย ๆ ไม่ตายทั้งเป็นแล้วล่ะค่ะ
เริ่มที่ “ห่าง” เพื่อ “เห็น” จบที่ “เป็นหนึ่งเดียวกัน”
คำถาม : ลูกสาวอายุเพียงแค่ 15 ปี แต่มีปัญหาเรื่องชู้สาวกับเพื่อนนักเรียนชายถึง 2 คน ดิฉันร้องไห้น้ำตาจะเป็นสายเลือด ไม่รู้ทำกรรมอะไรไว้ ลูกถึงได้เป็นอย่างนี้ พูดอะไรไม่เคยเชื่อฟัง ไม่เคยสนใจเรียน ไม่เคยเหมือนลูกชาวบ้าน ดิฉันเอาลูกไม่อยู่จริง ๆ ค่ะ ไม่รู้จะหันหน้าไปปรึกษาใคร ดิฉันตัวคนเดียว พ่อของลูกเสียไปสิบกว่าปีแล้ว ญาติสนิทก็ไม่มี เลยอยากพาลูกสาวมาให้คุณแม่ชีช่วยอบรมจะได้ไหมคะ อยากให้มาอาศัยอยู่กับคุณแม่ชีสักระยะ ดิฉันยินดีรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของลูกเต็มที่ค่ะ
แม่ชีแนะนำว่า: ความรักต้องมีความเสียสละค่ะ ถ้าต้องจ้างคนอื่นมาเลี้ยงลูกก็เท่ากับเป็นการหนีสิ่งที่เรารัก ถ้ารักลูกก็ควรแก้ไขตัวเราเพื่อเข้าใจลูกให้มาก ถ้าลูกไม่เชื่อฟัง เถียง ไม่สนใจเรียน แม่ก็เปลี่ยนเป็นฟังเขา ยืนห่างจากเขา แต่เห็นเขาจริง ๆ ว่าเขาเป็นอย่างที่เขาเป็น เงินอาจจ้างคนมาดูแลกายลูกของเรา แต่เงินไม่สามารถจ้างใครมาดูแลใจลูกของเราได้หรอกค่ะ
อย่าเอาความคิดเห็นของเราไปตัดสินเขา แต่ให้เข้าใจว่าที่เขาเป็นอย่างนี้ เพราะเขาต้องการความช่วยเหลืออะไร ที่เขาเป็นอย่างนี้เพราะเขาต้องการบอกว่าเขาทุกข์อะไร ที่เขาเป็นอย่างนี้เขาต้องการให้เราใส่ใจเขาตรงไหน อย่างไรถ้าคุณสามารถประมวลภาพใหญ่ได้ว่าคุณนี่แหละเหมาะที่สุดที่จะเลี้ยงลูกของคุณแล้ว
มาอยู่ในโครงการโรงเรียนพ่อแม่ของเราก็ได้ มาสร้างวงกลมแห่งรักอย่างที่พวกเราช่วยให้พ่อแม่หลายคนกลับไปเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ของลูกได้ เพราะเด็กในเจนเนอเรชั่นนี้ต้องการพ่อแม่ที่เข้าใจเขาจริง ๆ เปลี่ยนการสั่งเป็นการสอน เปลี่ยนการพูดเป็นการฟัง เปลี่ยนความต้องการของเราเป็นตัวตั้ง เป็นการห่างจากความต้องการของเรา และเห็นเขาอย่างที่เขาเป็น เราจะได้สนับสนุนเขาได้ตรงจุดที่เขาต้องการ แล้วลูกก็จะปลอดภัยเพราะกายก็ไม่ได้อยู่ไกล และใจก็เป็นหนึ่งเดียวกัน
ตายแล้ว ไปไหน
คำถาม : ลูกพี่ลูกน้องของดิฉันอายุ 38 ปี มีอาการผิดปกติทางร่างกาย จึงไปพบแพทย์แล้วพบว่าป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ขั้นที่ 3 ตั้งแต่รู้ว่าตัวเองป่วย เขาก็หาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต ยิ่งอ่านก็ยิ่งกังวลอย่างเห็นได้ชัด เขาบอกพวกเราว่า เขาไม่น่าจะรอด เขาฝากให้ดิฉันและญาติ ๆ ดูแลแม่ของเขาด้วย ไม่ว่าพวกเราจะให้กำลังใจอย่างไรก็ไม่ดีขึ้นเลย เขาแอบบอกดิฉันว่า สิ่งที่เขากลัวมากคือ “ตายแล้วไปไหน” ดิฉันไม่รู้จะอธิบายหรือปลอบเขาอย่างไรค่ะ
