“เมื่อความตายไล่ล่าผม”จิ๊บ - อติกานต์ หนุนภักดี (จบ)

หากมีเสียงแห่งความตายมากระซิบอยู่ข้าง ๆ หู สิ่งที่คุณจะทำคืออะไร…

อย่างที่เล่าให้ฟังแล้วว่า หลังจาก จิ๊บ - อติกานต์ หนุนภักดี มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักจากการเขียนหนังสือ “หักหลังผู้ชาย” ผมก็ใช้ชีวิตสนุกสุดเหวี่ยงทั้งปาร์ตี้ข้ามวันข้ามคืน ไม่กลับบ้านกลับช่อง เจ้าชู้ ใช้เงินแบบไร้สาระ นานวันเข้าก็ถึงขั้นไม่ทำงานทำการ คราวนี้เงินก็เริ่มหดหาย ชีวิตเริ่มเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ…

แล้วคืนหนึ่งผมก็ได้เจอกับสิ่งลี้ลับที่เปลี่ยนชีวิตผมไปโดยสิ้นเชิง!

 

เสียงแห่งความตาย

คืนนั้นผมนอนซมไม่สบาย แล้วจู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงกระซิบว่า “ถึงเวลาต้องไปแล้ว ไม่มีเวลาอีกแล้ว เลือกมาว่าจะตายวิธีไหน” ตอนแรกผมไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน และด้วยความกลัวจึงวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ ทันใดนั้นเองก็มีเสียงพูดขึ้นอีกว่า “ไม่เชื่อใช่ไหม คอยดูเดี๋ยวไฟจะดับ”สิ้นเสียง ไฟก็ดับพึ่บลงต่อหน้าต่อตา! ผมตกใจมาก แต่ก็ยังคิดว่าคงมีคนแกล้ง พอถามคนในบ้านว่ามีใครเอาเบรกเกอร์ไฟลงหรือเปล่า ก็ไม่มีใครทำ ผมจับต้นชนปลายอะไรไม่ถูกรู้แต่ว่าหลอนมาก

แฟนของผมคิดว่าผมเพี้ยน เป็นบ้า อยู่ ๆ ก็พูดคนเดียวเธอจะให้ผมไปหาหมอ แต่ผมยืนยันว่าได้ยินเสียงลึกลับบอกว่าจะมาเอาชีวิตผมไปจริง ๆ แฟนผมไม่เชื่อและท้าว่าถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ให้ผมลองถามเสียงนั้นดูซิว่า ในอดีตเธอเคยทำบาปอะไรมาก่อน ปรากฏว่าหลังจากได้ฟังคำตอบเท่านั้นแหละ แฟนผมปล่อยโฮออกมาเลย เพราะเป็นเรื่องจริงซึ่งผมก็ไม่เคยรู้มาก่อน พอเป็นอย่างนี้ ผมก็ยิ่งกลัว

เสียงนั้นยังบอกอีกว่า คนเราไม่ว่าทำดีหรือชั่วจะถูกบันทึกไว้ตลอด ผมพยายามต่อรองโดยถามไปว่าต้องการอะไรจากผม ที่ผ่านมาผมทำอะไรไม่ดี มันผิดร้ายแรงอะไรนักหนา ผมไม่เข้าใจ เสียงนั้นสอนผมเรื่องบุญเรื่องบาป สอนเรื่องการใช้ชีวิตโดยไม่เบียดเบียนผู้อื่น ก่อนหน้านั้นผมไม่ค่อยได้ศึกษาพระพุทธศาสนา อย่างมากก็แค่ตามคุณพ่อคุณแม่ไปสวดมนต์ไหว้พระตามเทศกาล แต่จากการพูดคุยโต้ตอบกับเสียงนั้นอย่างต่อเนื่องหลายสิบชั่วโมง ผมก็เริ่มรู้ว่าชีวิตที่ผ่านมาของตัวเองนั้นผิดพลาด เป็นการใช้ชีวิตที่หลงทางจากความเป็นมนุษย์มาตลอด

