true story : เหตุเกิด เพราะ ความเมา
บางครั้งปัญหาหรือปมที่ทำให้เส้นทางชีวิตเราต้องหักเห หากเรามองไม่ออก แก้ไขไม่เป็น ก็อาจทำลายชีวิตเราได้
ครอบครัวของฉันเป็นคนหาเช้ากินค่ำ แม่มีรถเข็นขายข้าวมันไก่ พ่อขับแท็กซี่ ฉันเป็นน้องคนเล็กซึ่งเป็นลูกหลง อายุจึงห่างจากพี่ ๆ ทั้งสามคนมาก เมื่อโตพอจะจำความได้ก็เห็นพี่ ๆ ช่วยแม่ขายข้าวมันไก่แล้ว ทุกคนขยันขันแข็งมาก โดยที่ฉันไม่ต้องช่วยงานอะไร วิ่งเล่นอย่างเดียวเพราะยังเด็กเกินไป
ส่วนพ่อก็ดื่มเหล้าหนักมาก พอเลิกกะส่งรถคืนอู่แล้วพ่อต้องแวะร้านลาบแถวบ้าน นั่งดื่มเหล้าจนเมาทุกที บางวันแม่ต้องส่งพี่ชายไปตามพ่อกลับบ้าน ถ้าวันไหนอารมณ์ดีพ่อก็ยอมกลับโดยดี วันไหนอารมณ์เสียก็บ่นด่าตลอดทาง พอถึงบ้านก็โวยวายไม่หยุด ถ้าวันไหนแม่ของฉันอารมณ์ไม่ดีด้วย ทั้งคู่ก็จะทะเลาะกันใหญ่โต พ่อตะโกนด่าทอด้วยคำหยาบคายเท่าที่จะสรรหาได้ และขว้างข้าวของจนพังพินาศเสียหาย
บางวันฉันก็โดนหางเลขไปด้วย เพราะฉันไม่ชอบเวลาพ่อเมา เหม็นกลิ่นเหล้า ฉันมักทำหน้าบึ้งหน้างอ วิ่งหนีไปเล่นไกล ๆ ครั้งหนึ่งพ่อหันมาเห็นกิริยาอาการของฉันเข้าก็เกิดโมโห หยิบของใกล้มือขว้างใส่ฉันเฉียดหัวไปนิดเดียว ตั้งแต่นั้นมาฉันก็ไม่ยอมโผล่หน้ามาให้เห็นเวลาพ่อเมาอีกเลย
ครอบครัวเราอยู่กันมาแบบนี้ จนกระทั่งฉันย่างเข้าวัยรุ่นและสังเกตเห็นว่า พ่อเริ่มไม่กลับบ้าน ช่วงแรก ๆ แค่กลับบ้านตอนเช้า ต่อมาก็หายไปเป็นวัน ๆ เป็นอาทิตย์และเป็นเดือน จนในที่สุดแม่ก็บอกว่าพ่อไปอยู่กับคนอื่นแล้ว หลังจากนั้นแม่ก็ไม่เคยเอ่ยถึงพ่ออีก
บอกตรง ๆ ว่าตอนนั้นฉันสับสนมาก เกลียดเวลาพ่อกินเหล้าเมา แต่ก็เสียใจและโมโหที่พ่อทิ้งเราไป ฉันกลายเป็นเด็กก้าวร้าว ไม่สนใจการเรียน ไม่ช่วยงานท่บี ้าน หันไปคบเพื่อนที่ไม่ค่อยเรียนหนังสือ ชวนกันหนีเรียนเป็นประจำ
ช่วงนั้นฉันใกล้จบมัธยมต้น อายุยังไม่ถึงเวลาใช้คำว่านางสาว แต่ร่างกายของฉันเติบโตล้ำอายุไปมาก จึงดึงดูดสายตาผู้ชายอยู่ไม่น้อย หน้าตาก็ถือว่าดีเกินกว่าจะทำงานเสิร์ฟข้าวมันไก่ (ความคิดของฉันในตอนนั้น) ฉันเร่ิ่มมีผู้ชายมาเมียงมอง จนแม่กับพี่ ๆ สังเกตเห็นทุกคนจึงเริ่มพูดลอย ๆ เป็นการตักเตือน แต่ฉันไม่ได้มองว่านั่นคือการเตือนสติ กลับคิดว่าแม่กับพี่ ๆ พูดจาประชดประชันเหน็บแนม จึงยิ่งทำให้ฉันอารมณ์เสียหนักขึ้น จนวันหนึ่งถึงกับตะโกนออกมาว่า
