แม่ชีศันสนีย์

รวม 7 ปัญหาที่ แม่ชีศันสนีย์ ช่วยเยียวยาให้พ้นทุกข์

รวม 7 ปัญหาที่ แม่ชีศันสนีย์ ช่วยเยียวยาให้พ้นทุกข์

แม่ชีศันสนีย์ ได้นำคำสอนทั้งทางโลก และ ทางธรรม มาช่วยแก้ไขปัญหา ให้กับผู้ที่กำลังมีความทุกข์ และไม่รู้ว่าจะหาทางออกของปัญหาเหล่านั้นได้อย่างไร

 

รู้ทันใจ  ก็ง่ายไปทุกอย่าง

คำถาม :  เคยคิดว่าถ้าได้ทำงานในสายงานที่รัก ในบริษัทที่มั่นคง มีเจ้านายที่เราศรัทธา แล้วจะมีความสุขค่ะ แต่ 5 ปีที่ผ่านมา ดิฉันเครียดทุกวัน ต่างกันแค่เครียดมาก เครียดน้อย  ดิฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเพื่อนร่วมงานแต่ละคนทำไม่ได้ กับแค่การทำตามหน้าที่ของตัวเองให้เสร็จ เพื่อให้คนอื่นทำงานต่อได้  ดิฉันพูดอะไรก็ไม่ได้ เพราะอาวุโสน้อยที่สุดในแผนก ใคร ๆ ต่างฝากความหวังว่าเป็นน้องใหม่ที่คิดว่าต้องไฟแรง เจ้านายก็คาดหวังในงานของดิฉันมาก เรียกถามความคืบหน้าตลอด ดิฉันเครียดมากจริง ๆ ค่ะ กลัวว่าวันหนึ่งจะไม่อยากไปทำงาน เพราะไม่อยากไปเจอหน้าเพื่อนร่วมงานหรือเจ้านาย ทั้ง ๆ ที่รักงานของตัวเองมาก

แม่ชีให้กำลังใจไว้ว่า : ถ้ามีความเครียดจากการทำงาน หน้าที่ของเราคือ “รู้ว่าเครียด”   ไม่ใช่ “หนีความเครียด”  ขอแค่ “รู้ตัว” เพราะความเครียดนั้นจะอยู่กับเราไม่นาน แล้วมันก็จะคลายคืนไป  “เครียด” ก็สั้น ๆ “เบื่อ” ก็สั้น ๆ “โกรธ” ก็สั้น ๆ “หงุดหงิด” ก็สั้น ๆ ฯลฯ   ทุกอย่างที่เราเห็นล้วนสั้น ๆ แล้วมันจะเกิดศรัทธาต่อตัวเองว่า ทุกความรู้สึกเกิดขึ้นได้ แต่มันจะอยู่กับเราสั้นมาก

ว่ากันตามจริงทุกสิ่งทุกอาการที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพราะคนอื่น แต่เป็นเพราะตัวเราเองไม่แข็งแรงพอที่จะรู้ทันกาย - ทันใจ ไม่รู้ทันสภาวธรรมในขณะนั้น ซึ่งจริง ๆ อาจไม่ต้องตามดู ตามรู้  แค่ยามใดรู้สึกอึดอัดก็รู้ว่าอึดอัด เห็นความอึดอัดแค่มาแล้วไป ใจเป็นอิสระจากความอึดอัดนั้น ขอให้เห็นความเป็นอิสระกับการที่ได้เห็นแล้วเราไม่เป็นทุกข์เข้าไว้เรื่อย ๆ

 อึดอัดได้ค่ะ ไม่ได้ห้าม แต่ให้เวลากับความอึดอัดน้อย ๆ “จ๊ะเอ๋” กับ “ความอึดอัด” แล้วก็รีบ “บ๊ายบาย” บอกลา “ความอึดอัด” เอาเวลามาทำงานของตัวเอง อย่างนี้ก็ทำงานได้สบาย ๆ ไม่ตายทั้งเป็นแล้วล่ะค่ะ


เริ่มที่ “ห่าง” เพื่อ “เห็น”  จบที่ “เป็นหนึ่งเดียวกัน”

