10 ศิลปินไอดอลแห่งวงการบันเทิง – นิตยสาร Secret
สวัสดีค่ะ แฟนคลับทุกท่าน เช่นเคยนะคะที่นิตยสารซีเคร็ตจะรวบรวม 10 ศิลปินไอดอลแห่งวงการบันเทิงประจำปี 2017 ของ นิตยสาร Secret
ลองมาดูกันนะคะ ว่ามีใครบ้าง……….
เป๊ก-ผลิตโชค อายนบุตร
เป๊ก ผลิตโชค เผยความรู้สึกในช่วง บวชอุทิศถวายเป็นพระราชกุศล แด่ในหลวงรัชกาลที่ 9
การบวชครั้งนี้ทำให้ได้อะไรกลับมาบ้างคะ
ผมรู้สึกว่าได้เรื่อง “สติ” ครับ เมื่อก่อนผมจะคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้เลย โดยเฉพาะอารมณ์โกรธ ตอนนี้ก็มีสติรู้ตัวและคุมอารมณ์ได้มากขึ้น สมัยก่อนถ้าผมรู้สึกขัดใจอะไรขึ้นมา ผมอาจไม่ได้มีวิธีควบคุมหรือจัดการอารมณ์แบบที่น่ารักสักเท่าไหร่ ตอนนี้ก็จะทำได้ดีขึ้น แต่ถ้าเกิดได้บวชเป็น 2 –4 เดือนน่าจะดีกว่านี้ (ยิ้ม)
โอม ปัณฑพล ประสารราชกิจ หรือ โอม ค็อกเทล
คิดว่าอะไรทำให้ประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างในทุกวันนี้
คุณโอม ตอบ : ถ้าทางโลกคือ ความสม่ำเสมอ ความมุ่งมั่น ผมเชื่อว่าตัวเองมีความทะเยอทะยานและความมุ่งมั่นมากมายมหาศาล ผมมีแรงที่จะทำอย่างยิ่งยวด และยังมีครอบครัวที่ดี ทีมงานและเพื่อนร่วมงานที่ดี ผมมีทุกอย่างที่ดีอยู่รอบตัว ทำให้รู้สึกว่าตัวเองประสบความสำเร็จ อีกอย่างคือ ต้องทำตัวพร้อมอยู่ตลอดเวลา คนเราชอบอ้างว่า ตัวเองไม่มีโอกาส ซึ่งไม่จริง เรามีโอกาส แต่ไม่พร้อมรับโอกาสต่างหาก เรื่องทุนการศึกษาเป็นตัวอย่างที่ดี มีทุนเปิดทุกปี แต่คุณไม่เคยได้ เพราะเกรดไม่ถึง นั่นเป็นเพราะไม่มีโอกาสหรือไม่พร้อมรับโอกาส ถ้าทุนไม่มีสักปี อย่างนี้เรียกว่าไม่มีโอกาส แต่ทุนมีทุกปี เพียงแต่คุณไม่พร้อมที่จะเป็นที่หนึ่งเพื่อรับทุนนั้น เท่านั้นเอง
ส่วนทางธรรมถ้าถามว่าผมประสบความสำเร็จไหม ก็ยังไม่ครับ ผมยังโดนอาจารย์ที่นับถือตำหนิอยู่เป็นประจำ แต่ผมไม่ท้อและเดินหน้าต่อไป เพราะกิเลสต้องสู้อยู่ทุกวัน ไม่ใช่ว่าวันนี้เราชนะแล้วจะชนะตลอดไป ไม่ใช่ว่าหนึ่งครั้งแล้วจบ ตราบใดที่คุณยังไม่บรรลุธรรมเหนือโลกในระดับโสดาบันขึ้นไป ไม่มีหลักประกันเลยว่า กิเลสนั้นจะโดนดับจริงอย่างสมบูรณ์
เจมส์ มาร์
เกิดมาเพื่อสร้างความสุข