“โอ๊ย เบื่อ ๆ ๆ ๆ เมื่อไรจะมีผัว จะได้ออกจากบ้านนี้ซะที”
แม่นิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า “ถ้างั้นรอให้จบ ม.ต้นก่อน แม่ขอแค่นี้ แล้วจะไปไหนก็ตามใจ”
พูดจบแม่ก็เดินออกจากห้องไปทันที ทิ้งให้ฉันนั่งน้ำตานองหน้าเพราะช็อกกับคำพูดของแม่ พี่ ๆ เข้ามาปลอบใจฉันว่าอย่าคิดมาก แม่พูดเพราะความโมโห แต่ฉันน้อยใจตามประสาเด็ก คิดว่าแม่ไล่
แม่เฉยชากับฉันจนกระทั่งฉันเรียนจบมัธยมต้นแบบเฉียดฉิว แล้ววันหนึ่งฉันก็เก็บกระเป๋าเสื้อผ้าย่องออกจากบ้านเพื่อไปอยู่กับเพื่อนคนหนึ่ง แต่บังเอิญพี่สาวมาเจอก่อน พี่ยื้อยุดอยู่ครู่หนึ่งแล้วขอร้องทั้งน้ำตาให้ฉันอยู่ต่อ เพราะแม่จะเสียใจมากถ้าฉันทำแบบนี้
เนื่องจากพี่สาวคนนี้ใจดีกับฉันมาตลอด ฉันจึงตัดสินใจเรียนต่อมัธยมปลายตามที่พี่สาวขอร้อง แต่ก็เรียนตก ๆ หล่น ๆ ไปตามประสา หนีเที่ยวไปกับผู้ชายบ้าง ไปกับเพื่อนบ้าง จนกระทั่งใกล้จบมัธยมปลาย ฉันก็เจอผู้ชายคนหนึ่งชื่อ บอล เขาเป็นลูกชายของร้านขายวัสดุก่อสร้างใหญ่โตไม่ไกลจากบ้านนัก อายุยี่สิบปลาย ๆ หน้าตาดีขาวตี๋ตรงสเป็ค เขามากินข้าวมันไก่ที่ร้านซึ่งตอนนี้เปลี่ยนจากรถเข็นมาเปิดร้านตึกแถวสองคูหาแล้ว
บอลมากินข้าวมันไก่ที่ร้านบ่อยมาก ไป ๆ มา ๆ เราก็แอบคบกันและมีอะไรกันโดยที่ไม่มีใครรู้ เขาบอกฉันแบบสั้น ๆ ง่าย ๆ ว่า ถ้าฉันเรียนจบมัธยมปลายเมื่อไร เขาจะพาฉันไปอยู่ด้วยกันที่กรุงเทพฯ ฉันเฝ้ารอนับวันจนกระทั่งเรียนจบ แล้วก็หอบกระเป๋าออกจากบ้านโดยบอกแต่เพียงว่า ฉันจะไปทำงานกับเพื่อนที่กรุงเทพฯ แม่กับพี่ ๆ ได้แต่ยืนงงเพราะไม่ระแคะระคายอะไรมาก่อนเลย
บอลซื้อบ้านหรูในหมู่บ้านที่ซอยวัชรพล ฉันเปลี่ยนสภาพจากเด็กนักเรียนมาเป็นแม่บ้านทันที โดยมีลูกจ้างช่วยงานบ้านอีกหนึ่งคน บอลให้เงินฉันใช้ส่วนตัวเป็นรายเดือนนอกเหนือจากค่าใช้จ่ายในบ้าน ส่วนเขาออกไปทำงานทุกวัน เพราะเขาเปิดบริษัทเทรดดิ้งที่กรุงเทพฯ และต้องกลับไปบ้านพ่อแม่ที่ต่างจังหวัดทุกเดือน