คำถาม : ลูกสาวอายุเพียงแค่ 15 ปี แต่มีปัญหาเรื่องชู้สาวกับเพื่อนนักเรียนชายถึง 2 คน ดิฉันร้องไห้น้ำตาจะเป็นสายเลือด ไม่รู้ทำกรรมอะไรไว้ ลูกถึงได้เป็นอย่างนี้ พูดอะไรไม่เคยเชื่อฟัง ไม่เคยสนใจเรียน ไม่เคยเหมือนลูกชาวบ้าน ดิฉันเอาลูกไม่อยู่จริง ๆ ค่ะ ไม่รู้จะหันหน้าไปปรึกษาใคร ดิฉันตัวคนเดียว พ่อของลูกเสียไปสิบกว่าปีแล้ว ญาติสนิทก็ไม่มี เลยอยากพาลูกสาวมาให้คุณแม่ชีช่วยอบรมจะได้ไหมคะ อยากให้มาอาศัยอยู่กับคุณแม่ชีสักระยะ ดิฉันยินดีรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของลูกเต็มที่ค่ะ

แม่ชีแนะนำว่า: ความรักต้องมีความเสียสละค่ะ ถ้าต้องจ้างคนอื่นมาเลี้ยงลูกก็เท่ากับเป็นการหนีสิ่งที่เรารัก ถ้ารักลูกก็ควรแก้ไขตัวเราเพื่อเข้าใจลูกให้มาก ถ้าลูกไม่เชื่อฟัง เถียง ไม่สนใจเรียน แม่ก็เปลี่ยนเป็นฟังเขา ยืนห่างจากเขา แต่เห็นเขาจริง ๆ ว่าเขาเป็นอย่างที่เขาเป็น  เงินอาจจ้างคนมาดูแลกายลูกของเรา แต่เงินไม่สามารถจ้างใครมาดูแลใจลูกของเราได้หรอกค่ะ

อย่าเอาความคิดเห็นของเราไปตัดสินเขา แต่ให้เข้าใจว่าที่เขาเป็นอย่างนี้ เพราะเขาต้องการความช่วยเหลืออะไร ที่เขาเป็นอย่างนี้เพราะเขาต้องการบอกว่าเขาทุกข์อะไร ที่เขาเป็นอย่างนี้เขาต้องการให้เราใส่ใจเขาตรงไหน อย่างไรถ้าคุณสามารถประมวลภาพใหญ่ได้ว่าคุณนี่แหละเหมาะที่สุดที่จะเลี้ยงลูกของคุณแล้ว

มาอยู่ในโครงการโรงเรียนพ่อแม่ของเราก็ได้ มาสร้างวงกลมแห่งรักอย่างที่พวกเราช่วยให้พ่อแม่หลายคนกลับไปเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ของลูกได้ เพราะเด็กในเจนเนอเรชั่นนี้ต้องการพ่อแม่ที่เข้าใจเขาจริง ๆ เปลี่ยนการสั่งเป็นการสอน  เปลี่ยนการพูดเป็นการฟัง  เปลี่ยนความต้องการของเราเป็นตัวตั้ง  เป็นการห่างจากความต้องการของเรา และเห็นเขาอย่างที่เขาเป็น เราจะได้สนับสนุนเขาได้ตรงจุดที่เขาต้องการ แล้วลูกก็จะปลอดภัยเพราะกายก็ไม่ได้อยู่ไกล และใจก็เป็นหนึ่งเดียวกัน


ตายแล้ว ไปไหน

คำถาม : ลูกพี่ลูกน้องของดิฉันอายุ 38 ปี  มีอาการผิดปกติทางร่างกาย  จึงไปพบแพทย์แล้วพบว่าป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ขั้นที่ 3  ตั้งแต่รู้ว่าตัวเองป่วย  เขาก็หาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต ยิ่งอ่านก็ยิ่งกังวลอย่างเห็นได้ชัด  เขาบอกพวกเราว่า  เขาไม่น่าจะรอด  เขาฝากให้ดิฉันและญาติ ๆ ดูแลแม่ของเขาด้วย  ไม่ว่าพวกเราจะให้กำลังใจอย่างไรก็ไม่ดีขึ้นเลย  เขาแอบบอกดิฉันว่า สิ่งที่เขากลัวมากคือ  “ตายแล้วไปไหน”  ดิฉันไม่รู้จะอธิบายหรือปลอบเขาอย่างไรค่ะ