ผมเชื่อว่าเราเกิดมาเพื่อทำให้คนที่เรารักมีความสุข คนที่เรารักมีหลายคน มีตัวเรา เรารักตัวเอง ถ้าเราไม่รักตัวเอง ไม่ว่าจะทำอะไรก็จะไม่มีความสุข มีคุณพ่อ คุณแม่ คนรัก พี่น้อง ครูบาอาจารย์ เพื่อนฝูง แฟนคลับ ทำอะไรก็ได้ให้พวกเขามีความสุข ทุกวันนี้ที่ผมทำงานเหตุผลข้อที่หนึ่งคือ ผมชอบ ข้อที่สองคือ ผมอยากให้สิ่งที่ผมทำ ทำให้คนดูละครดูแล้วมีรอยยิ้ม ผมเล่นเก่งหรือไม่เก่ง ผมไม่รู้ แต่ผมอยากให้ทุกคนมีความสุข คุณอาจจะเขียนแสดงความคิดเห็นในพันธ์ทิพย์ หรือไม่ต้องเขียนแสดงความคิดเห็นก้ได้ พอเจอหน้าผม บอกผม ดูละครสนุกดีนะ แค่นี้ผมก็มีความสุขมากแล้ว จริงๆแค่เราคิดถึงคนอื่นมากกว่าตัวเองก้เป็นความสุขอย่างหนึ่งแล้วครับ
คลิกเลข 2 เพื่ออ่านหน้าถัดไป
อุ๋ย – นที เอกวิจิตร
อุ๋ย – นที เอกวิจิตร กับการเดินทางสาย “ธรรม”
คิดว่าตอนนี้เดินมาถึงจุดไหนของเป้าหมายที่วางไว้
โห ยังห่างไกลมากครับ แต่ก็มาไกลกว่าแรก ๆ ผมยังมีความเป็นอุ๋ยคนเดิมอยู่ในตัวบ้าง แต่จะมีอีกคนหนึ่งที่มาคอยเตือนให้เพลา ๆ ลงหน่อย ถ้าพยายามเอาชนะเขา หรือกำลังเดินสวนทางกับเป้าหมายที่จะไปก็จะมีอีกคนคอยเตือนว่า อย่าลืมเจตนาว่าเราทำเพื่ออะไร คนที่คอยเตือนผมให้เดินทางไปตามเป้าหมายสูงสุดที่วางไว้อยู่เสมอก็คือ ปัญญานั่นเอง
“ความสุขมีวันหมดอายุและกลายเป็นความทุกข์ แต่ถ้าเรียนรู้ที่จะอยู่กับทุกข์ให้ได้ ทุกข์นั้นจะน้อยลง”
เคน ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์
สุขจากการคิดบวก ของ เคน ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์
เริ่มแรกผมไม่ได้เข้าวงการเพราะรักการแสดง แต่เข้ามาเพราะว่าเราอยากกอบโกย (หัวเราะ) อยากทำสิ่งนี้เพื่อนำเงินไปทำอีกสิ่งหนึ่งที่เราฝันไว้ แต่เมื่อทำงานแล้ว สิ่งที่ทำให้หนีไปไม่ได้ก็คือ เสียงตอบรับ ทั้งที่สมัยก่อนสื่อน้อยมาก แต่ก็ยังได้ยินคนพูดว่า พระเอกคนนี้ห่วย หน้าตาก็ไม่ได้หล่อมากยังเล่นไม่ดีอีก เล่นก็แข็ง เป็นช่วงที่เรายังออกจากตรงนั้นไม่ได้
สิ่งที่คนพูดในแง่ลบ มันกลับเปลี่ยนเป็นพลังบวก ผมถามตัวเองว่าทำไมจึงเป็นแบบนี้ แล้วย้อนมองตัวเอง ผมไม่ชอบแสดงออก ไม่ชอบให้ใครบังคับ แต่อาชีพนี้ตรงกันข้ามกับสิ่งที่ผมเป็น พอกลับมาทบทวนว่าที่เราทำได้ไม่ดี เพราะว่าเราไม่ได้ใส่ใจกับมันหรือเปล่า จึงเปลี่ยนทัศนคติตัวเอง ลองทำด้วยความเชื่อว่า เราจะทำให้ดีและเปลี่ยนทัศนคติของคนที่พูดถึงเรา กลายเป็นความท้าทายมากกว่าท้อแท้ หลังจากนั้นผมตั้งใจมากขึ้น และได้เจอคนดี ๆ ที่ให้โอกาสเรา ผมใช้เวลา 5 ปี กว่าจะผ่านจุดที่เปลี่ยนความคิดคนได้ มีคนยอมรับเราในวงกว้างมากขึ้น ผมว่าสุดท้ายแล้วธรรมชาติของคนต้องการการยอมรับ ไม่ต้องเป็นนักแสดงก็ได้