แม่ชีสอนว่า : บอกเขาว่า อย่าสงสัยอนาคตเลยค่ะ ถ้าอยากรู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ขอให้ลงทุนที่ปัจจุบัน ถ้าอยู่ในโลกนี้อย่างไม่ตายทั้งเป็น การอยู่เย็นก็จะส่งเราไปอยู่ในที่เย็นเสมอ กลับมาที่ปัจจุบันขณะ รู้จักหายใจให้เป็น อย่าหายใจอย่างตายทั้งเป็น ขณะหน้าเราจะอยู่เย็นเหมือนขณะนี้ได้ก็ต่อเมื่อเราต้องลงทุน ขอให้มีกายกรรม วจีกรรม มโนกรรมในปัจจุบันขณะอย่างสุจริตให้ต่อเนื่องอยู่เนืองนิตย์ ความสุจริตจะส่งผลเป็นความสุจริตเสมอ ถ้าเราอยู่ร้อน นอนทุกข์ ตายอย่างร้อน ก็ไปอยู่ในที่ร้อน ถ้าอยู่เย็น เป็นสุข ตายอย่างเย็น ก็ไปอยู่ในที่เย็นอยู่ และดูเป็นขณะ ๆ อย่างนี้ก็จะหมดสงสัยแล้วว่า “ตายแล้วไปไหน”
บอกให้เขาอยู่กับปัจจุบันด้วยลมหายใจเข้าที่อ่อนโยน เยือกเย็น แจ่มใส ผ่อนลมหายใจออก ไม่ฝืน เมื่อวาระนั้นมาถึง ชีวิตสั้นนิดเดียวค่ะ อย่าปล่อยให้ตัวเองใช้ชีวิตที่สั้นอย่างประมาทขาดสติ เพราะนั่นหมายความว่าเราทำสิ่งที่สั้นอยู่แล้วให้สั้นมากขึ้น ลุกขึ้นมาจากการจมอยู่กับการหาข้อมูลเกี่ยวกับมะเร็งที่ทำให้จิตดิ่งลง ๆ เถอะค่ะ หันมาใช้ชีวิตอย่างจบในแต่ละวันอย่างไม่ประมาท ไม่จม แล้วเขาจะเห็นว่า ความตายที่ใกล้เข้ามานั้นไม่ใช่สิ่งน่ากลัว
“รักษาใจ” ส่วนการ “รักษากาย” ยกให้เป็นหน้าที่ของคุณหมอ ซึ่งต้องทำหน้าที่อย่างดีที่สุดอยู่แล้ว
จะรักใครก็รัก แต่อย่าลืมรักตัวเอง (ให้เป็น)
คำถาม : พี่สาวของดิฉันแยกทางกับพี่เขย ทำให้หลานสาวของดิฉันเสียใจมาก ครอบครัวเราจึงตัดสินใจส่งหลานสาวและลูกสาวของดิฉันอีก 2 คนไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกา เพราะเชื่อว่าโอกาสทางการศึกษาจะดีกว่า โดยไปอาศัยอยู่กับป้าของดิฉัน ซึ่งเจ้าระเบียบมาก จนบางครั้งเด็กทั้งสามคนกดดัน ทุกครั้งดิฉันได้แต่แนะนำทั้งลูกสาวและหลานสาวให้เลือกรับฟังแต่สิ่งที่ทำให้เราสบายใจ และละทิ้งสิ่งที่ทำให้เราเป็นทุกข์ สุดท้ายเมื่อเรียนจบไฮสกูล หลานสาวกลับมาเที่ยวบ้านและทะเลาะกับพี่สาวของดิฉัน เขาหนีไปอยู่กับพ่อ โดยบอกว่าอาจะส่งเรียนมหาวิทยาลัยในเมืองไทย