แม่ชีสอนว่า : บอกเขาว่า อย่าสงสัยอนาคตเลยค่ะ  ถ้าอยากรู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร  ขอให้ลงทุนที่ปัจจุบัน ถ้าอยู่ในโลกนี้อย่างไม่ตายทั้งเป็น  การอยู่เย็นก็จะส่งเราไปอยู่ในที่เย็นเสมอ กลับมาที่ปัจจุบันขณะ  รู้จักหายใจให้เป็น  อย่าหายใจอย่างตายทั้งเป็น  ขณะหน้าเราจะอยู่เย็นเหมือนขณะนี้ได้ก็ต่อเมื่อเราต้องลงทุน  ขอให้มีกายกรรม  วจีกรรม  มโนกรรมในปัจจุบันขณะอย่างสุจริตให้ต่อเนื่องอยู่เนืองนิตย์  ความสุจริตจะส่งผลเป็นความสุจริตเสมอ  ถ้าเราอยู่ร้อน  นอนทุกข์  ตายอย่างร้อน  ก็ไปอยู่ในที่ร้อน ถ้าอยู่เย็น  เป็นสุข  ตายอย่างเย็น  ก็ไปอยู่ในที่เย็นอยู่ และดูเป็นขณะ ๆ  อย่างนี้ก็จะหมดสงสัยแล้วว่า  “ตายแล้วไปไหน”

บอกให้เขาอยู่กับปัจจุบันด้วยลมหายใจเข้าที่อ่อนโยน  เยือกเย็น  แจ่มใส  ผ่อนลมหายใจออก  ไม่ฝืน  เมื่อวาระนั้นมาถึง  ชีวิตสั้นนิดเดียวค่ะ  อย่าปล่อยให้ตัวเองใช้ชีวิตที่สั้นอย่างประมาทขาดสติ  เพราะนั่นหมายความว่าเราทำสิ่งที่สั้นอยู่แล้วให้สั้นมากขึ้น  ลุกขึ้นมาจากการจมอยู่กับการหาข้อมูลเกี่ยวกับมะเร็งที่ทำให้จิตดิ่งลง ๆ เถอะค่ะ  หันมาใช้ชีวิตอย่างจบในแต่ละวันอย่างไม่ประมาท  ไม่จม  แล้วเขาจะเห็นว่า  ความตายที่ใกล้เข้ามานั้นไม่ใช่สิ่งน่ากลัว

“รักษาใจ” ส่วนการ “รักษากาย” ยกให้เป็นหน้าที่ของคุณหมอ  ซึ่งต้องทำหน้าที่อย่างดีที่สุดอยู่แล้ว


จะรักใครก็รัก   แต่อย่าลืมรักตัวเอง (ให้เป็น) 

คำถาม : พี่สาวของดิฉันแยกทางกับพี่เขย ทำให้หลานสาวของดิฉันเสียใจมาก ครอบครัวเราจึงตัดสินใจส่งหลานสาวและลูกสาวของดิฉันอีก 2 คนไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกา เพราะเชื่อว่าโอกาสทางการศึกษาจะดีกว่า โดยไปอาศัยอยู่กับป้าของดิฉัน ซึ่งเจ้าระเบียบมาก จนบางครั้งเด็กทั้งสามคนกดดัน  ทุกครั้งดิฉันได้แต่แนะนำทั้งลูกสาวและหลานสาวให้เลือกรับฟังแต่สิ่งที่ทำให้เราสบายใจ และละทิ้งสิ่งที่ทำให้เราเป็นทุกข์  สุดท้ายเมื่อเรียนจบไฮสกูล หลานสาวกลับมาเที่ยวบ้านและทะเลาะกับพี่สาวของดิฉัน เขาหนีไปอยู่กับพ่อ โดยบอกว่าอาจะส่งเรียนมหาวิทยาลัยในเมืองไทย

เวลาผ่านไปปีกว่า หลานสาวกลับมาหาแม่พร้อมบอกว่าอาไม่สามารถส่งเรียนได้ ทำให้ต้องดิ้นรนทำงานและพยายามเรียนต่อ ตอนนี้หลานสาวมีแฟนที่เราเห็นว่าไม่ได้เป็นผู้นำที่เข้มแข็ง  เมื่อไม่นานพี่สาวตรวจพบว่าตัวเองเป็นมะเร็ง หลานสาวโทร.มาร้องไห้กับดิฉัน บอกว่ากลุ้มใจที่แม่ป่วย ดิฉันได้แต่เตือนสติว่า เรื่องแม่เจ็บป่วยเราช่วยกันดูแล แต่สิ่งที่อยากให้ทำคือกลับไปเรียนต่อ