ช่วง 1 – 2 ปีแรกฉันมีความสุขมาก มีชีวิตสุขสบายและความรักหวานชื่น จนกระทั่งฉันเริ่มถามถึงการแต่งงาน บอลก็บ่ายเบี่ยงว่า ครอบครัวของเขาเป็นคนจีนหัวเก่า ต้องรอเวลาให้พ่อแม่ยอมรับได้ก่อน เราจึงเริ่มทะเลาะกันบ่อยขึ้น
นานวันเข้าพฤติกรรมของบอลก็เริ่มเปลี่ยนไป จากที่เคยกลับต่างจังหวัดแค่เดือนละครั้งก็กลับทุกอาทิตย์ ตอนแรกฉันคิดว่าคงเพราะเราทะเลาะกัน บอลเลยงอนกลับบ้านไป แต่ช่วงหลังสัญชาตญาณลูกผู้หญิงของฉันเริ่มตื่นตัวและรู้สึกว่าเขากำลังมีคนอื่น
จนกระทั่งวันหนึ่งบอลบอกฉันว่า คราวนี้เขาจะกลับบ้านนานหน่อย เพราะต้องพาพ่อแม่ไปทัวร์ต่างประเทศหนึ่งอาทิตย์ ฉันสังหรณ์ใจว่าไม่ใช่ แต่สภาพเมียเก็บอย่างฉันจะทำอะไรได้นอกจากนั่งรออยู่ที่บ้าน
หลังกลับจากทัวร์ต่างประเทศตามที่อ้าง บอลก็เริ่มกลับบ้านครั้งละหลายวันมากขึ้น เขาอยู่กับฉันน้อยลงเรื่อย ๆ ฉันเหงามาก หาหมามาเลี้ยงก็ไม่ได้ช่วยอะไร วันหนึ่งฉันจึงตัดสินใจขับรถไปถนนข้าวสารมานั่งดื่มเบียร์คนเดียว แล้วค่ำคืนแห่งการประชดชีวิตของฉันก็จบลงที่ห้องพักของหนุ่มอังกฤษคนหนึ่ง
ฉันกลับบ้านเมื่อตอนฟ้าสางมาพบกับบ้านที่ว่างเปล่า ลูกจ้างนอนอยู่ในห้องด้านหลังที่แยกออกจากตัวบ้าน หมานอนอยู่ในกรง ถามว่ารู้สึกผิดไหม น่าแปลกที่ตอนนั้นฉันรู้สึกผิดเพียงน้อยนิด คิดแค่ว่าก็ยังดีกว่านอนเหงาอยู่คนเดียวที่บ้าน
จากครั้งแรกก็มีครั้งที่สองและครั้งต่อ ๆ ไปตามมา ฉันไปบ่อยจนกระทั่งคุ้นหน้ากับแก๊งสาวไทยวัยเดียวกันกลุ่มหนึ่งซึ่งมาเที่ยวบ่อยจนจำกันได้ เราเริ่มพูดคุยกันและกลายเป็นแก๊งเที่ยวข้าวสารที่ซี้กันมาก โทร.เรียกมาเจอได้ตลอด เมากันแบบไม่แคร์สังคม ถึงแม้เป็นเพื่อนเที่ยวสำมะเลเทเมาก็ไม่มีใครในกลุ่มที่หิ้วฝรั่งไปต่อเหมือนฉัน
ฉันไม่รู้ตัวเลยว่าช่วงนั้นฉันทำตัวเหมือนพ่อไม่มีผิด ฉันเกลียดคนเมา แต่ฉันก็เมาเสียเอง ตอนนั้นคิดแค่ว่าเมาแล้วสนุก ได้เฮฮากับเพื่อนฝูง ลืมความทุกข์ ความเหงาไปได้ชั่วขณะ แถมยังได้หิ้วฝรั่งมาแก้ขัด เนื่องจากเป็นคนแปลกหน้าไม่รู้จักกัน จบแล้วก็แยกย้ายไม่เจอกันอีก ถ้าเป็นคนไทยก็เสี่ยงที่อาจจะจ๊ะเอ๋กับคนที่รู้จักกับบอลก็ได้