เวลาผ่านไปปีกว่า หลานสาวกลับมาหาแม่พร้อมบอกว่าอาไม่สามารถส่งเรียนได้ ทำให้ต้องดิ้นรนทำงานและพยายามเรียนต่อ ตอนนี้หลานสาวมีแฟนที่เราเห็นว่าไม่ได้เป็นผู้นำที่เข้มแข็ง เมื่อไม่นานพี่สาวตรวจพบว่าตัวเองเป็นมะเร็ง หลานสาวโทร.มาร้องไห้กับดิฉัน บอกว่ากลุ้มใจที่แม่ป่วย ดิฉันได้แต่เตือนสติว่า เรื่องแม่เจ็บป่วยเราช่วยกันดูแล แต่สิ่งที่อยากให้ทำคือกลับไปเรียนต่อ
ตอนแรกเขาตัดสินใจกลับไปเรียน แต่เมื่อแฟนมาร้องไห้คร่ำครวญไม่อยากให้ไป เราทุกคนมองว่าผู้ชายรักแต่ตัวเองที่ต้องการยึดหลานไว้ พี่สาวดิฉันพยายามเตือนสติลูกสาวปรากฏว่าเธอต่อว่าแม่ พูดจาลำเลิกว่าทุกวันนี้แม่อยู่ได้เพราะเงินทองของเธอ อย่ามายุ่งเรื่องของเธอ พี่สาวดิฉันฟังแล้วปวดใจ เป็นทุกข์ ขอร้องดิฉันให้นำธรรมะชี้ทางสว่างให้หลานด้วย ดิฉันและสามีเชื่อมั่นในคำสอนของพระพุทธองค์ แต่ด้วยบุญและบารมีของดิฉันเองยังมีไม่พอ จึงนึกถึงคอลัมน์ของท่านแม่ชี ได้โปรดชี้ทางสว่างแก่หลานสาวให้ตระหนักถึงบาปบุญคุณโทษ จึงกราบเรียนมาเพื่อขอคำแนะนำค่ะ
แม่ชีขอแก้ไขปัญหานี้ว่า : การหาใครสักคนมาเตือนสติหลานสาว คนคนนั้นคงต้องมีวิธีการพูดที่จะทำให้เด็กคนนี้กลับไปอ่านใจของตัวเองให้เป็น เพราะแม้กระทั่งการตัดสินใจว่าจะไปเรียนต่อหรือจะอยู่ เด็กยังละล้าละลัง ไม่มีความมั่นคงของจิตที่จะตัดสินใจอย่างคนที่จะพึ่งสติปัญญาของตัวเองได้ คุณซึ่งเป็นน้าอาจใช้วิธียกตัวอย่างคนในวัยใกล้เคียงกับเธอ ให้เห็นว่าการไม่ปล่อยให้ตัวเองไหลไปกับความรักหรือความหลง แต่รู้หน้าที่และบทบาทของการเป็นลูก หรือการกลับไปเรียน จะมีผลดีอย่างไร ไม่ต้องพูดถึงความเกลียดชังในตัวผู้ชายคนนั้น ไม่ต้องไปบอกว่าเขาไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ เพราะเท่ากับเป็นการเขี่ยหลานของเรากลับไปอยู่ในเรื่องนั้นซึ่งไม่เกิดประโยชน์ เราต้องหาวิธีเร้ากุศลหลาน อย่าตัดสินหลานแบบเร้าอกุศล
และบอกเขาด้วยว่า ไม่ว่าเขาจะหาเงินเลี้ยงแม่หรือไม่ ความรักความกตัญญูของลูกที่มีต่อแม่ต่างหากที่หล่อเลี้ยงหัวใจแม่ ไม่ใช่เงิน ยิ่งในขณะที่แม่กำลังป่วยเป็นมะเร็ง ซึ่งมีเวลาอยู่กับเขาสั้นลงทุกวัน การที่เราจะอยู่อย่างรักตัวเองพึ่งพาตัวเองได้ในระยะยาวในวันที่ไม่มีแม่แล้วเป็นสิ่งที่ต้องทำเดี๋ยวนี้ ความรักและผู้ชายไม่ใช่เรื่องที่ขาดแล้วเราต้องตาย หาเมื่อไรก็ได้ ตอนนี้ทำเรื่องที่ควรทำ เรื่องที่ต้องทำ ก่อนที่จะไม่มีโอกาสให้ทำ
รักตัวเองให้เป็นก่อนดีกว่า เพราะถ้ารักตัวเองไม่เป็นจะไปรักคนอื่นได้อย่างไร
รับมือ “มนุษย์ป้า”