ตอนแรกเขาตัดสินใจกลับไปเรียน  แต่เมื่อแฟนมาร้องไห้คร่ำครวญไม่อยากให้ไป เราทุกคนมองว่าผู้ชายรักแต่ตัวเองที่ต้องการยึดหลานไว้  พี่สาวดิฉันพยายามเตือนสติลูกสาวปรากฏว่าเธอต่อว่าแม่ พูดจาลำเลิกว่าทุกวันนี้แม่อยู่ได้เพราะเงินทองของเธอ อย่ามายุ่งเรื่องของเธอ พี่สาวดิฉันฟังแล้วปวดใจ เป็นทุกข์ ขอร้องดิฉันให้นำธรรมะชี้ทางสว่างให้หลานด้วย ดิฉันและสามีเชื่อมั่นในคำสอนของพระพุทธองค์ แต่ด้วยบุญและบารมีของดิฉันเองยังมีไม่พอ จึงนึกถึงคอลัมน์ของท่านแม่ชี ได้โปรดชี้ทางสว่างแก่หลานสาวให้ตระหนักถึงบาปบุญคุณโทษ จึงกราบเรียนมาเพื่อขอคำแนะนำค่ะ

แม่ชีขอแก้ไขปัญหานี้ว่า : การหาใครสักคนมาเตือนสติหลานสาว คนคนนั้นคงต้องมีวิธีการพูดที่จะทำให้เด็กคนนี้กลับไปอ่านใจของตัวเองให้เป็น เพราะแม้กระทั่งการตัดสินใจว่าจะไปเรียนต่อหรือจะอยู่ เด็กยังละล้าละลัง ไม่มีความมั่นคงของจิตที่จะตัดสินใจอย่างคนที่จะพึ่งสติปัญญาของตัวเองได้ คุณซึ่งเป็นน้าอาจใช้วิธียกตัวอย่างคนในวัยใกล้เคียงกับเธอ ให้เห็นว่าการไม่ปล่อยให้ตัวเองไหลไปกับความรักหรือความหลง แต่รู้หน้าที่และบทบาทของการเป็นลูก หรือการกลับไปเรียน จะมีผลดีอย่างไร ไม่ต้องพูดถึงความเกลียดชังในตัวผู้ชายคนนั้น ไม่ต้องไปบอกว่าเขาไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ เพราะเท่ากับเป็นการเขี่ยหลานของเรากลับไปอยู่ในเรื่องนั้นซึ่งไม่เกิดประโยชน์ เราต้องหาวิธีเร้ากุศลหลาน อย่าตัดสินหลานแบบเร้าอกุศล

และบอกเขาด้วยว่า ไม่ว่าเขาจะหาเงินเลี้ยงแม่หรือไม่ ความรักความกตัญญูของลูกที่มีต่อแม่ต่างหากที่หล่อเลี้ยงหัวใจแม่ ไม่ใช่เงิน ยิ่งในขณะที่แม่กำลังป่วยเป็นมะเร็ง ซึ่งมีเวลาอยู่กับเขาสั้นลงทุกวัน การที่เราจะอยู่อย่างรักตัวเองพึ่งพาตัวเองได้ในระยะยาวในวันที่ไม่มีแม่แล้วเป็นสิ่งที่ต้องทำเดี๋ยวนี้ ความรักและผู้ชายไม่ใช่เรื่องที่ขาดแล้วเราต้องตาย หาเมื่อไรก็ได้ ตอนนี้ทำเรื่องที่ควรทำ เรื่องที่ต้องทำ ก่อนที่จะไม่มีโอกาสให้ทำ

รักตัวเองให้เป็นก่อนดีกว่า เพราะถ้ารักตัวเองไม่เป็นจะไปรักคนอื่นได้อย่างไร 


รับมือ “มนุษย์ป้า”

