ตัดใจ จากคนรักอย่างไรดีครับพระอาจารย์
แม้ว่าการ ตัดใจ จะเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก แต่เมื่ออีกฝ่ายหมดรักและเดินจากไปแล้ว เราจะต้องหันกลับมามองตัวเอง มองโลกให้กว้าง ๆ และก้าวต่อไปข้างหน้า
ถาม:
ผมรอเธอคนนี้มานาน แต่สุดท้ายเธอก็ไปแต่งงานกับคนอื่น จะตัดใจอย่างไรดีครับ
ตอบ:
พระ ดร.นิตินัย อุดมกัน ตอบคำถามนี้ไว้ว่า
“การที่เราจะรักใครสักคนนี่ยาก แต่การเลิกรักใครสักคนยากยิ่งกว่า” การที่เราต้องเลิกรัก หรือตัดใจจากอะไรทั้งสิ้นนั้น ควรมองใหม่ว่า เราได้รักและเจอคนที่ใช่แล้ว ถึงเขาจะไปแต่งกับคนอื่นที่ไม่ใช่เราก็ควรดีใจ คนที่เรารักเจอคนที่ใช่สำหรับเขา เราไม่ควรไปยึดติด เพราะโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป มีแต่ทุกข์ทั้งนั้น พิจารณาดูสิว่ามีประโยชน์ไหม อย่างน้อยก็สอนให้เรารู้จักความรัก เรียนรู้ความรัก รู้วิธีแสวงหาคนที่ใช่ และรู้แนวทางที่จะถนอมความรักกับคนที่ใช่คนใหม่ “ดอกไม้บานแล้วร่วง เดี๋ยวก็มีดอกใหม่ฉันใด ความรักครั้งใหม่ที่สดใส เดี๋ยวก็เกิดใหม่ฉันนั้น”
พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล ตอบว่า
ความยึดติดถือมั่นนี้แหละที่เป็นตัวการสร้างความทุกข์แก่เราอย่างแท้จริง และนำไปสู่การซ้ำเติมตัวเอง เพราะแทนที่จะเสียของรัก เช่น สามี ทรัพย์สมบัติ ก็เสียความสุขซ้ำเข้าไปด้วย ไหน ๆ จะเสีย ก็ขอให้เสียอย่างเดียวพอ ไม่ควรเสียใจซ้ำอีก
หากคุณทุกข์ใจเพราะรู้สึกว่าได้สูญเสีย “ของกู” ก็ลองใคร่ครวญอย่างจริงจังว่า สามีนั้นเป็นของคุณจริงหรือ คุณสามารถครอบครองเขาได้จริงหรือ หรือว่าเขาเพียงแต่ผ่านเข้ามาในชีวิตของคุณ เพียงเพื่อจะจากไปในที่สุด ไม่มีทางที่คุณจะยึดเป็นของคุณได้เลยแม้แต่นาทีเดียว
หากคุณเจ็บปวดเพราะรู้สึกว่าตัวคุณไร้คุณค่าหรือถูกดูถูกเหยียดหยาม ก็ลองใคร่ครวญดูว่า คุณค่าที่แท้ของคุณนั้นอยู่ที่ตัวคุณเอง อยู่ที่การกระทำและภาวะภายในของคุณ หาได้อยู่ที่สายตาของคนอื่นไม่ การที่เขาทิ้งคุณไปไม่ได้ทำให้คุณค่าของคุณลดน้อยถอยลงเลย คนที่จะลดทอนคุณค่าของตัวคุณได้มีคนเดียวเท่านั้น คือคุณ
อาตมาขอแนะนำให้คุณลองมองเหตุการณ์นี้ในมุมใหม่ว่า การที่สามีทิ้งคุณไปนั้น เป็นการฝึกให้คุณรู้จักพึ่งพาตนและกลับมาเห็นคุณค่าของตนเอง ไม่เอาความสุขไปผูกติดกับคนอื่น ช่วยให้คุณเป็นอิสระอย่างแท้จริง อีกทั้งยังทำให้คุณได้เห็นถึงโทษของความยึดมั่นในตัวกูของกูและกระตุ้นให้คุณคลายความยึดมั่นดังกล่าวลง