เชอรี่ เข็มอัปสร สิริสุขะ
เมื่อโลกและธรรมหมุนไปพร้อมกัน
จากวันนี้มองอนาคตตัวเองอย่างไรคะ
ไม่ได้วางแผนอะไรไกลเลยค่ะ เพราะเราไม่รู้เลยว่าอนาคตเราจะแก่ตายหรือเปล่าเอาเป็นว่าทำชีวิตตอนนี้ให้ดีที่สุด มีปัญหาอะไรเข้ามาก็ค่อย ๆ แก้ไขไปทีละเรื่องตามสมควร
เชอรี่คิดว่า การที่เราไม่พยายามเอาทุกอย่างมาเป็นปัญหาในชีวิตนี่ละทำให้ชีวิตของเชอรี่ไม่ค่อยมีความทุกข์มากนัก เวลามีปัญหา เชอรี่จะค่อย ๆ คิดและแก้ปัญหาทีละเรื่อง แก้ทีละเปลาะ ซึ่งต่างจากคนส่วนมากที่ชอบเอาปัญหาชีวิตมารวมเป็นเรื่องเดียวกันปัญหาจึงดูเป็นเรื่องใหญ่และแก้ไม่ตก
เชอรี่ว่า หากเราใช้ชีวิตแบบกลาง ๆคือมีทั้งวางแผนไปด้วยและค่อย ๆ แก้ปัญหาในชีวิตไปด้วย จะทำให้ชีวิตเราไม่ทุกข์มากจนเกินไป
ที่สำคัญ แค่รู้สึกแฮ็ปปี้กับปัจจุบันที่มันเป็นอยู่ก็เพียงพอแล้ว
คลิกเลข 3 เพื่ออ่านหน้าถัดไป
กิ๊ก – มยุริญ ผ่องผุดพันธ์
สุดท้าย อยากทราบว่าความสุขและเป้าหมายในชีวิตคืออะไร
คุณกิ๊ก : กิ๊กมีความสุขจากการทำดี คิดดี พูดดี ได้เห็นกิเลส ความไม่ดีที่นอนเนื่องอยู่ในตัวเอง และได้เพียรที่จะลดละมันในทุก ๆ วัน มีความสุขที่ได้เจริญสติทุกครั้ง ๆ ที่เราระลึกได้ ที่ต้องพูดอย่างนี้ เพราะทุกสิ่งที่อยู่รอบตัวเราไม่มีอะไรยึดมั่น ถือมั่นได้ ทุกอย่างล้วนเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ฉะนั้นถ้าเราอยากมีความสุข เราต้องปฏิบัติตัวตามแนวทางที่พระพุทธเจ้าสอน คือการมีสติอยู่กับปัจจุบันขณะ กิ๊กอยากจะมีเงินเยอะ ๆ เอาไว้ทำบุญ อยากจะทำงานทางโลกให้ประสบความสำเร็จ เพื่อที่จะได้นำปัจจัยเหล่านั้นมาช่วยงานพระศาสนาได้อย่างเต็มที่ โดยจะตั้งใจทำหน้าที่ของเรา ณ ปัจจุบันให้ดีที่สุด
เจี๊ยบ ลลนา ก้องธรนินทร์
สิ่งที่เจี๊ยบฝันอยากจะทำ ไม่ได้ทำเพื่อให้ใครมีความสุข แต่ทำเพื่อให้ตัวเองมีความสุขที่ได้เห็นคนเจ็บไม่ต้องทนทรมาน…ก็เท่านั้น
ตอนนี้เจี๊ยบพยายามประชาสัมพันธ์โครงการฟรีคลินิกออกไปเรื่อยๆ ซึ่งก็โชคดีว่า มีหลายฝ่ายสนใจจะสนับสนุน ส่วนตัวเจี๊ยบเองขอเตรียมความพร้อมให้มากขึ้นด้วยการไปเรียนต่อด้านแพทย์ฉุกเฉินเพิ่มอีกราว 3 ปี
