แมกกี ดอยน์ (Maggie Doyne) เป็นเพียงสาวน้อยชาวอเมริกันตัวเล็ก ๆ ที่ยอมสละชีวิตสุขสบายของคนเมือง เพื่ออุทิศตัวทุ่มเทช่วยเหลือเด็กกำพร้าที่มีชีวิตยากลำบาก ในประเทศที่อยู่ไกลออกไปหลายพันไมล์ และที่สำคัญคือเธอทำสำเร็จด้วยตัวเองคนเดียวซะด้วย
หลังเรียนจบชั้นมัธยมในปี 2005 ขณะที่เพื่อน ๆ กำลังเตรียมตัวเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัย แต่แมกกีวัย 18 ปี กลับใช้เวลาช่วง gap year ไปเป็นอาสาสมัครให้กับโครงการ LeapNow เดินทางไปทำงานจิตอาสาที่บ้านเด็กกำพร้าทางตอนเหนือของอินเดีย และที่นั่นแมกกีได้เพื่อนใหม่เป็นผู้อพยพที่หนีภัยสงครามกลางเมืองมาจากเนปาล
หลังสงครามสงบเพื่อนคนนั้นก็ชวนแมกกีกลับไปเยี่ยมบ้านในเนปาล ที่นั่นแมกกีได้พบกับเด็กหญิงฮิมา (Hima) วัย 6 ขวบ หนึ่งในบรรดาเด็กยากไร้ที่เธอพบระหว่างการเดินทาง หนูน้อยฮิมาเลี้ยงชีพด้วยการนำหินจากก้นลำธารแห้งมาทุบให้แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แล้วนำไปขายได้เงิน 2-3 รูปีเลี้ยงครอบครัว สภาพของเด็กน้อยผอมโซมอมแมม ไม่มีเสื้อผ้าหรือแม้แต่รองเท้าดี ๆ ใส่ แมกกีรู้สึกสะเทือนใจมาก
แมกกีเฝ้าครุ่นคิดว่า ทำไมเด็ก ๆ ของเราถึงต้องมีชะตากรรมเช่นนี้ ทำอย่างไรจึงจะแก้ปัญหาเด็ก ๆ เหล่านี้ได้ เธอต้องลงมือทำอะไรสักอย่างแล้ว แต่จะให้ช่วยเด็ก ๆ เป็นร้อยคนเลยคงไม่ไหว แมกกีจึงตัดสินใจเริ่มที่ฮิมาก่อนเป็นคนแรก
แมกกีพาฮิมาไปเข้าโรงเรียน จ่ายค่าเล่าเรียนให้ ซื้อเครื่องแบบนักเรียน หนังสือ และอุปกรณ์การเรียนต่าง ๆ ให้ แล้วเริ่มแปรสภาพชีวิตความเป็นอยู่ของเด็กน้อย หลังจากนั้นก็เริ่มขยับขยายไปช่วยเหลือเด็กอื่นเพิ่มขึ้นอีก แมกกีมองว่านี่คือการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น สิ่งที่เด็ก ๆ ต้องการจริง ๆ คือสถานที่ที่เรียกว่า บ้าน
สองปีต่อมาความฝันที่จะมีบ้านสะอาด ปลอดภัย และมั่นคงให้กับเด็ก ๆ ก็เป็นความจริง ด้วยเงินออมทั้งหมด 5,000 เหรียญซึ่งเธอเก็บสะสมจากการทำงานพิเศษพี่เลี้ยงเด็ก และเงินที่เธอโทรศัพท์กลับบ้านขอให้พ่อแม่ส่งเงินมาให้ บวกกับเงินบริจาคที่หลั่งไหลมาจากทั่วโลกและจากชุมชนชาวเมืองนิวเจอร์ซีย์บ้านเกิดของเธอด้วย แมกกีก็สามารถซื้อที่ดินในหมู่บ้าน Kopila เมืองเซอร์เก็ต ประเทศเนปาลได้ และสามารถสร้างบ้านหลังแรกของมูลนิธิ BlinkNow ซึ่งเธอจับมือกับ ท๊อป มอลลา ชาวเนปาลก่อตั้งมูลนิธิมาด้วยกัน