คำถาม : เมื่ออายุมากขึ้นก็เริ่มรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลง จากเดิมที่เคยเป็นคนนิ่ง ใจเย็น แต่ตอนนี้เริ่มเยอะ วีนเหวี่ยงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จนรู้สึกว่าความน่ารักในตัวเองลดลงไป ขอความกรุณาจากแม่ชีให้คำแนะนำเพื่อรับมือกับ “ฮอร์โมนมนุษย์ป้า” ในร่างกายด้วยค่ะ
แม่ชีบอกไว้อย่างนี้ว่า : ฮอร์โมนของมนุษย์ทุกคนในแต่ละช่วงวัย ล้วนมีอิทธิพลต่อกาย แต่ถ้าใจของคนในแต่ละช่วงวัยนั้น ได้ฝึกให้เจริญสติเพื่อขัดเกลากิเลสในใจของตนได้ ฮอร์โมนทางกายก็ไม่มีอิทธิพลต่อใจ สิ่งที่ขอแนะนำคือให้ฝึกตั้งรับฮอร์โมนของมนุษย์ป้าด้วยการเจริญสติให้มากขึ้น ยิ่งฮอร์โมนทางกายเปลี่ยนแปลง ใจยิ่งต้องแข็งแรงเพื่อป้องกันการเหวี่ยงวีนตามอารมณ์ หมั่นฝึกใจให้รู้เท่าทันอารมณ์อยู่เนืองนิตย์ ถ้ารู้ทันก็ไม่หลงทาง ฝึกเจริญสติให้มาก มีแต่ดี ไม่มีเลวเลย ยิ่งอายุมาก ยิ่งต้องให้เวลากับการเจริญสติอยู่ในทุกลมหายใจ ขอให้ใช้ลมหายใจเป็นเครื่องมือ ขอให้ใช้ลมหายใจเป็นอาวุธอันศักดิ์สิทธิ์ที่จะทำให้จิตรู้ทันโลกที่มากระทบ เมื่อเรารู้ทันไหวใจตื่น ฮอร์โมนทางกายก็จะได้รับการดูแลจากความเข้มแข็งทางใจไปด้วย
เมื่อลมหายใจสุดท้ายของเราอยู่เย็นเป็นสุขเพราะพ้นทุกข์ จะทำให้สงบเย็นอย่างอ่อนโยน และคืนลมหายใจสุดท้ายอย่างผ่อนคลายได้ในที่สุด ฝึกเจริญสติเถอะค่ะ เพราะนี่คือสิ่งที่จะช่วยควบคุมฮอร์โมนของคนทุกเพศ ทุกวัย ทุกชนชั้นวรรณะ ขอให้คุณคนเดิมที่มีความน่ารักกลับมาในเร็ววัน ส่งกำลังใจมาให้ค่ะ
ความรัก ความกตัญญู และการดูที่เจตนา
คำถาม : ถ้าคุณพ่อคุณแม่ของเราเสียชีวิตไปแล้ว เราจะแสดงความกตัญญูต่อใคร “การนำพระ (เหรียญ) ไปให้คนเช่า เป็นบาปไหม ถ้าเงินที่ได้มานั้นใช้เลี้ยงครอบครัวและบริวาร ซึ่งก็คือสัตว์เลี้ยงในบ้าน”
แม่ชีสอนว่า : กตัญญูต่อตัวเราเองค่ะ เพราะคุณพ่อคุณแม่อยู่ในตัวของเรา การกตัญญูต่อตัวเองจะทำให้เราสามารถใช้ชีวิตอยู่กับทุกชีวิต ที่อยู่รายรอบตัวเราอย่างไม่ทำให้ใครต้องเจ็บปวดเพราะเราอีก เราจะไม่เบียดเบียนใคร เพราะเรารู้ว่าชีวิตเป็นสิ่งมีค่า คุณพ่อ คุณแม่ ให้ชีวิตเพื่อให้เรารักคนอื่นอย่างมีค่าในตัวเอง สิ่งที่เราจะส่งให้คุณพ่อคุณแม่ได้ก็คือ กุศลที่เราทำในปัจจุบัน กุศลกรรมที่เราทำในปัจจุบัน จะเป็นกุศลวิบากกรรมที่ดีต่อตัวเรา แล้วเราก็อุทิศส่วนกุศลนี้ให้คุณพ่อคุณแม่อีกต่อหนึ่ง
