เทคนิคการทำ ธุรกิจส่วนตัว ได้ โดยไม่ต้องลาออกจากงานประจำ
การลาออกจากงานประจำมาทำ ธุรกิจส่วนตัว ของตัวเองเต็มตัว เต็มเวลา ไม่ใช่เรื่องผิด แต่การลาออกจากงานประจำ มาทำธุรกิจของตัวเองเต็มเวลา โดยที่ไม่มีการวางแผน คิดไตร่ตรองให้ดีก่อน นี่แหละคือวิธีการทำธุรกิจที่ไม่ถูกต้อง
แพทริค เจ. แมคกินนิส ผู้เขียนหนังสือ “ทำธุรกิจเริ่มจาก 10 ให้ได้ 100” – Short Cut ให้เหตุผล 5 ข้อ ที่เราไม่ควรเป็นผู้ประกอบการ 100% พร้อมคำแนะนำและเทคนิคสำหรับคนที่อยากเริ่มต้นทำธุรกิจของตัวเองไปพร้อม ๆ กับการทำงานประจำ เอาไว้ดังนี้
::: 1.ไลฟ์สไตล์ไม่ได้สวยหรูอย่างที่คิด :::
อาลี เมส อดีตที่ปรึกษาของบริษัท เบน แอนด์ คัมพานี ผู้ต้องประสบปัญหาความเครียดรุมเร้า จนตัดสินใจลาออกจากงานประจำ เพื่อมาตั้งบริษัทของตัวเอง ก่อนที่จะพบว่า การลาออกมาก่อตั้งบริษัทของตนเองนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เขาจึงตีผ่าเรื่องราวด้านมืดของชีวิตสตาร์ทอัพให้ฟังว่า
เราอาจเคยคิดว่า การลาออกจากงานประจำมาทำธุรกิจของตัวเองนั้น เราจะมี “อิสรภาพ” ทางด้านเวลามากขึ้น แต่ที่จริงแล้ว ในช่าวงเริ่มต้นธุรกิจ เจ้าของธุรกิจมักจะต้องทุ่มเทกับการทำงานอย่างหนัก จนเสียสมดุลด้านเวลาไป
นอกจากนั้น เรายังต้องครุ่นคิดเกี่ยวกับเป้าหมายทางการเงิน ไลฟ์สไตล์ และค้นหาความหมายของ “ความสำเร็จ” อีกครั้ง จนตัวเราอาจต้องตกอยู่ในช่วงเวลาของการตั้งคำถามของตัวเอง ผลกระทบที่ตามมา คือ ความเครียด
::: 2.สมดุลทางการเงินของเราจะเปลี่ยนไป :::
จากการสอบถามผู้ก่อตั้งธุรกิจมากกว่าหมื่นคน พบว่า 73% ของผู้ตอบแบบสอบถาม จ่ายเงินเดือนให้ตนเองน้อยกว่า 50,000 เหรียญต่อปี ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำจนน่าประหลาดใจ เมื่อเทียบกับความรับผิดชอบและความกดดันที่ต้องแบกรับ
กว่าที่จะประสบความสำเร็จได้นั้น มีผู้ก่อตั้งบริษัทจำนวนมาก ที่ใช้เงินออมจนหมด และ จำเป็นต้องใช้ชีวิตอยู่กับหนี้สิน และ บัตรเครดิตอยู่นาน กว่าที่จะเริ่มประสบความสำเร็จ
::: 3.เราต้องละทิ้งสถานะ และ การยอมรับทางสังคมบางอย่างไป :::
ใครที่เคยทำงานอยู่ในบริษัทที่มีชื่อเสียง หรือ มีความมั่นคง เราอาจจะเคยชินกับความมั่นคง สถานะทางสังคม ความเคารพ และการยอมรับจากเพื่อนร่วมงาน และผู้คนรอบข้าง
การลาออกจากงานเดิม เพื่อไขว่คว้าโอกาสใหม่ๆ อาจต้องแลกมาด้วยการทำลายกิจวัตรประจำวันที่เราแสนคุ้นเคย และ ละทิ้งคอมฟอร์ทโซน (Comfort Zone) หรือ ความปลอดภัยเดิมๆ บอกลาสวัสดิการที่บริษัทเคยจ่ายให้
Pages: 1 2