ในปี 2008 บ้านเด็กกำพร้า Kopila Valley Children’s Home ก็แล้วเสร็จและเปิดทำการ ปัจจุบันมีเด็ก ๆ อยู่ในความดูแล 40 กว่าคน โดยมีแมกกีเป็นหัวหน้าทีมดูแลเด็ก ๆ ทุกเรื่อง ไม่ว่าอาหารการกิน การดูแลบ้านให้สะอาด และฟูมฟักเด็ก ๆ ให้มีจิตใจงดงาม
โครงการของแมกกียังไม่จบเพียงแค่นั้น ในปี 2010 เธอได้ก่อตั้งโรงเรียนประถม Kopila Valley School สร้างจากไม้ไผ่ในท้องถิ่น เมื่อโรงเรียนเปิดปรากฏว่ามีนักเรียนมาสมัครกว่า 350 คน ทั้งจากเมืองเซอร์เก็ตและละแวกใกล้เคียง มีนักเรียนจำนวนมากที่เป็นคนแรกในครอบครัวที่ได้เรียนหนังสือ นี่จึงเป็นการสร้างคนรุ่นใหม่ให้มีการศึกษา แมกกีตั้งใจจะให้เด็ก ๆ ทุกคนเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพและประสบความสำเร็จในชีวิต
ในปี 2011 แมกกีได้ก่อตั้ง Health Care Clinic เพื่อดูแลสุขภาพของเด็ก ๆ และคนในชุมชน และในปี 2013 แมกกีได้ก่อตั้ง Women’s Center เพื่อเสริมสร้างพลังหญิงทุกวัยและช่วยยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของผู้หญิงในสังคมให้ดีขึ้น
ในปี 2017 แมกกีสร้างบ้านสำหรับเด็กหญิงวัยแรกรุ่น Kopila Valley Big Sisters’ Home ซึ่งต้องการความปลอดภัยมากขึ้น และตอนนี้แมกกีกำลังสร้างโรงเรียนแห่งใหม่ Kopila Valley School ห่างจากที่เดิมประมาณ 2 กิโลเมตร ซึ่งโรงเรียนใหม่นี้จะมีตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงเกรด 12 และมีศูนย์อาชีวศึกษาด้วย โรงเรียนจะมี 18 ห้องเรียน และมีนักเรียนประมาณ 500 คน นอกจากนี้ยังมีฟาร์มปลูกพืชผักผลไม้ เพื่อนำผลผลิตไปเลี้ยงดูเด็ก ๆ ในโรงเรียนและเด็กที่บ้านอุถัมภ์ด้วย
การอุทิศตนอย่างทุ่มเทของแมกกีส่งผลให้เธอได้รับรางวัลจากหลายองค์กร ได้แก่
- 2008 CosmoGirl of the Year
- 2009 Grand Prize Winner of the Do Something Awards
- 2012 Speaker at Forbes 400 Summit on Philanthropy
- 2013 Speaker at Forbes Women’s Summit: Power Redefined
- 2013 Forbes Excellence in Education Award
- 2014 Unsung Hero of Compassion, awarded by the Dalai Lama
- 2015 CNN Hero of the Year
ปัจจุบันแมกกีอายุ 31 ปีแล้ว เธอยังคงทำงานเพื่อเด็กด้อยโอกาสในเนปาล และยังคิดทำโครงการใหม่ ๆ เพื่อเด็ก ๆ เหล่านี้ต่อไปอย่างไม่มีวันหยุด
เรียบเรียง ชนาฉัตร
ภาพ tedxbrussels.eu, blinknow.org, cnn.com