“ทำกรรมกับปู ” เรื่องจริงของ แรงกรรม จากผู้อ่านนิตยสารซีเคร็ต
ในช่วงวัยประถมฯ หลังเลิกเรียน หรือในวันหยุด ฉันมักจะไปเที่ยวเล่นตามทุ่งนา ธรรมชาติทำให้ฉันมีความสุข สนุกไปกับกลุ่มเพื่อนๆ สนุกกับการได้วิ่งเล่นบนความอิสระ
ทุกครั้งที่ออกไปทุ่งนา ฉันมักจะหาวัตถุดิบกลับมาให้แม่ปรุงอาหาร ไม่ว่าจะเป็น กุ้ง หอย ปู ปลา ผักบุ้ง สายบัว ผักแว่น หอบหิ้วติดไม้ติดมือมาตลอด
ก้ามปูเผาเป็นเมนูที่ฉันชอบกินมาก อาจด้วยเพราะเป็นลูกชาวนา บวกกับความยากจนทำให้โอกาสเลือกมีน้อย เราต้องยินดีกับสิ่งที่มีอยู่เบื้องหน้า การเดินทางไปตามท้องนา สายตาของฉันจึงสอดส่องมองหาแต่รูปู ยิ่งช่วงไถคราดนาใหม่ๆ จะสังเกตเห็นรูปูได้ง่าย อีกทั้งยังมีปูเดินขวักไขว่อยู่ในผืนนา
อุปกรณ์ที่ฉันต้องเตรียมพร้อม คือ ถุงพลาสติก 2 ใบ เลือกที่หนาๆ หน่อยก็จะดี ใบหนึ่งนำมาสวมไว้ที่มือ แล้วนำหนังยางมารัดที่ข้อมือกันไม่ให้ถุงหลุดออก เจอรูปูที่ไหนก็ใช้มือที่สวมถุงล้วงเข้าไปควานหาตัวมันทันที เมื่อจับได้ก็จะดึงตัวปูออกมาแล้วหักก้ามใหญ่ หรือที่เราเรียกกันว่าก้ามเป้งออกทันที แล้วก็หย่อนใส่ถุงอีกใบหนึ่งที่เตรียมมา
คงด้วยสัญชาติญาณของสัตว์ที่ต้องสู้เพื่อเอาชีวิตรอด การจับปูบางตัวจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะมันจะง้างก้ามหนีบนิ้วทันทีที่มีโอกาส และความรู้สึกนั้นบอกได้เลยว่า เจ็บสุดๆ แต่แทนที่จะยอมแพ้ ฉันกลับต้องหาวิธีนำปูตัวนั้นออกมาให้ได้ และเมื่อนำออกมาได้แล้วจัดการหักก้ามแล้วโยนตัวมันทิ้งทันทีแบบไม่แยแสด้วยซ้ำ หรือจะว่าไปก็แอบมีโมโห ผสมความสะใจที่เหมือนได้เป็นผู้ชนะ
การจับปูต่อครั้งฉันได้ก้ามปูจำนวนมาก จนเรียกได้ว่าเชี่ยวชาญเลยล่ะ พอได้มาแล้วก็เลือกพื้นที่เหมาะๆ จัดการก่อกองไฟบนหัวคันนา เผาก้ามปูให้สุกหอมเพื่อนำมากิน ก้ามปูสดๆ ให้รสหวาน เกินกว่าจะคิดถึงความเจ็บปวดที่ปูเหล่านั้นได้รับ
ด้วยความที่เป็นเด็กบ้านนอกที่ฐานะทางบ้านยากจน การจับปูแล้วหักก้ามมาเผากินเป็นเรื่องปกติ ซึ่งนี่ไม่ใช่ข้อแก้ตัว แต่เวลานั้นทางเลือกไม่มีมากนัก และคำว่าว่า “บาป” ก็ไม่ได้อยู่ในความคิด
หลายปีล่วงผ่าน จนฉันเติบโตเป็นผู้ใหญ่ มีอาชีพการงาน ฐานะทางบ้านก็ไม่ขัดสน ฉันจึงไม่สนใจเรื่องยิงนกตกปลา ขนาดว่าปลาที่ขายอยู่ตามท้องตลาด ถ้ายังมีลมหายใจ ฉันก็ไม่กล้าจะซื้อมาปรุงอาหาร หรือบางทีเห็นคนอื่นเขาซื้อ พอแม่ค้าทุบหัวปลาเท่านั้นละ ใจหาย รู้สึกสงสารขึ้นมาจับใจ