ที่เลือกเรียนสาขานี้เพราะเจี๊ยบคิดว่าจะทำให้เราสามารถรับมือกับคนไข้ได้ครอบคลุมมากกว่าเมื่อเราเปิดให้บริการฟรีคลินิก มันง่ายต่อการเยียวยาเบื้องต้นและสะดวกในการส่งเคสต่อไปด้วย
หมู - พิมพ์ผกา เสียงสมบุญ
ลูกชายน่ารักขนาดนี้ มีวิธีสอนลูกอย่างไรคะ
แม่หมู : สอนลูกด้วยธรรมะค่ะ ถ้าเป็นเมื่อก่อนหมูยอมรับเลยว่าเป็นคนไม่มีศาสนา จนเมื่อ 8 ปีก่อน เหมือนธรรมะจัดสรร จู่ ๆ ก็ไปซื้อหนังสือ คู่มือมนุษย์ ของ ท่านพุทธทาสภิกขุ อ่านครั้งแรกไม่เข้าใจเลยสักบรรทัด ต่อมามีคนบอกว่าให้ลองไปปฏิบัติธรรมสิ ชีวิตจะเปลี่ยน ตอนแรกก็งงว่าจะเปลี่ยนได้ยังไง ไปแค่ไม่กี่วัน
ด้วยความอยากพิสูจน์จึงไปปฏิบัติธรรมคอร์สของคุณแม่สิริ กรินชัย 7 วันได้มาแบบเต็ม ๆ หมูน้ำตาไหลร้องไห้อย่างไม่มีเหตุผล ร้องไห้ด้วยความดีใจ หัวใจเต้นแรงคิดอยู่ตลอดเลยว่าดีจังที่รู้ กลับมาชีวิตเปลี่ยนจริง ๆ ได้ปัญญามา สว่าง ใส โล่ง และได้วิธีคิดมาเต็ม ๆ จากที่เคยเป็นคนคิดมาก คิดจนนอนไม่หลับ จนกลัวว่าวันหนึ่งเราจะเป็นบ้ารึเปล่า แต่พอกลับจากปฏิบัติธรรมก็ฝึกจิตให้อยู่กับปัจจุบันขณะ ดูแค่ลมหายใจเข้า - ออก ทำกิจกรรมอะไรก็คิดถึงแต่สิ่งที่เรากำลังทำ พอทำได้ ใจเราก็มีความสุขตอบคำถามในชีวิตของตัวเองได้แล้ว
สิ่งที่คิดต่อมาคือ เราต้องมอบสิ่งนี้ให้ลูก ตอนนั้นน้องนายอายุประมาณ 10 ขวบ ก็มานั่งคิดว่าจะให้ธรรมะกับเด็ก 10 ขวบอย่างไรดี หมูใช้วิธีทำให้ดู เขาเห็นเราอ่านหนังสือธรรมะหรือนั่งสวดมนต์บ่อย ๆ ก็อยากอ่าน อยากสวดตามพยายามสอนเขาเดินจงกรม เด็ก 10 ขวบสมัยนั้นชอบหุ่นยนต์กันดั้ม เราก็สอนด้วยการเปรียบเทียบว่า กันดั้มต้องประกอบร่างเข้ากับคนถึงจะเก่ง เอาชนะจอมวายร้ายได้ใช่ไหมแม่ก็มีวิธีประกอบร่างกับกันดั้ม คือเราต้องเอาจิตใจของเราไปอยู่ที่เท้า (ทำท่ายืนเหมือนหุ่นยนต์) ก้าวเท้าขวาย่างหนอซ้ายย่างหนอ พอเราเอาจิตมาอยู่ที่เท้าทีละก้าว ๆ ก็เหมือนเป็นการเพิ่มพลังให้กันดั้มในการเอาชนะเหล่าร้ายได้ อธิบายแบบนี้น้องนายก็เข้าใจได้ง่ายขึ้น
หมูไม่เคยบังคับลูกให้สวดมนต์หรือปฏิบัติธรรมเลยเพราะถ้าบังคับเขาจะเกลียด แต่พอเราทำให้เขาดูเป็นตัวอย่างไปเรื่อย ๆ เขาก็อยากทำตามเราไปเอง จำได้ครั้งหนึ่งตอนนั้นน้องนาย 11 ขวบ พาเขาไปวัด กลับบ้านมาน้องนายถามว่า “แม่ น้องนายอยากบวช ขอบวชได้ไหม” แต่ตอนนั้นเราทำงานหนักและเลี้ยงลูกคนเดียว เตรียมงานบวชก็ไม่เป็นยังไม่พร้อม จึงต้องปฏิเสธลูกไปก่อน
