5 วิธี ดูแลความรัก ให้สดใสในวัยเลข 4
การประคับประคอง ดูแลความรัก ให้ตลอดรอดฝั่งนั้น จะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก โดยเฉพาะเมื่ออายุย่างเข้าเลข 4 ซึ่งเป็นช่วงวัยที่คนส่วนใหญ่เริ่มประสบความสำเร็จในอาชีพการงาน แต่ชีวิตคู่กลับล้มเหลว
แพทย์หญิงวิมลรัตน์ วันเพ็ญ รองผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ เผยวิธีดูแลชีวิตคู่ในช่วงวัย 40 ปีขึ้นไป ดังนี้
1.หันมาดูแลตัวเองคือสิ่งแรกที่ควรทำ
เมื่อขึ้นวัยเลข 4 หลายคนมักมัวแต่ดูแลบ้าน ดูแลลูก หรือดูแลสามี / ภรรยาจนบางครั้งลืมใส่ใจดูแลความสวยความหล่อของตัวเอง บางคนแต่งตัวดีออกไปทำงานแต่พออยู่บ้านกลับใส่แต่ชุดเก่า ๆ หรือใส่ชุดนอนขาด ๆ ปล่อยผมฟูฟ่อง ดูไม่เจริญหูเจริญตา ซึ่งอาจเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สามีหรือภรรยาหันไปหาความสวยความหล่อจากที่อื่น
ดังนั้นสิ่งที่ควรทำคือ ควรแต่งตัวให้สวยงามตามวัย ดูแลทรงผมให้ดูดีตามสไตล์ของคุณ ไม่ดูแก่หรือเด็กจนเกินไป ที่สำคัญคือ ควรแต่งให้ดูดีตามธรรมชาติ
2.ตามดูใจตัวเองให้ทัน
วัยนี้ส่วนใหญ่มักเป็นผู้บริหาร มีความรับผิดชอบสูงจึงมักเผลอพกความเครียดกลับบ้านโดยไม่รู้ตัว ซึ่งอาจทำให้กลายเป็นคนขี้หงุดหงิด โมโหง่าย เพราะยังมีเรื่องงานค้างอยู่ในหัว สิ่งที่คุณเผลอแสดงออกไปนั้นเป็นการส่งต่อความเครียดและสร้างความทุกข์ให้คนที่คุณรัก จนเขาอาจทนไม่ไหว ต้องออกไปหาความสุขความสบายใจจากที่อื่น
สิ่งแรกที่คุณควรทำคือ สังเกตตัวเองว่าพกความเครียดกลับบ้านด้วยหรือไม่ ซึ่งสามารถสังเกตได้จากความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย เช่น มีอาการหน้าแดง ใจสั่นเหงื่อออกทั้งที่อากาศไม่ร้อน หรือปวดหัวบ่อย ๆ หรืออาจเป็นอาการที่ร่างกายบอกว่าคุณกำลังเครียด
วิธีปลดปล่อยความเครียดทำได้ไม่ยาก เริ่มจากหยุดคิด แล้วดึงความสนใจทั้งหมดมาอยู่ที่ลมหายใจของตัวเองหายใจเข้าก็รู้ หายใจออกก็รู้ หรือเรียกอีกอย่างว่า “การทำสมาธิ” ซึ่งเป็นการใช้พลังงานสมองที่น้อยที่สุด ส่งผลให้จิตใจไม่ว้าวุ่น ไม่ฟุ้งซ่าน และไม่เผลอไปทำร้ายจิตใจคนที่คุณรักอีกด้วย
3. พูดจาภาษาดอกไม้
“กี่ครั้งที่คุณทะเลาะกับคนที่คุณรักด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องพอรู้สึกตัวอีกที เขาก็เดินจากไป ทิ้งให้คุณร้องไห้อยู่เพียงลำพัง”
คำพูดเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับการใช้ชีวิตคู่ หลายคนเริ่มต้นประโยคแบบผิด ๆ ด้วยการต่อว่าอีกฝ่าย เช่น “ทำไมคุณกลับบ้านดึกอีกแล้ว” “ทำไมคุณถึงไม่โทร.บอก” ประโยคเหล่านี้มักทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าเขากำลังถูกตำหนิ
วิธีแก้ไขคือ ควรเปลี่ยนแปลงคำพูดใหม่ โดยยึดหลักง่าย ๆ 2 ประการ คือ พูดด้วยความรู้สึกที่แท้จริง และเริ่มต้นประโยคด้วยคำว่า “ฉัน” หรือชื่อของคุณ เช่น “ฉันเป็นห่วงจังเลยที่คุณกลับบ้านดึกอย่างนี้ ติดธุระอะไรรึเปล่าคะ ให้ฉันช่วยอะไรไหม” คำพูดลักษณะนี้นอกจากเป็นการให้เกียรติคนที่คุณรักแล้ว เขาเองจะเป็นฝ่ายรู้สึกผิดกับสิ่งที่กระทำลงไป
4. ลงมือทำสิ่งที่หัวใจต้องการ
การลงมือทำในสิ่งที่หัวใจของคุณต้องการคือปัจจัยสำคัญที่สุดในการครองชีวิตคู่ให้ตลอดรอดฝั่ง
ลองคิดภาพว่า ถ้าคุณทำงานนอกบ้านมาทั้งวัน กลับบ้านก็มาดูแลครอบครัว จนไม่ได้ทำสิ่งที่ตัวเองชอบ สักวันคุณจะหมดพลังแห่งความสุขและไม่มีแรงเหลือที่จะเอาใจใครได้อีก
เริ่มจากถามหัวใจตัวเองว่า ความสุขของคุณคืออะไร บางครั้งอาจเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่คุณหลงลืมไป เช่น คุณอาจชอบดูภาพยนตร์ ชอบช็อปปิ้ง หรือชอบดูละครน้ำเน่า ก็สามารถทำได้ทั้งนั้น ไม่ถือเป็นเรื่องผิดเพราะเพียงคุณได้ทำในสิ่งที่ชอบ ก็คล้ายกับได้เติมพลังใจจนเต็ม และพร้อมกลับมาดูแลจิตใจของคนที่คุณรักอย่างดีและมีความสุขมากกว่าที่เคย
5.ถ้าสุดมือสอยก็ปล่อยไป
การใช้อารมณ์โมโห เหวี่ยง หรือวีน ไม่ได้ทำให้คนที่คุณรักกลับมารักคุณได้ แต่การให้เกียรติด้วยกาย วาจา และการมีจิตใจอันดีงามต่างหากคือหนทางที่จะทำให้เขาหันกลับมามองคุณอีกครั้ง แต่ถ้าเราทำดีที่สุดแล้ว แต่เขามองไม่เห็น นั่นอาจหมายความว่า “เขาหมดบุญกับเรา” หรือ “เราหมดกรรมกับเขา”
ท้ายที่สุด หากคุณตั้งใจปฏิบัติทั้ง 4 ข้อข้างต้นอย่างดีแล้ว แต่เขาก็ยังไม่สนใจและไม่ดูแลจิตใจคุณสักที คุณอาจต้องปล่อยให้เป็นไปตามกรรมแล้วหันกลับมาดูแลกายใจของตัวเองให้ดี ใช้ชีวิตต่อไปอย่างมีคุณค่า และมีความสุขได้ด้วยตัวของคุณเอง
เรื่อง ชลธิชา แสงใสแก้ว คอลัมน์ Life Management นิตยสาร Secret
บทความน่าสนใจ
พระอาจารย์นวลจันทร์ กิตติปัญโญ ฝากถึงคนที่ไม่เคยมีแฟน ไม่เคยมีความรัก (ชมคลิป)