ฉันกลายเป็นผู้หญิงที่มีชีวิตสองด้าน ด้านหนึ่งอยู่บ้านเป็นแม่บ้านดูแลคนรักอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ข้าวปลาอาหาร เสื้อผ้า บ้านช่อง เป็นระเบียบเรียบร้อยสวยงามสะอาดสะอ้าน ฉันดูแลตัวเองอย่างดีไม่เคยปล่อยตัวโทรม ส่วนชีวิตอีกด้านคือ ผู้หญิงเที่ยวกลางคืนสำมะเลเทเมาหิ้วผู้ชายไปหาความสุข
ฉันอยู่กับความสุขจอมปลอมแบบนี้มาหลายปีโดยที่บอลไม่ระแคะระคาย เพราะเขาไม่ค่อยอยู่บ้านและไม่สนใจเรื่องส่วนตัวของฉัน จนกระทั่งวันหนึ่งหลังจากที่เขาผล็อยหลับ ฉันนึกอย่างไรไม่รู้แอบหยิบโทรศัพท์เขามาดู ก็เห็นรูปของเขาคู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง และมีเด็กอายุประมาณ 1 – 2 ขวบอยู่บนตัก ทุกคนในรูปยิ้มแย้มมีความสุขมาก
ความรู้สึกตอนนั้นคือช็อก ตัวชา มันมืดไปหมดเหมือนจะเป็นลม ฉันเซไปเกาะโต๊ะใกล้ ๆ แล้วก็แข้งขาอ่อนทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้นเงียบ ๆ พยายามสูดหายใจเข้าลึก ๆ นึกแต่ว่าต้องตั้งสติ ๆ
ฉันคิดทบทวนไปมา ถ้าฉันโวยวายขึ้นมาตอนนี้แล้วบอลทิ้งฉันไป ฉันจะทำอย่างไร ฉันเรียนจบแค่มัธยม ไม่เคยทำงาน ไม่มีรายได้ ไม่มีอะไรเป็นของตัวเองสักอย่าง ฉันควรจะกอบโกยให้ได้มากที่สุดเพื่ออนาคตจะดีกว่าไหม
วันรุ่งขึ้นฉันทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยังคงปรนนิบัติบอลอย่างดีเหมือนเดิมทั้งที่หน้าชื่นอกตรม ฉันปั้นสีหน้าและน้ำเสียงออดอ้อนทำนองว่า ฉันอยู่กับเขามาตั้งแต่เรียนจบ ไม่ได้ทำงาน ไม่มีรายได้อะไร ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรเป็นของตัวเองเลย บอลช่วยโอนบ้านกับรถเป็นชื่อฉันได้ไหมเพื่อเป็นหลักประกัน เผื่อบอลทิ้งฉันไป
บอลชะงักนิดหนึ่งแล้วมองหน้าฉันก่อนพูดว่า เขาจะซื้อรถให้อีกคันหนึ่งด้วย คันนี้เก่าแล้ว จะเอาไหม หลังจากนั้นฉันก็ได้บ้านได้รถอีกสองคันเป็นชื่อของฉัน แต่ฉันก็ยังไม่หยุดพฤติกรรมเที่ยวกลางคืน จนกระทั่งวันหนึ่งฉันกลับมาบ้านตอนเช้าแล้วเจอบอลรออยู่ที่บ้าน
