อันซะกิ ผู้บริหารความตาย ขอใช้ช่วงเวลาเหลืออยู่ ให้ดีที่สุด
อันซะกิ วัย 80 ปี อดีตประธานบริษัทเครื่องจักรโคมัตสุของญี่ปุ่น เชิญแขกมาร่วมงานถึงกว่า 1,000 คน ซึ่งมีทั้งบรรดาเพื่อนฝูงคนสนิทในปัจจุบัน เพื่อนเก่าร่วมชั้นเรียนในวัยเด็ก คู่ค้าและหุ้นส่วนทางธุรกิจ รวมทั้งบรรดาพนักงานบริษัทในสังกัดด้วย
และเมื่อเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา แพทย์แจ้งกับนายอันซะกิว่า ตรวจพบมะเร็งถุงน้ำดีระยะสุดท้าย ทำให้เขาตัดสินใจไม่รับการรักษาซึ่งจะมีผลข้างเคียงรุนแรงเพราะ “ต้องการให้ตนเองมีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุด ในช่วงเวลาที่ยังเหลืออยู่”
ในการแถลงข่าวหลังงานเลี้ยง “ปิดฉากชีวิต” จบลง นายอันซะกิบอกว่า “ผมพอใจแล้วที่ได้กล่าวคำขอบคุณต่อเหล่าผู้คนที่ได้พบในชั่วชีวิตนี้ ผมมีความสุขกับชีวิตมากจริง ๆ ผมว่าความหดหู่สิ้นหวังไม่ใช่นิสัยของผม” นายอันซะกิกล่าว
หากมองในทางพระพุทธศาสนา ท่าน ว. วชิรเมธี ได้กล่าวไว้ว่า จะเรียกว่าเป็นการการฝึกเจริญมรณานุสติ หรือ “การระลึกถึงความตาย” มรณานุสติอาจเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “มรณัสสติ” ก็ได้ แปลว่า “การระลึกถึงความตาย” เหมือนกัน
ทำไมต้องระลึกถึงความตาย
เพราะความตายเกิดขึ้นกับเราได้ตลอดเวลาเมื่อระลึกว่าตนจะต้องตายในวันใดวันหนึ่ง ก็จะทำให้เกิดความไม่ประมาทหันกลับมาดำรงชีวิตอย่างมีสติ คนที่มักมากชอบสะสมสมบัติพัสถานกองเป็นภูเขาเลากาก็จะได้ตื่นขึ้นมาฉุกคิดว่า “เมื่อตายไป ทรัพย์สักนิดก็หาติดตามไปได้ไม่” คนที่คิดได้อย่างนี้ก็จะปล่อยลงปลงได้ สะสมแต่เฉพาะสิ่งที่เป็นแก่นสารต่อการดำรงชีวิตจริง ๆ
คนส่วนใหญ่ไม่อยากระลึกถึงความตายเพราะถือกันว่า ความตายเป็นเรื่องอัปมงคล ใครพูดเรื่องความตายขึ้นมา ก็มักจะถูกมองด้วยหางตาว่า ไม่รู้กาลเทศะ ไม่รู้อะไรควรไม่ควร ผลของการพยายามหลบเลี่ยงความตายดังกล่าวมานี้ จึงเมื่อวันหนึ่ง ตัวเองหรือคนใกล้ตัวกำลังเผชิญความตายขึ้นมาจริง ๆ จึงไม่รู้ว่าจะรับมือกับมันได้อย่างไร
การที่พระพุทธองค์ทรงถือว่าการเจริญมรณัสสติ เป็นส่วนหนึ่งของการเจริญสติ อีกรูปแบบหนึ่งนั้น ก็เพราะทรงมีพุทธประสงค์ให้คนส่วนใหญ่ “หายมัวเมาในชีวิต” เพราะในโลกนี้มีคนจำนวนมากใช้ชีวิตดังหนึ่งตัวเองจะไม่แก่ ไม่ตาย กิน ดื่ม เสพเที่ยว หลับ นอน อหังการ บ้ายศ ทรัพย์อำนาจ ลืมตัว ลืมตน จนหลงลืมกุศลผลบุญ หลงลืมสัจธรรมของชีวิต
คนที่เจริญมรณัสสติอยู่เสมอนั้น จะได้รับผลทันตา คือ ไม่ประหวั่นพรั่นพรึงต่อความตาย จะหันกลับมาใช้เวลาทุกนาทีอย่างคุ้มค่า ไม่มีแม้สักวินาทีเดียวที่เขาจะพร่าผลาญเวลาไปอย่างไร้ประโยชน์ เขาจะถือว่าการฆ่าเวลาไปกับกิจกรรมอันไร้แก่นสาร ในแง่พฤติกรรมระหว่างวัน คนที่หมั่นเจริญมรณัสสติ ก็จะเลือกสรรทำแต่พฤติกรรมเชิงคุณภาพล้วน ๆ
พระพุทธองค์ทรงสอนให้เราหมั่นระลึกถึงความตาย ไม่ใช่เพื่อจะให้กลัวตายแต่เพื่อที่จะให้เรารู้จักที่จะดำรงชีวิตอยู่ในปัจจุบันขณะอย่างดีที่สุดหัวใจของการดำรงชีวิตอยู่อย่างดีที่สุดก็คือ การดำรงชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาทไม่ประมาทในอะไรเล่า…
1. ไม่ประมาทในชีวิต ว่าจะยืนยาว
2. ไม่ประมาทในวัย ว่ายังหนุ่มสาว
3. ไม่ประมาทในสุขภาพ ว่ายังแข็งแรง
4. ไม่ประมาทเวลา ว่ายังมีอีกมาก
5. ไม่ประมาทในธรรม ว่าเอาไว้ก่อน
วันหลังค่อยสนใจ
ข้อมูลจาก : บีบีซีไทย, นิตยสารSecret
ภาพจาก : บีบีซีไทย
บทความที่น่าสนใจ
การระลึกถึงความตาย (มรณานุสติภาวนา) ท่าน ว.วชิรเมธี
รู้เท่าทันความตาย มีสติไม่หลงตาย
โบวี่ อัฐมา ไม่กลัวความตายแต่กลัวการเกิด