เมื่อเอ่ยถึง จูลี่ แอนดรูวส์ หลายคนอาจนึกถึงเสียงของเธอ หรือฮัมเพลง “โด เร มี” ซึ่งเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง มนต์รักเพลงสวรรค์ (The Sound of Music) ที่เธอแสดงนำในปี 1965 ก่อนเป็นอย่างแรก
จูลี่เป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงด้านการขับร้องอย่างหาตัวจับยากและโลดแล่นอยู่ในวงการฮอลลีวู้ดมานานกว่าครึ่งศตวรรษ เธอเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า ชีวิตของเธอได้พบกับความโชคดีอย่างเหลือเชื่อถึงสามครั้ง แต่ละครั้งเปรียบได้กับการก้าวขึ้นบันไดศิลาอันแข็งแรงที่นำพาให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนแปลงไป
จูลี่ แอนดรูวส์ (Dame Julia Alizabeth Andrews) เกิดเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ. 1935 ที่ประเทศอังกฤษ เธอมีภูมิหลังครอบครัวที่ซับซ้อนอย่างยิ่ง ตรงข้ามกับลักษณะนิสัยที่สุภาพ เรียบง่าย และมองโลกในแง่ดีอย่างที่เธอเป็นมาโดยตลอด จูลี่เคยพูดถึงชีวิตของตัวเองอย่างติดตลกว่า “ฉันเป็นคนที่มีพ่อแม่มากกว่าใครๆ ในโลก”
แม่ของจูลี่ให้กำเนิดเธอในขณะที่ยังเป็นภรรยาของ เท็ด เวลส์ ครูสอนวิชาช่างไม้ ทว่าพ่อแท้ๆ ของจูลี่ไม่ใช่เขา หลังจากสงครามโลกครั้งที่สองปะทุไม่นาน สามี – ภรรยาคู่นี้ก็หย่ากัน ต่างฝ่ายต่างแต่งงานใหม่ พ่อเลี้ยงคนใหม่ของจูลี่มีชื่อว่า เท็ด แอนดรูวส์ เขาเป็นนักร้อง จูลี่ใช้นามสกุลตามพ่อเลี้ยง และเรียนพื้นฐานการร้องเพลงจากเขาตั้งแต่อายุ 6 ขวบ แน่นอนว่าความสัมพันธ์อันซับซ้อนของผู้ใหญ่ย่อมทำให้เด็กอย่างเธอรู้สึกสับสน แต่ในเวลาที่พวกเขาไม่เมาและไม่หมกมุ่นกับตัวเองจนเกินไป ทั้งคู่ก็ดีต่อเธอมาก ดังนั้น แม้ว่าบางครั้งเธอจะได้พบกับช่วงเวลาที่ขมขื่น แต่เธอก็สามารถผ่านมันมาได้ แถมมีข้อดีคือการได้เห็นคนรอบตัวทำบางอย่างที่ผิดพลาด ทำให้เธอใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังและไม่เคยออกนอกลู่นอกทาง แม้ว่าจะมีชื่อเสียงตั้งแต่อายุยังน้อย
จูลี่เป็นเด็กที่มีพรสวรรค์ด้านการร้องเพลงมาก เธอมีโอกาสเรียนด้านการขับร้องในโรงเรียนดีๆ แต่ไม่ต่อเนื่องเพราะต้องเดินสายร้องเพลงกับพ่อแม่ตั้งแต่อายุเพียง 10 ขวบ อย่างไรก็ดี ด้วยความที่เธอเป็นลูกศิษย์เอกของ ลิเลียน สไตลส์ – อัลเลน (Lilian Stiles-Allen) นักร้องเสียงโซปราโนและครูสอนการขับร้องที่มีชื่อเสียง เธอจึงได้เรียนรู้การใช้เสียงที่ถูกต้องมาจากลิเลียน ซึ่งเป็นพื้นฐานการร้องเพลงที่สำคัญมาก
จูลี่เคยอธิบายเกี่ยวกับเสียงของเธอว่า “เสียงของฉันมีพลังใสและกังวาน อีกทั้งช่วงเสียงก็กว้างถึง 4 ออกเตฟ (four octave) เวลาร้องเพลงโน้ตสูงๆ สุนัขจากที่ไกลๆ จะวิ่งมาหาฉันกันเยอะแยะเต็มไปหมด”