ถึงตอนนี้ผมเชื่อแล้วว่าสิ่งใดที่เรามองไม่เห็น ไม่ได้หมายความว่าสิ่งนั้นไม่มี และไม่ว่าจะทำอะไร ผมจะรู้สึกว่ามี“ตำรวจล่องหน” คอยตรวจสอบพฤติกรรมของผมอยู่ตลอดเวลา มีอยู่ครั้งหนึ่ง หลังจากที่ผมตั้งใจจะเป็นคนดี ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ และหันมากินเจกับแฟนได้สักระยะ แต่ตอนไปปาร์ตี้บ้านเพื่อน ผมดันทำตัวสนุกสนาน ดื่มเหล้า สูบบุหรี่เหมือนเดิม ปรากฏว่าผมไม่สบายทันที ปวดหัวจนต้องขอนอนพักในห้องเพื่อน ช่วงที่กำลังจะเคลิ้มหลับ ผมรู้สึกถึงพลังงานบางอย่าง คล้ายมีผู้หญิงพูดกับผมว่า “เจ้ากำลังทำอะไรอยู่ สิ่งที่ทำอยู่นี้มันผิด สัญญากับเขาไว้ ทำไมไม่ทำเวลาในโลกมนุษย์เหลือน้อยมาก กลับตัวเสียเถอะ” นับตั้งแต่นั้นมา ผมก็ไม่เคยแตะเหล้า บุหรี่ ผมเลิกเจ้าชู้ และหันมากินเจได้สี่ปีกว่าแล้ว

 

ชีวิตที่ไม่เบียดเบียนผู้อื่นคือชีวิตที่มีสุข

หลังจากประสบพบเจอเหตุการณ์ลึกลับเข้ากับตัว ผมเชื่อและเข้าใจแล้วว่า ชีวิตหลังความตายมีจริง นรก - สวรรค์มีจริง การที่เราได้เกิดเป็นมนุษย์เป็นสิ่งประเสริฐมาก เพราะเรายังมีโอกาสได้ทำความดี ที่ผมและแฟนหันมากินเจไม่ใช่เพราะเราอยากได้บุญหรอก แต่เพราะเราไม่อยากฆ่า ไม่อยากเบียดเบียนชีวิตเขา อยากหยุดกรรมที่เคยทำไว้ต่อกัน เพราะถ้าวันนี้เราเอาชีวิตเขา เขาก็ต้องกลับมาเอาชีวิตเราในวันหนึ่ง

ชีวิตที่ผ่านมาเรียกได้ว่าผมไม่รู้จัก “ผิด - ถูก” ไม่รู้จักแยกแยะชั่วดี รู้แต่ว่าสิ่งนี้ผิดกฎหมายหรือถูกกฎหมายเท่านั้น เมื่อก่อนผมมีแฟนแล้ว แต่ก็ยังไปจีบคนอื่นอีก ผมมี “กิ๊ก”เพราะคิดว่าผมไม่ได้ทำผิดกฎหมายสักหน่อย แต่วันนี้ผมรู้แล้วว่าสิ่งที่ผมทำมันทำให้ผู้หญิงเป็นทุกข์ พอทุกข์เขาก็ออกไปดื่มเหล้า ไปใช้ชีวิตในทางที่ผิด พ่อแม่ของเขาก็ไม่สบายใจและที่แย่กว่านั้นคืออาจเกิดเรื่องเลวร้ายตามมาจากการกินเหล้าเขาอาจถูกรถชนหรือได้รับอันตราย หากลองคิดดูดี ๆ ทุกอย่างที่เกิดจากสายกรรมนี้…มีที่มาจากเราหมดเลย

ส่วนอาหารการกิน เมื่อก่อนผมชอบกินเนื้อวัวมาก ชิ้นละเป็นหมื่นก็เคยกิน แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าทุกอย่างมันอยู่แค่ลิ้น ลิ้นรับรสชาติแค่เดี๋ยวเดียวเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น พอกลืนลงคอไปแล้ว ทุกอย่างเหมือนกันหมด แล้วเราจะต้องไปพรากชีวิตเขาทำไม ยิ่งรู้ที่มาของอาหาร ยิ่งรู้เลยว่าไม่ควรกินเนื้อสัตว์เพราะก่อนตายสัตว์มันจะกลัว เครียด และหลั่งสารพิษออกมา เรากินเนื้อสัตว์ก็เท่ากับเรากินสารพิษเข้าไปด้วย