ทุกวันนี้ไม่ต้องสอนแล้ว น้องนายเดินจงกรมและสวดมนต์เก่งกว่าแม่เสียอีก เราสองแม่ลูกสวดมนต์กันทุกคืนส่วนกิจกรรมสำคัญประจำปีของบ้านเราคือการสวดมนต์ข้ามปี น้องนายไม่เคยเบี้ยวเลยสักครั้ง มีแต่หมูที่บางปีติดเที่ยวกับเพื่อนจนลืม น้องนายต้องโทรมาทวงว่า “แม่ลืมสัญญาหรือเปล่าครับ” พอเรานึกได้ ต้องยกเลิกทริปนั้นแล้วรีบกลับมาสวดมนต์ข้ามปีกับลูก (หัวเราะ)
แอน ทองประสม
คุณแอนมีหลักการทำงานและเคล็ดลับความสำเร็จอย่างไรคะ
ก็ไม่มีอะไรมากค่ะ แค่ต้องรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองพยายามคิดงานสนุก ๆ ออกมาเพื่อให้คนดูชอบ ก็เหมือนเป็นแม่ค้ามาขายของในตลาดนั่นแหละค่ะ แอนย่อมอยากให้มีคนมาซื้อเป็นผู้จัดฯก็เหมือนกัน มีหน้าที่ผลิตละคร ก็ต้องอยากให้มีคนดูเยอะ ๆ คนดูละครแอนส่วนใหญ่เป็นแม่ค้า เป็นคนในตลาดที่มีรสนิยมการบริโภคแบบชาวบ้านทั่วไป ละครของแอนจึงเป็นอะไรที่ดูง่าย ๆ ไม่ซับซ้อนหรือมีความเท่อะไรมากมาย แต่เป็นเรื่องที่สื่อถึงความรู้สึกมากกว่า อย่างละคร สามีตีตรา ถามว่าทำออกมาดูแรงไปไหม แอนบอกได้เลยค่ะว่ารุ่นที่แอนเล่นเข้มข้นและเชือดเฉือนกันกว่านี้เยอะ คือจริง ๆ เรื่องนี้มันเป็นความรักของเพื่อนรักที่หักหลังกัน ซึ่งเรื่องรักผู้ชายคนเดียวกันอย่างในละครมีอยู่จริง แอนพยายามทำสัดส่วนเรื่องความรัก ตบตี เชือดเฉือนให้มันสมดุลกัน และพยายามเตือนผู้ชมผ่านตัวละครว่าทำแบบนี้ไม่ดีนะ ถ้าดูแล้วไม่เชื่อ คุณก็ต้องไปเรียนรู้เอง
บทความน่าสนใจ
ทำไมถึงได้น่ารักขนาดนี้ เป๊ก ผลิตโชค
รีบเซฟให้ไว! 5 คำคมเด็ดให้ข้อคิด สะกิดใจ จาก ผู้ชายคนนี้ โอม ค็อกเทล
อีกมุมของ เจมส์ มาร์ พระเอกวัยใสหัวใจธรรมะ
3 สุขที่สุดในชีวิตของพระเอกตลอดกาล – เคน ธีรเดช
อุ๋ย นที เอกวิจิตร กับการเดินทางสายธรรม
เชอรี่ เข็มอัปสร สิริสุขะ เมื่อโลกและธรรมหมุนไปพร้อมกัน
นางร้ายหัวใจนางเอก กิ๊ก – มยุริญ ผ่องผุดพันธ์
เจี๊ยบ ลลนา ก้องธรนินทร์ “ฉันทำเพื่อความสุขของตัวเอง”
นาย ณภัทร เสียงสมบุญดวงใจของซิงเกิ้ลมัม กับวิธีสอนลูกที่ใช้ธรรมนำทาง
ชีวิตที่ต้อง “ติดหนาม” ของผู้จัดละครร้อยล้าน แอน ทองประสม