เสียงสี่ออกเตฟหมายถึงการไล่เสียง โด เร มี ฟา ซอล ลา ที ครบทั้งเจ็ดตัวโน้ตได้สี่ชุด โดยแต่ละชุดจะเพิ่มระดับเสียงสูงขึ้นหนึ่งระดับ ซึ่งมีนักร้องน้อยคนมากที่จะสามารถร้องเสียงสูงได้ถึงขนาดนี้ แต่จูลี่สามารถร้องเสียงโน้ตแต่ละตัวได้ถูกต้องและเป็นธรรมชาติ
ความโชคดีครั้งแรกเกิดขึ้นตอนที่จูลี่มีอายุเพียง 12 ขวบ เธอได้ขึ้นเวทีร้องเพลงเปิดตัวในฐานะนักร้องใน ลอนดอนฮิปโปโดรม (London Hippodrome) ซึ่งเป็นโรงละครที่มีบรรยากาศกึ่งไนต์คลับ แน่นอนว่าฮิปโปโดรมไม่ใช่ที่ของเด็กโดยสิ้นเชิง และในตอนแรกโปรดิวเซอร์ของโรงละครก็ไม่ยอมให้เธอขึ้นแสดงบนเวที แต่แม่ของจูลี่ก็หว่านล้อมจนเขายินยอม ค่ำคืนนั้นจบลงด้วยการที่คนทั้งโรงละครลุกขึ้นยืนปรบมือให้จูลี่เป็นเวลายาวนาน นักข่าวตามไปทำข่าวของเธอถึงที่บ้าน ซึ่งทำให้จูลี่กลายเป็นนักร้องรุ่นเยาว์ที่ใครๆ ก็ต้องการตัวตั้งแต่นั้น
ความโชคดีครั้งที่สองเกิดขึ้นประมาณ 6 ปีหลังจากนั้น พรสวรรค์และความโด่งดังของจูลี่ดึงดูดให้โปรดิวเซอร์ชาวอเมริกันติดต่อให้เธอไปแสดง ละครบอร์ดเวย์ ที่สหรัฐอเมริกา จูลี่ได้รับบทนำในละครเรื่อง เดอะบอยเฟรนด์ ซึ่งต่อมาประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ และทำให้เธอได้แสดงละครเพลงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเรื่องหนึ่งในชีวิต นั่นคือการได้รับบท อีไลซ่า ในเรื่อง มายแฟร์เลดี้ (My Fair Lady) นั่นเอง
มายแฟร์เลดี้ เป็นละครเพลงที่ประสบความสำเร็จที่สุดเรื่องหนึ่งของบรอดเวย์ และยืนโรงแสดงติดต่อกันนานถึงสามปีครึ่ง ละครเรื่องนี้ทำให้จูลี่รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับละครเวทีอย่างแตกฉาน หลังจากนั้นเธอก็แสดงละครเพลงอีกหลายเรื่อง และเป็นนักแสดงชาวอังกฤษที่แฟนละครเวทีชาวอเมริกันรู้จักเป็นอย่างดี
ในเวลานั้น เป็นช่วงที่บรรดาผู้สร้างภาพยนตร์ในฮอลลีวู้ดนิยมนำละครเวทีที่ประสบความสำเร็จไปสร้างเป็นภาพยนตร์ ซึ่งในจำนวนนี้มีละครเรื่อง มายแฟร์เลดี้ รวมอยู่ด้วย ซึ่งทัังตัวจูลี่เอง ผู้กำกับละคร และคนทำงานเบื้องหลัง ตลอดจนแฟนละครต่างคาดหมายว่าจะได้เห็นจูลี่แสดงเป็นอีไลซ่าฉบับภาพยนตร์ ทว่าผู้สร้างกลับเลือก ออเดรย์ เฮปเบิร์น มาแสดง เหตุการณ์นี้ทำให้จูลี่รู้สึกผิดหวังมาก (แม้ปัจจุบันเธอจะเลิกผิดหวังแล้ว แต่แฟนของเธอจำนวนไม่น้อยก็ยังไม่เลิกผิดหวัง) แต่เธอก็ยังแสดงละครเวทีต่อไป
ความโชคดีครั้งที่สามเกิดขึ้นในเวลาเพียง 6 เดือนหลังจากที่เธอถูกฮอลลีวู้ดปฏิเสธ จูลี่กำลังแสดงละครเรื่อง คาเมล็อต และ วอลท์ ดิสนีย์ เจ้าของสตูดิโอดิสนีย์ก็มาชมการแสดง เขาทาบทามให้เธอรับบท แมรี่ ป๊อปปิ้นส์ ฉบับภาพยนตร์ ซึ่งขณะนั้นจูลี่เพิ่งตั้งครรภ์ เธอจึงปฏิเสธ ทว่าวอลท์ ดิสนีย์ ก็ยืนยันว่าเขาจะรอ