นอกจากนั้น ทุกวันนี้ผมพยายามชักชวนคนอื่นให้มาสนใจธรรมะ เริ่มจากตัวผมเองที่หันมาปฏิบัติธรรม เข้าวัดสวดมนต์ หมั่นเตือนสติตัวเองให้คิด พูด และทำในสิ่งดี ๆแล้วถ่ายทอดให้คนในครอบครัว คนใกล้ตัว และสังคมรอบข้าง ผมเชื่อว่าการจะทำให้คนคนหนึ่งเป็นคนดีได้ ต้องทำให้เขามีธรรมะเท่านั้น ไม่ว่าหลักคำสอนของศาสนาไหนก็ล้วนแต่สอนให้เราทำความดี ดังนั้นใครจะนับถือศาสนาอะไรจึงไม่ใช่เรื่องสำคัญ สำคัญที่ว่าจะนำคำสอนมาปฏิบัติอย่างไร ถ้ารู้ว่าสิ่งที่ทำมันไม่ดี เราก็ต้องแก้ด้วยตัวเอง ละบาปก็ต้องละเอง สร้างบุญ เราก็ต้องสร้างเอง จะทำทาน รักษาศีล ภาวนา วิธีการไหนก็ได้ แต่ถ้าจะให้ดีควรทำให้ครบทั้งสามอย่าง

การหันมากินเจทำให้ผมมีเพื่อนเป็นคนแก่เยอะขึ้น คุณป้าคนหนึ่งเคยถามผมว่าทำไมถึงกินเจ ผมบอกว่ากลัวบาปหลังจากวันนั้นท่านก็พาผมไปรู้จักกับกลุ่มเพื่อนอีกหลายคนที่ถือศีลกินเจเหมือนกัน เรียกว่าเมื่อบุญสัมพันธ์ก็ชักนำให้ผมพบเจอแต่กัลยาณมิตร

ตอนนี้ชีวิตด้านอื่น ๆ ของผมค่อย ๆ ดีขึ้น ทั้งการงานการเงิน และความรัก ผมมีความสุขแบบพอดี ๆ รู้จักใช้จ่ายไม่ฟุ่มเฟือยเหมือนเมื่อก่อน ผมมีแฟนที่ชวนกันปฏิบัติธรรมและได้ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ คือไปพูดบรรยายธรรมะให้วัยรุ่นฟัง ผมพยายามที่จะคิดก่อนพูด เพราะผมรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองพูดมีพลังมาก เมื่อก่อนผมเคยพูดจนวัยรุ่นอยากเป็นเพลย์บอยเหมือนผมมาแล้ว แต่ตอนนี้ผมพยายามสื่อสารแต่สิ่งดี ๆที่เป็นประโยชน์กับคนอื่น ผมอยากให้คนรุ่นใหม่มีค่านิยมที่ดีเห็นคุณค่าของความรัก ทั้งรักแบบหนุ่มสาว รักตัวเองรักเพื่อน รักพ่อแม่ และรู้จักกตัญญูกตเวทีต่อผู้มีพระคุณ

คนยุคนี้บางคนอาจไม่เชื่อเรื่องนรก - สวรรค์ บุญ - บาปแต่จากประสบการณ์ชีวิตของผม ผมเชื่ออย่างสุดใจว่าทุกอย่างที่เราทำจะไม่ถูกลบล้างไป แต่จะย้อนกลับมาส่งผลในวันหนึ่ง ฉะนั้น ถ้าวันนี้คุณไม่คิดจะเปลี่ยนตัวเองไปในทางที่ดี ใครที่ไหนก็ช่วยคุณไม่ได้

…ขนาดผมยังเปลี่ยนได้ แล้วทำไมคุณจะเปลี่ยนไม่ได้ล่ะครับ

Secret Box
พึงรีบเร่งกระทำความดี และป้องกันจิตจากความชั่ว เพราะเมื่อกระทำความดีช้าไป ใจจะกลับยินดีในความชั่ว

Posted in MIND
BACK
TO TOP
A Cuisine
Writer

© COPYRIGHT 2024 AME IMAGINATIVE COMPANY LIMITED.