คำถาม : เมื่ออายุมากขึ้นก็เริ่มรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลง  จากเดิมที่เคยเป็นคนนิ่ง  ใจเย็น แต่ตอนนี้เริ่มเยอะ  วีนเหวี่ยงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน  จนรู้สึกว่าความน่ารักในตัวเองลดลงไป ขอความกรุณาจากแม่ชีให้คำแนะนำเพื่อรับมือกับ “ฮอร์โมนมนุษย์ป้า” ในร่างกายด้วยค่ะ

แม่ชีบอกไว้อย่างนี้ว่า : ฮอร์โมนของมนุษย์ทุกคนในแต่ละช่วงวัย ล้วนมีอิทธิพลต่อกาย แต่ถ้าใจของคนในแต่ละช่วงวัยนั้น ได้ฝึกให้เจริญสติเพื่อขัดเกลากิเลสในใจของตนได้  ฮอร์โมนทางกายก็ไม่มีอิทธิพลต่อใจ  สิ่งที่ขอแนะนำคือให้ฝึกตั้งรับฮอร์โมนของมนุษย์ป้าด้วยการเจริญสติให้มากขึ้น  ยิ่งฮอร์โมนทางกายเปลี่ยนแปลง  ใจยิ่งต้องแข็งแรงเพื่อป้องกันการเหวี่ยงวีนตามอารมณ์  หมั่นฝึกใจให้รู้เท่าทันอารมณ์อยู่เนืองนิตย์    ถ้ารู้ทันก็ไม่หลงทาง  ฝึกเจริญสติให้มาก  มีแต่ดี  ไม่มีเลวเลย ยิ่งอายุมาก  ยิ่งต้องให้เวลากับการเจริญสติอยู่ในทุกลมหายใจ  ขอให้ใช้ลมหายใจเป็นเครื่องมือ ขอให้ใช้ลมหายใจเป็นอาวุธอันศักดิ์สิทธิ์ที่จะทำให้จิตรู้ทันโลกที่มากระทบ เมื่อเรารู้ทันไหวใจตื่น  ฮอร์โมนทางกายก็จะได้รับการดูแลจากความเข้มแข็งทางใจไปด้วย

เมื่อลมหายใจสุดท้ายของเราอยู่เย็นเป็นสุขเพราะพ้นทุกข์  จะทำให้สงบเย็นอย่างอ่อนโยน  และคืนลมหายใจสุดท้ายอย่างผ่อนคลายได้ในที่สุด  ฝึกเจริญสติเถอะค่ะ เพราะนี่คือสิ่งที่จะช่วยควบคุมฮอร์โมนของคนทุกเพศ  ทุกวัย  ทุกชนชั้นวรรณะ  ขอให้คุณคนเดิมที่มีความน่ารักกลับมาในเร็ววัน ส่งกำลังใจมาให้ค่ะ


ความรัก ความกตัญญู  และการดูที่เจตนา   

คำถาม : ถ้าคุณพ่อคุณแม่ของเราเสียชีวิตไปแล้ว เราจะแสดงความกตัญญูต่อใคร  “การนำพระ (เหรียญ) ไปให้คนเช่า เป็นบาปไหม ถ้าเงินที่ได้มานั้นใช้เลี้ยงครอบครัวและบริวาร ซึ่งก็คือสัตว์เลี้ยงในบ้าน”

แม่ชีสอนว่า :  กตัญญูต่อตัวเราเองค่ะ เพราะคุณพ่อคุณแม่อยู่ในตัวของเรา การกตัญญูต่อตัวเองจะทำให้เราสามารถใช้ชีวิตอยู่กับทุกชีวิต ที่อยู่รายรอบตัวเราอย่างไม่ทำให้ใครต้องเจ็บปวดเพราะเราอีก เราจะไม่เบียดเบียนใคร เพราะเรารู้ว่าชีวิตเป็นสิ่งมีค่า  คุณพ่อ คุณแม่ ให้ชีวิตเพื่อให้เรารักคนอื่นอย่างมีค่าในตัวเอง สิ่งที่เราจะส่งให้คุณพ่อคุณแม่ได้ก็คือ กุศลที่เราทำในปัจจุบัน กุศลกรรมที่เราทำในปัจจุบัน จะเป็นกุศลวิบากกรรมที่ดีต่อตัวเรา แล้วเราก็อุทิศส่วนกุศลนี้ให้คุณพ่อคุณแม่อีกต่อหนึ่ง