ปรากฏว่าการรอคอยของวอลท์ ดิสนีย์ ให้ผลเกินคุ้ม เพราะภาพยนตร์เรื่อง แมรี่ ป๊อปปิ้นส์ ประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลาย ส่วนจูลี่ก็ได้รับรางวัลออสการ์และลูกโลกทองคำในฐานะนักแสดงหญิงยอดเยี่ยมจากบทบาทนี้ หลังจากนั้นจูลี่ก็ได้แสดงภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ อีกมากมายและประสบความสำเร็จขึ้นเรื่อยๆ เธอได้รับรางวัลทางดนตรีและการแสดงมาแล้วจากทุกสถาบัน รวมทั้งได้รับพระราชาทานยศ Dame Commander of the British Empire จากสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบทที่ 2 เมื่อปี ค.ศ. 2000
นอกจากจูลี่จะเป็นนักแสดงขวัญใจผู้ชมแล้ว เธอยังเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตของคนทั่วไปด้วย จูลี่แต่งงานกับ เบลค เอ็ดเวิร์ดส์ (Blake Edwards) ผู้กำกับชื่อดัง ในปี ค.ศ. 1968 (เป็นการแต่งงานครั้งที่สองของทั้งคู่) สำหรับเบลค เธอเป็นคู่ชีวิตที่อ่อนหวานและสง่างามนับตั้งแต่วันแรกที่ทั้งคู่แต่งงานกันตราบจนถึงวันที่เขาเสียชีวิตเมื่อปี 2010 จูลี่เป็นแม่ที่มีทั้งลูกของตัวเอง เป็นแม่ที่เลี้ยงดูลูกๆ ของเบลคที่เกิดจากภรรยาคนแรก และเป็นแม่บุญธรรมของลูกสาวชาวเวียดนามสองคนที่เธอและเบลครับมาอุปการะตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1970 และเธอก็ทำงานการกุศลมาโดยตลอด
จะว่าไปแล้ว ชีวิตของจูลี่ก็ไม่ได้มีแต่โชคดีเพียงอย่างเดียว เพราะในปี ค.ศ. 1997 เธอต้องเข้ารับการผ่าตัดกล่องเสียง และหลังการผ่าตัดเธอก็ไม่สามารถร้องเพลงได้เหมือนเดิมอีก และต้องตัดใจจากอาชีพที่เธอรัก ทว่า ณ ขณะนี้ จูลี่ได้หันมาเขียนหนังสือสำหรับเด็กอย่างจริงจัง ซึ่งงานนี้เป็นงานที่เธอรักมากอีกอย่างหนึ่ง เธอเขียนหนังสือเล่มแรกตั้งแต่ปี ค.ศ. 1970 แต่เพิ่งได้เขียนอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีหลังนี้เอง ถึงตอนนี้เธอมีผลงานเขียนมากกว่า 20 เล่ม (ส่วนใหญ่เขียนร่วมกับ เอมม่า ลูกสาวที่เกิดจากสามีคนแรก)
มาถึงวันนี้จูลี่บอกว่า เธอเป็นคนโชคดีมาก และบางทีเคล็ดลับความโชคดีของเธอก็ไม่ใช่อยู่ที่การได้อะไรมา แต่คือการที่เธอได้เห็นว่า ทุกครั้งที่ประตูบานหนึ่งปิดไป ก็จะมีประตูบานใหม่เปิดขึ้นมาเสมอ
Secret Box
When god closes a door,
somewhere he opens a window.
เมื่อพระเจ้าทรงปิดประตู
พระองค์มักจะทรงเปิดหน้าต่างไว้ที่ไหนสักแห่งหนึ่งเสมอ– มาเรีย ฟอน แทร็ปป์ –
ที่มา นิตยสาร Secret
เรื่อง Violet
ภาพ playbill.com, mercy2908.wordpress.com, m80radio.com, auburnpub.com