เราจึงทะเลาะกันใหญ่โตเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี บอลต่อว่าที่ฉันไปเที่ยวจนเช้า ฉันจึงถึงจุดเดือดพรั่งพรูต่อว่าเรื่องผู้หญิงคนนั้น ฉันรู้ความจริงจากเพื่อนคนหนึ่งในภายหลังว่า ช่วงที่เขาบอกว่าพาพ่อแม่ไปทัวร์ต่างประเทศคือช่วงที่เขาเข้าพิธีแต่งงานและไปฮันนีมูนกับผู้หญิงคนนั้น เธอคือคนที่พ่อแม่ของเขาเลือกให้
ฉันตัดพ้อต่อว่าเขาอย่างหนักที่เขาทำให้ฉันกลายเป็นเมียน้อย ทั้ง ๆ ที่ฉันมาก่อนตั้งหลายปีและดูแลปรนนิบัติเขาเป็นอย่างดี บอลตกใจที่ฉันรู้เรื่องราวทั้งหมด เขาได้แต่แก้ตัวว่าขัดพ่อกับแม่ไม่ได้ ฉันจึงถามว่าแล้วเขาจะเอายังไง
บอลไม่ตอบ เขาขึ้นชั้นบนไปหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าลงมาแล้วขับรถออกจากบ้านไปเงียบ ๆ
บอกตรง ๆ ว่าฉันเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปเหมือนกัน เขาหายเงียบไปนานเป็นเดือน แต่ยังโอนเงินเข้าบัญชีสม่ำเสมอ ในขณะเดียวกันฉันก็เมาหนักขึ้น เริ่มไม่กลับบ้านเหมือนกัน ถึงขนาดลูกจ้างที่บ้านโทร.มาถามว่า วันนี้คุณกลับบ้านไหมคะ หนูอยู่คนเดียวหนูกลัว
แล้วโชคชะตาก็เล่นตลกอีกครั้งเมื่อฉันมีฝรั่งชื่อ โจ ซึ่งเป็นครูสอนภาษาอังกฤษอยู่ในเมืองไทยมาติดพัน เราเจอกันที่ข้าวสารนี่แหละ ฉันเองก็เริ่มเบื่อที่ต้องเจ๊าะแจ๊ะฝรั่งแปลกหน้าทุกวัน เราเริ่มนัดเจอกันบ่อยขึ้น จนกระทั่งวันหนึ่งฉันพบว่าตัวเองกำลังตั้งท้อง ไม่ต้องสงสัยว่าเป็นลูกใคร เพราะฉันอยู่กับโจคนเดียว มันตลกตรงที่ฉันพยายามมีลูกกับบอลมาตลอดแต่ไม่สำเร็จ จึงคิดว่าตัวเองเป็นหมัน
ฉันตัดสินใจเก็บลูกไว้และบอกความจริงกับโจ ปรากฏว่าเขาโกรธมาก ต่อว่าฉันใหญ่โตว่าทำไมไม่ป้องกัน ไหนบอกว่าตัวเองเป็นหมัน พูดจบเขาก็ปึงปังหนีหายไปเลย ฉันยิ่งอึ้งหนัก ทั้งงงทั้งเอ๋อ ไม่รู้จะทำอย่างไร กลับมานั่งคนเดียวที่บ้าน ขอเวลาตั้งสติสักพัก เพราะตอนนี้ติดต่อใครไม่ได้เลยทั้งบอลและโจ
สงสัยว่าฉันคงทำบุญไว้บ้างเมื่อชาติที่แล้ว หลังจากอยู่เงียบ ๆ คนเดียวพักใหญ่ บอลก็ติดต่อกลับมาบอกว่า ถึงยังไงฉันก็เป็นรักครั้งแรกของเขา แต่เขามีครอบครัวที่ต้องรับผิดชอบแล้ว เขาตัดสินใจปล่อยฉันไปเจอคนที่ดีกว่า และเพื่อเห็นแก่ความดีของฉันที่คอยดูแลเขามาตลอด เขาจะให้เงินฉันก้อนหนึ่งไปตั้งตัว
ฉันปล่อยโฮลั่นโทรศัพท์อย่างโล่งอก บอลคงนึกว่าฉันเสียใจมาก เขาขอโทษเสียงเครือเหมือนจะร้องไห้ตามไปด้วย และบอกว่าที่เงียบไปเพราะขอมาทำใจ หวังว่าฉันจะเข้าใจ สรุปว่าเราสองคนจากกันด้วยดี ฉันได้บ้าน รถ 2 คัน เงินก้อนใหญ่บวกกับเงินเก็บสะสมของตัวเอง ถือว่าไม่ลำบากไปอีกหลายปี
หลังจากนั้นไม่นานโจก็ติดต่อกลับมาและขอรับผิดชอบลูก ฉันจึงลงเอยกับโจ หลังจากคลอดลูกเราก็ทำร้านอาหารประเภทสเต๊กตามที่โจถนัด ชีวิตมีความสุขบ้างทุกข์บ้างตามประสา
ฉันเลิกดื่มเหล้าเด็ดขาด เพราะมาคิดได้ว่าหลายอย่างในชีวิตเกิดมาจากความเมา พ่อเมาทำให้ฉันคิดมากกลายเป็นเด็กเกเร ไม่ใส่ใจการเรียน พอมีแฟนก็ประชดแฟนด้วยการไปเที่ยวเมากับฝรั่ง แล้วก็ไม่ได้ป้องกัน เพราะความเมาบวกกับความประมาท สุดท้ายฉันก็ต้องมาเลี้ยงลูกกับสามีฝรั่งที่เจ้าชู้และชอบแอบหาเวลาไปเมาไม่เลิก
ทุกวันนี้ฉันอยู่เพื่อลูกและดูแลร้านอาหาร เลิกตามโจแล้วว่าเขาจะไปเมาที่ไหน ได้แต่หวังว่าสักวันชีวิตจะหลุดพ้นจากความเมาพวกนี้เสียที
0
ข้อคิดจากพระ ดร.นิตินัย อุดมกัน
พระพุทธเจ้าตรัสสอนเรื่องศีล 5 ซึ่งเป็นศีลธรรมที่คุ้มครองโลก นำความสงบร่มเย็นมาสู่สังคมนี้ โลกนี้ถ้าสังคมใดปฏิบัติตามก็จะมีแต่ความสุขความเจริญ
ศีล 5 ข้อ 5 เว้นจากการดื่มเครื่องดองของเมา สุรา ยาเสพติด เพราะเป็นสาเหตุทำให้ชีวิตตกต่ำขาดสติ เมื่อขาดสติย่อมประมาท สามารถทำสิ่งที่ชั่วช้าลามกผิดประเวณี ผิดศีลข้อ 3 ประพฤติผิดในกาม ผิดศีลข้อ 4 โกหก ทำให้ครอบครัวทะเลาะเบาะแว้ง เดือดร้อนวุ่นวาย แตกแยกเป็นปัญหาสังคมตามมา ถ้าเรามีศีล 5 ที่สมบูรณ์แล้วย่อมสงบร่มเย็น แต่ความรักความเข้าใจกันในครอบครัวก็มีส่วนเติมเต็มให้สังคมนั้น ๆ สมบูรณ์แบบมากขึ้น ดังเช่นในบทความ คุณผู้หญิงเห็นโทษของการดื่มสุรายาเมา ขาดสติ ทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมา จึงเลิกเด็ดขาด ส่งผลให้ชีวิตดีขึ้นตามลำดับ
0
ที่มา : นิตยสาร Secret ฉบับที่ 226
เรียบเรียง :พิมพ์พนา
ภาพ : Unsplash
บทความน่าสนใจ