พระอาจารย์นวลจันทร์ กิตติปัญโญ กล่าวว่า
คนส่วนมากคิดว่าตัวฉันเป็นของฉัน ของฉันก็เป็นของของฉันแต่ถ้าลองมาปฏิบัติจะพบว่า ตัวเราไม่มีแล้วของเราจะมีได้อย่างไร เรียกว่าก้าวพ้นความเป็นบุคคล นาย ก. ข. คน สัตว์ แต่ถ้าไม่ได้ปฏิบัติ ความรู้สึกนี้จะไม่เกิด ปัญหาของโลกเกิดจากบัญญัติสมมุติทั้งนั้น ของของใคร ใครก็หวง จึงเกิดสงครามขึ้นมาในครอบครัวในชาติในโลก
การฝึกกรรมฐานจะช่วยถอดถอนความเป็น “ของของฉัน” จากข้างใน เพราะมันไม่มีคนไม่มีใคร เป็นแค่ธรรมชาติ ธาตุ 4 ขันธ์ 5 เมื่อไม่ได้ปฏิบัติ จึงทำได้เพียงแค่ข่มใจ ปลอบใจ ทำเหมือนว่าลืมได้ แต่จริง ๆ แล้วไม่ได้พ้นทุกข์จากข้างในเลย แบบที่เขาเรียกว่า “ตัดใจไม่ลง” จริง ๆ แล้ว หลายคนที่คร่ำครวญเสียใจเวลาจากไป เพราะไม่ได้ทำสิ่งที่ดีที่สุดเมื่ออยู่ด้วยกัน แต่หากเรามอบความรักและปฏิบัติหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้ว ไม่เคยบกพร่องในสิ่งไหน เวลาจากกันในใจจะไม่ค่อยคร่ำครวญ ไม่เสียดาย เพราะเรารู้ว่าได้ปฏิบัติหน้าที่ของเราอย่างดีที่สุดแล้ว เรียกว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่ได้อยู่ด้วยกันแม้เป็นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ ก็ตาม คนเราไม่ได้สร้างเหตุที่จะมาเจอเพียงคนเดียวในสังสารวัฏนี้ เขาหรือเราอาจจะไปเจอคนใหม่ได้ทั้งนั้น ทุกอย่างย่อมมีการเปลี่ยนแปลง เราสร้างเหตุเจอผู้คนมากมายร้อยแปดพันประการ ถ้าเรายึดมั่นถือมั่นอยู่คนเดียว ก็เหมือนปิดกั้นตัวเอง เช่น ไปสาบานว่าจะรักและรับใช้เขาคนเดียวตลอดกาล ทั้งที่หลังจากนี้อาจมีคู่บุญคู่บารมีเดินเข้ามาในชีวิตก็ได้
ตามกฎธรรมชาติแล้ว เมื่อมีสิ่งหนึ่งจากไป ต้องมีสิ่งใหม่มาทดแทน ถ้ามัน “ไม่ใช่” ก็ต้องมีเหตุให้ต้องเลิกราจากจรกันไปอยู่แล้ว สิ่งใหม่ที่เข้ามา อาจเป็นคู่บุญบารมีที่ทำให้ชีวิตดีกว่าเดิม หรืออาจเป็นเจ้ากรรมนายเวรที่เดินเข้ามาแล้วแย่กว่าเดิมก็ได้ (หัวเราะ) แม้แต่การเปลี่ยนที่ทำงาน เปลี่ยนสถานที่อยู่ บางคนไม่ยอมเปลี่ยน ทั้งที่บางทีมันไม่ดี ไม่ใช่ตาน้ำ บางคนพอไปต่างประเทศหรือได้เปลี่ยนที่ทำงาน อาจได้เจอตาน้ำ เป็นบ่อเงินบ่อทอง เพราะฉะนั้นธรรมที่ว่าไม่ให้ยึดมั่นถือมั่น จึงเป็นสิ่งที่สุดยอด
หากผู้อ่านมีปัญหาหนักใจ ต้องการคำแนะนำแฝงด้วยแนวคิดทางธรรม สามารถส่งคำถามมาได้ที่
บทความที่น่าสนใจ
ปัญหาธรรมประจำวันนี้ : พระพุทธศาสนากับความรัก เกี่ยวข้องกันอย่างไร
จากเป็น หรือจากตาย หากรู้วิธีก็ไม่เจ็บ เยียวยาปัญหารักด้วยธรรม