อย่าคิดว่าสิ่งที่คุณกำลังทำนี้ถูกหรือผิด แต่ให้กลับไปดูที่เจตนาของตัวเองว่าคุณทำสิ่งนี้เพื่ออะไร ถ้าเพื่อละราคะ บรรเทาปฏิคะ และถอนอวิชชาได้ คุณก็มีสัมมาอาชีโว ส่วนรายละเอียดในการทำงานจะเป็นอะไร เป็นเรื่องของผู้ซื้อว่าต้องการสิ่งที่คุณนำไปแลกเปลี่ยนอย่างมีความสุจริตโดยธรรมหรือไม่ ถ้าสิ่งนั้นคุณไม่ได้ไปลักขโมยใครมา ถ้าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่คุณสามารถที่จะทำให้เกิดมูลค่าเพิ่ม โดยไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการสร้างความงมงายให้กับสังคม ถ้าสิ่งนั้นไร้ซึ่งเจตนาแห่งการส่งเสริมราคะ โทสะ โมหะ สิ่งนั้นถือว่าเป็นอาชีพชอบเสมอค่ะ
ปีชง…ความเชื่อ… และกฎแห่งกรรม
คำถาม : ลูกกำหนดคลอดกลางปีนี้เป็นหลานคนแรกของครอบครัวสามีค่ะ แม้จะเป็นหลานชายที่คุณปู่คุณย่ายินดี แต่ปีนี้กลับชงกับดวงของสามีดิฉัน เขาเองไม่คิดอะไรค่ะ แต่คุณแม่ของเขาเป็นคนหัวโบราณมาก ท่านเครียดขึ้นทุกวัน เกรงว่าจะมีผลกับธุรกิจของครอบครัว ทำเอาทุกคนในบ้านพลอยเครียดตามไปด้วย
แม่ชีขอตอบปัญหานี้ว่า : ปีชงไม่ใช่เรื่องของพุทธศาสนา แต่เป็นเรื่องของความเชื่อ ความเชื่อ…คำนี้ก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นความเชื่อ ความเชื่อ…ไม่ใช่ความจริง คนที่ไม่เชื่อมั่นในกฎแห่งการกระทำ อาจจะหวั่นไหวหรือหดหู่ใจไปกับคำทำนายทายทักต่าง ๆ ได้ สำหรับคนที่ศรัทธาในพระพุทธศาสนาจะรู้ว่ากฎแห่งกรรมเป็นกฎแห่งการกระทำที่เป็นความจริง
ตัวคุณซึ่งกำลังตั้งครรภ์ต้องทำใจให้สบาย ตัดความกังวลและความเครียดให้เร็วที่สุด อย่าลืมว่าครรภ์ของแม่คือโลกของลูก แม่เป็นอย่างไร…ลูกเป็นอย่างนั้น การทำให้ลูกชายที่กำลังจะเกิดมาเป็นเด็กมีบุญ คือสิ่งที่คนเป็นแม่ต้องทำ การเลี้ยงเด็กหนึ่งคนให้มีความสุขก็ได้ชื่อว่าเป็นการทำให้เด็กคนนั้นเป็นเด็กมีบุญแล้ว อย่าปล่อยให้เด็กคนหนึ่งเกิดมาแล้วมีบาดแผลติดตัวเพราะเราเชื่อการพยากรณ์ที่ไม่เป็นความจริงเลย
ถ้าเหตุดี ผลต้องดี ถ้าเหตุไม่ดี ผลก็ไม่ดี
เรื่องโดย : แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต จากนิตยสาร Secret คอลัมน์ Family Issue
ภาพโดย : วรวุฒิ วิชาธร
บทความที่น่าสนใจ
ปัญหาธรรมประจำวันนี้ : ปฏิบัติธรรมจน นิสัยเปลี่ยนไป ทำอย่างไรดี
กำลังใจคือยาขนานเอก บทความกำลังใจจาก แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต
สุขทุกวัน 7 วัน 7 กูรู ตอน แก้นิสัยขี้โกรธ โดย แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต