บทเรียนจากรักออนไลน์ พีท – พล นพวิชัย
พีท – พล นพวิชัย เป็นอีกคนหนึ่งที่เคยมีความรักและผิดหวังมาหลายครั้ง ซึ่งทุกครั้งเขาก็ได้เรียนรู้และเติบโตขึ้น และรักครั้งล่าสุดก็เช่นกัน
“พีทรู้จักคนคนหนึ่งในอินสตาแกรม ตอนคุยกับเขาผ่านตัวหนังสือ รู้สึกว่าเขาเป็นคนอบอุ่นมาก ๆ ต่อมาก็เปลี่ยนเป็นคุยกันในไลน์ และตกลงเป็นแฟนกัน แต่แปลกตรงที่เขาไม่ชอบคุยโทรศัพท์ ไม่ชอบให้เห็นหน้า เวลาใช้ไลน์โทร.หา เขาเอามือปิดกล้อง แล้วก็ไม่มาเจอ ทั้ง ๆ ที่อยู่กรุงเทพฯ เขาเจอทุกคนบนโลกยกเว้นเรา เขาไปไหนมีคนถ่ายรูปให้ แล้วใครเป็นคนถ่าย ทำให้เรามีคำถามเต็มไปหมด แต่เขาก็บอกว่า เขารักเรา เวลานั้นคนที่รู้ว่าพีทคบกับคนคนนี้เตือนพีทเยอะมาก แต่พีทก็ให้โอกาสเขา หวังว่าเขาไม่ได้เป็นอย่างที่คนอื่นบอก อยากเชื่อว่าเราคิดถูกแล้ว
“วันหนึ่งเขามาเซอร์ไพร้ส์วันเกิด ตอนเจอกันพีทมีความสุขมาก แต่ตอนที่ผู้จัดการพีทดันตัวเขาเข้ามาหาพีทเขาพยายามขืนตัวออก เหมือนกลัว ขยะแขยง เราก็ไม่รู้ว่าทำไม แล้วเขาบอกว่า ห้ามถ่ายรูป พีทก็ไม่ถ่าย แต่เขาถ่ายวิดีโออัพลงอินสตาแกรม พีทก็งง ห้ามพีท แต่ตัวเองทำ แล้วเจอกันแค่ 20 นาทีเท่านั้นเขาก็กลับเลย”
หลายคนที่อ่านมาถึงตรงนี้คงเกิดคำถามเดียวกันคือ เหมือนจะไม่มีความสุข แต่ทำไมจึงยังคบกันอยู่
“เรามีความสุขกับการได้เพ้อฝัน เราสร้างฝันให้ตัวเองไปเรื่อย ๆ พยายามยืนอยู่บนเมฆ ไม่ยอมยืนอยู่บนดิน ที่ผ่านมาเรายืนอยู่บนดินเสมอ เวลาใครมาปรึกษาเรื่องความรัก เราจะยืนอยู่บนดิน แต่เมื่อเจอเข้ากับตัวเอง ต่อให้แข็งแรงแค่ไหน สุดท้ายก็ตายอยู่ดี”
เรื่องราวความรักที่ไม่เหมือนคู่รักทั่วไปยังไม่หมดแต่เพียงเท่านี้
“เขาจะกลับบ้านที่ญี่ปุ่น และอยากให้เราไปด้วย เราถามย้ำถึง 3 ครั้งว่าจะให้เราไปด้วยใช่ไหม เขาก็ยืนยันว่าอยากให้ไป พีทก็จองตั๋วเลย ยกเลิกงานทุกอย่างเพื่อไปกับเขา คิดว่าครั้งนี้คงได้จริงจังกันสักที แต่นั่นคือสิ่งที่เราคิดไปเอง เพราะเขากลับไปบอกผู้จัดการเราว่าไม่อยากให้เราไปด้วย ผู้จัดการก็ถามเขาว่าจะบอกพีทเองไหม เขาก็ยืนยันว่าจะบอกพีทเอง จริง ๆ พีทรู้เรื่องแล้ว แต่ทำเหมือนไม่รู้เพื่อรอว่าเมื่อไหร่เขาจะพูด แต่เขาก็ไม่พูดสักที
“จนก่อนออกเดินทาง 1 วัน พีทเปิดประเด็นเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อให้เขาพูดอะไรสักอย่าง พีทถามว่าเราจะไปพักกันอย่างไร เจอกันตรงไหน เขาบอกว่าให้พีทยกเลิกตั๋ว แต่พีทยกเลิกงานทุกอย่างหมดแล้ว พีทจะไม่ยอมให้ทริปล่มด้วยเหตุผลที่ว่าคุณไม่ต้องการให้เราไปด้วย ต่อให้เขาไม่ไปด้วย เราก็จะไปอยู่ดี เขาบอกพีทว่า เขาบินพร้อมพีทไม่ได้เขามีประชุม แล้วเขาก็เลื่อนตั๋ว พีทก็ไปญี่ปุ่นคนเดียว อยู่ไปเรื่อย ๆ จนรู้สึกว่ากลับดีกว่า อยู่ไปก็ไม่เจอเขา
“ตอนนั้นเราก็ยังหวังลึก ๆ ว่าจะเจอเขา แต่ก็ไม่เจอก็เลยกลับ ระหว่างนั้นก็ยังแชตกับเขาอยู่ตลอด เขาบอกว่าจะเลื่อนวันกลับ มีงานด่วน แต่สุดท้ายเขาก็กลับกำหนดการเดิมอย่างที่บอกไว้แต่แรก ถามว่าโกรธไหม พีทไม่โกรธเพราะพีทเลือกเอง แต่พีทถามเขาว่า กลัวจะเจอพีทหรือ ไหนบอกมีงานด่วน เขาบอกว่า เปล่า ก็แค่อยากกลับวันนั้น
“พีทถามตัวเองว่าพีทกำลังเจอกับอะไรอยู่ มันแปลกเกินไป พีทเสียใจไปเรื่อย ๆ เสียใจเหมือนสะสมพ้อยต์ในเซเว่น พีทเคยถามเขาว่า ทำไมคุณถึงไม่ทำตัวปกติ คุณแค่เหงา ชอบแชตใช่ไหม เขาบอกว่า พีทดูถูกความรักของเขา พีทถามว่า ทำไมไม่ทำให้ทุกอย่างมันง่าย โทร.มาตอนนี้สิ เขาก็เฉไฉไปเรื่อย พอเจอแบบนี้บ่อย ๆ ก็เลยบอกตัวเองเลยว่า พอแล้ว อยู่บนความจริงดีกว่า คนที่แพ้ก็ต้องดูแลตัวเอง พีทยอมแพ้
“พอเราเลิกคุยกับเขา เขาส่งข้อความมาบอกว่า ยินดีด้วยนะ คุณทำสำเร็จแล้ว ทำให้คนมารุมประณามด่าเขา พีทบอกเขาว่า เดี๋ยวก่อนนะ เราไม่ได้พูดชื่อเขาเลย แล้วเขาก็บอกว่ารักเรา พีทสวนไปว่า เลิกบอกว่ารัก อ่านแล้วหงุดหงิดมาก ช่วยบอกว่าเกลียดหน่อย เพราะที่ผ่านมาคุณก็เหมือนเกลียดเราอยู่แล้ว”
แม้ความรักครั้งนี้จบลงแบบไม่สวยนัก แต่ก็ทำให้เขาเรียนรู้ความรักในอีกแง่มุมหนึ่ง
“ทุกอย่างคือบทเรียน เป็นสิ่งที่ทำให้เราโตขึ้น ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ก็ไม่คิดจะแก้ไขอะไร เพราะอย่างแรกคนเราแก้ไขอดีตไม่ได้ คิดแก้ไปก็เท่านั้น ถ้าคนเราย้อนอดีตได้ ก็จะไม่เป็นอย่างที่เราเป็นอยู่ทุกวันนี้ ไม่มีตัวเราในวันนี้ ฉะนั้นอดีตคือบทเรียนที่ควรจำไว้แล้วก็เรียนรู้จากมันอยู่กับมันให้ได้
“อีกสิ่งสำคัญที่พีทเรียนรู้คือ ความรักต้องถูกคนถูกที่ถูกเวลา อะไรที่มันถูกต้องมันก็จะใช่ ทุกอย่างต้องอยู่บนพื้นฐานของความเข้าใจและความจริง อย่าให้ใครมาเล่นกับความรู้สึกของเรา แล้ว อย่ารักใครด้วยหัวใจทั้งหมด ต้องใช้สมองด้วย ต้องตั้งอยู่บนความพอดีของทั้งสองฝ่าย ให้มาเท่าไหร่ ให้ไปเท่านั้น มันอาจวัดเป็นตัวเลขไม่ได้ว่าใครให้มากี่เปอร์เซ็นต์ แล้วเราจะรู้ได้ด้วยใจว่าเขารักหรือเปล่า และต้องไม่ดูผ่านตัวอักษร
“การอ่านตัวอักษรในแชตก็เหมือนอ่านบทละคร คนเขียนสามารถสร้างขึ้นมาได้โดยอาจไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ มันไม่สามารถบอกได้ว่าคนเขียนจริงจังกับเราหรือไม่ แค่ไหน อย่าดิ่งตัวเองลงไปกับตัวอักษรเหล่านั้น เพราะมันอาจไม่จริง มันจะจริงต่อเมื่อได้ยินเสียงของเขา อย่าลืมว่าเสียงบอกความรู้สึกได้มากกว่า ไม่ใช่ตัวอักษรที่บางทีอาจให้ใครพิมพ์ก็ได้ ต้องออกมาเจอกัน ต้องมองตา พีทเชื่ออย่างนั้น”
หากถามหาความหมายของ “ความรัก” ในวันนี้ เขาได้ข้อสรุปว่า
“พีทเชื่อในรักแท้ มองว่าความรักเป็นสิ่งสวยงาม ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นรักแบบหนุ่มสาวอย่างเดียว รักพ่อแม่ รักครอบครัว รักงาน ทุกอย่างคือความรัก”
ที่มา : นิตยสาร Secret ฉบับที่ 230
เรื่อง : อุรัชษฎา ขุนขำ ภาพ : วรวุฒิ วิชาธร