ชีวิตในวัยเด็กกับการจับปูมาหักก้ามจึงกลายเป็นภาพลางเลือน
กระทั่งอาการปวดขาของฉันซึ่งมักเป็นอยู่ประจำ เริ่มกำเริบหนัก ซึ่งในเบื้องต้นก็คิดว่าคงเพราะการใช้ชีวิต การทำงาน ต้องออกเดินทางบ่อยจึงส่งผลกระทบ หรืออาจเป็นเพราะในวัยเด็ก อาจเรียกได้ว่าตั้งแต่เกิดแทบไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคภัยต่างๆ
ความปวดนั้นรุนแรงขึ้นๆ และมักจะเป็นกับขาข้างเดียว โดยจะสลับกันไปซ้ายบ้าง ขวาบ้าง แต่ข้างซ้ายมักจะเกิดบ่อยกว่า และรุนแรงขึ้นๆ หลายครั้งไม่สามารถข่มตานอนได้ ปวดจนร้องไห้ และต้องนอนพับขาไปด้านหลังแล้วใช้ลำตัวกดไว้
เมื่ออาการไม่สู้ดีจึงเดินทางไปหาหมอ แต่ทั้งคลินิก โรงพยาบาล หลายๆ แห่ง ก็ให้ยาคลายเส้นมาทาน บางแห่งเอ็กซเรย์แต่ไม่พบอาการผิดปกติใดๆ กินยา ทายา กายภาพบำบัด อย่างไรก็ไม่หาย
กระทั่งวันหนึ่งที่เกิดอาการปวดมากจนทำอะไรไม่ได้ นอนดิ้นอยู่อย่างนั้น ระหว่างที่ปวดใจก็ฉุกคิดถึงภาพปูที่ไร้ก้ามใหญ่ เห็นก้ามปูมากมายที่อยู่ในถุง และภาพก้ามปูที่อยู่ในกองไฟ
ฉันได้คำตอบจากสาเหตุของอาการปวดแล้ว แต่ฉันไม่อาจกลับไปแก้ไขอดีตได้ แล้วจะทำอย่างไรดี จึงเลือกที่จะยอมรับกับความเจ็บปวดนั้น และหนทางที่จะชดใช้กรรมไปตามแบบที่ฉันคิดว่าน่าจะพอช่วยเขาเหล่านั้นได้
การแผ่ส่วนบุญกุศลให้กับเขาจึงเป็นวิธีที่ฉันเลือกทำ ฉันจะทำสมาธิ ส่งบุญกุศลไปให้ ทำบุญก็นึกให้เจ้ากรรมนายเวร
แม้ในวันนี้ฉันจะยังคงมีอาการปวดอยู่บ้าง แถมยังได้รับอุบัติเหตุที่ขาข้างซ้าย จนทำให้หมอนรองกระดูกทับเส้น ความปวดจึงยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง แต่ทว่าก็ไม่ถึงขั้นรุนแรง อาจเพราะเรารู้เหตุแห่งกรรมที่ทำไว้ บวกกับหันมาใส่ใจดูแลตัวเอง เล่นโยคะ เพื่อผ่อนหนักให้เป็นเบา
เมื่อใดที่อาการปวดเกิดขึ้นจึงเสมือนสะกิดให้รู้ว่า เจ้ากรรมนายเวรมีอยู่จริง
เรื่อง : มีนา
ภาพ : nbostanova on pixabay
บทความน่าสนใจ
Dhamma Daily : ในทางพระพุทธศาสนา คนเราสามารถ ชนะกรรม ได้หรือไม่ หากทำได้ต้องทำอย่างไร
เราจะเชื่อ เรื่องเวรกรรม ได้จริงหรือ เมื่อคนทำดีกลับเจอแต่เรื่องแย่ๆ
ไอธรรมนำ ไอที ตอน วรรณกรรมของคนมือบอน – ว.วชิรเมธี
เมื่อชาตินี้มีกรรม ก็ควรเข้าใจกรรมเพื่อจะได้ไม่ต้อง ก้มหน้ารับกรรม