อย่าคิดว่าสิ่งที่คุณกำลังทำนี้ถูกหรือผิด แต่ให้กลับไปดูที่เจตนาของตัวเองว่าคุณทำสิ่งนี้เพื่ออะไร ถ้าเพื่อละราคะ บรรเทาปฏิคะ และถอนอวิชชาได้ คุณก็มีสัมมาอาชีโว ส่วนรายละเอียดในการทำงานจะเป็นอะไร เป็นเรื่องของผู้ซื้อว่าต้องการสิ่งที่คุณนำไปแลกเปลี่ยนอย่างมีความสุจริตโดยธรรมหรือไม่  ถ้าสิ่งนั้นคุณไม่ได้ไปลักขโมยใครมา ถ้าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่คุณสามารถที่จะทำให้เกิดมูลค่าเพิ่ม โดยไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการสร้างความงมงายให้กับสังคม ถ้าสิ่งนั้นไร้ซึ่งเจตนาแห่งการส่งเสริมราคะ โทสะ โมหะ  สิ่งนั้นถือว่าเป็นอาชีพชอบเสมอค่ะ


ปีชง…ความเชื่อ…  และกฎแห่งกรรม  

คำถาม : ลูกกำหนดคลอดกลางปีนี้เป็นหลานคนแรกของครอบครัวสามีค่ะ แม้จะเป็นหลานชายที่คุณปู่คุณย่ายินดี แต่ปีนี้กลับชงกับดวงของสามีดิฉัน เขาเองไม่คิดอะไรค่ะ แต่คุณแม่ของเขาเป็นคนหัวโบราณมาก ท่านเครียดขึ้นทุกวัน  เกรงว่าจะมีผลกับธุรกิจของครอบครัว  ทำเอาทุกคนในบ้านพลอยเครียดตามไปด้วย

แม่ชีขอตอบปัญหานี้ว่า : ปีชงไม่ใช่เรื่องของพุทธศาสนา  แต่เป็นเรื่องของความเชื่อ ความเชื่อ…คำนี้ก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นความเชื่อ ความเชื่อ…ไม่ใช่ความจริง คนที่ไม่เชื่อมั่นในกฎแห่งการกระทำ อาจจะหวั่นไหวหรือหดหู่ใจไปกับคำทำนายทายทักต่าง ๆ ได้ สำหรับคนที่ศรัทธาในพระพุทธศาสนาจะรู้ว่ากฎแห่งกรรมเป็นกฎแห่งการกระทำที่เป็นความจริง

ตัวคุณซึ่งกำลังตั้งครรภ์ต้องทำใจให้สบาย  ตัดความกังวลและความเครียดให้เร็วที่สุด  อย่าลืมว่าครรภ์ของแม่คือโลกของลูก แม่เป็นอย่างไร…ลูกเป็นอย่างนั้น การทำให้ลูกชายที่กำลังจะเกิดมาเป็นเด็กมีบุญ คือสิ่งที่คนเป็นแม่ต้องทำ การเลี้ยงเด็กหนึ่งคนให้มีความสุขก็ได้ชื่อว่าเป็นการทำให้เด็กคนนั้นเป็นเด็กมีบุญแล้ว อย่าปล่อยให้เด็กคนหนึ่งเกิดมาแล้วมีบาดแผลติดตัวเพราะเราเชื่อการพยากรณ์ที่ไม่เป็นความจริงเลย

                ถ้าเหตุดี  ผลต้องดี   ถ้าเหตุไม่ดี  ผลก็ไม่ดี    

 

เรื่องโดย : แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต  จากนิตยสาร Secret คอลัมน์ Family Issue

ภาพโดย : วรวุฒิ วิชาธร

Secret Magazine (Thailand)


บทความที่น่าสนใจ

ปัญหาธรรมประจำวันนี้ : ปฏิบัติธรรมจน นิสัยเปลี่ยนไป ทำอย่างไรดี

กำลังใจคือยาขนานเอก บทความกำลังใจจาก แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต

สุขทุกวัน 7 วัน 7 กูรู ตอน แก้นิสัยขี้โกรธ โดย แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต

© COPYRIGHT 2024 AME IMAGINATIVE COMPANY LIMITED.