5 เรื่องที่คุณอาจไม่รู้เกี่ยวกับโค้ชอ๊อต ชายผู้อยู่เบื้องหลังความสุขของคนไทยทั้งประเทศ

นอกเหนือจากฝีไม้ลายมือของนักกีฬาวอลเลย์บอลทั้ง 12 คน…บุคคลที่มีบทบาทสำคัญและอยู่เบื้องหลังความสุขของคนไทยทั่วประเทศคือผู้ชายร่างใหญ่ที่ยืนอยู่ข้างสนาม พร้อมกับชาร์ตบอร์ดคู่มือ คอยวางแผนการเล่นและตะโกนสั่งการอยู่ตลอดการแข่งขัน…ชื่อของเขาคือเกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกรหรือโค้ชอ๊อต

ผู้ชายที่ใกล้ชิดกับกีฬาวอลเลย์บอลมาตั้งแต่เกิด…เขาได้จับลูกวอลเลย์ครั้งแรกตอนอายุ 8 ปี…ติดทีมชาติด้วยวัยเพียง 18 ปี…พัฒนาตัวเองจนเป็นโค้ชที่ขึ้นชื่อในความ“โหด เคี่ยว และดุ”  หากปั้นนักวอลเลย์บอลเก่ง ๆ ออกมารุ่นแล้วรุ่นเล่า…

เขาคือผู้อยู่เบื้องหลังลูกเสิร์ฟ ลูกตบลูกหยอด…อันเป็นที่มาของทุกคะแนนที่ทำให้ฮอร์โมนเอนดอร์ฟินของคนไทยหลั่งไหลเคล็ดลับความสำเร็จของผู้ชายคนนี้คืออะไร…Secret จะลงสนามไปหาคำตอบมาให้!

 

5 เรื่องที่คุณอาจไม่รู้เกี่ยวกับโค้ชอ๊อต

  1. ชื่อเกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร เคยถูกบันทึกในฐานะนักศึกษาโควตา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น แต่สุดท้ายเขาเลือกเรียนคณะศึกษาศาสตร์เอกพลศึกษา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
  2. โค้ชชื่อดังคนนี้เคยบาดเจ็บถึงขั้นเลือดตกยางออกจากการเล่นวอลเลย์บอลเมื่อคราวที่ติดทีมชาติใหม่ ๆ และต้องเดินทางไปเก็บตัวที่ประเทศจีนในปี พ.ศ. 2527
  3. โค้ชอ๊อตสามารถสอนการบ้านให้กับเด็ก ๆ ในทีมได้ทั้งวิชาภาษาอังกฤษและคณิตศาสตร์
  4. สร้อยลูกประคำจำนวน 12 ลูก เคยเป็นเครื่องประดับสวมข้อมือโค้ชอ๊อตอยู่ระยะหนึ่ง เพื่อเอาไว้ใช้เวลาต้องการทำสมาธิหรือสงบสติอารมณ์ โดยจับเม็ดประคำทีละเม็ด แล้วท่องพุทโธ ธัมโม สังโฆ 
  5. ถึงแม้ยังไม่มีลูก แต่โค้ชอ๊อตก็มี “ลูก” ที่รักมาก คือสุนัขพันธุ์ปอมเมอเรเนียน ชื่อเฮงเฮง ที่มีน้ำหนักถึง8 กิโลกรัม

โค้ชอ๊อต เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร

คุยกับโค้ช

การที่โค้ชให้ฝึกหนักๆและค่อนข้างเข้มงวด เคยมีนักกีฬางอแงบ้างไหมครับ

ความที่เป็นนักกีฬาหญิง อารมณ์ก็อาจจะอ่อนไหวง่าย ขึ้นเร็วลงเร็ว ไม่เหมือนผู้ชาย จึงมีปัญหาบ้าง บางทีก็มีบางคนที่เหลืออด โต้ตอบกลับมาว่า “หนูไม่ฟังแล้ว” ผมก็จะใช้วิธีพูดตรง ๆ ว่า เขาทำไม่ถูก และบอกเขาว่า ผมทำทุกอย่างเพราะอยากพัฒนาคุณภาพการเล่นของเขาให้ดีขึ้นไม่ได้มีอคติหรือเรื่องอื่นมาปะปนเลย

คนพูดกันเยอะว่า โค้ชอ๊อตโหดโค้ชอ๊อตซ้อมเหมือนทหาร อย่างตอนทำทีมดรีมทีมเมื่อปี 2001 เราไปเก็บตัวซ้อมกันที่ยะลา ครั้งนั้นมีนักกีฬาบางคนทนไม่ไหวแถมครอบครัวหรือต้นสังกัดก็ค่อย ๆ ดึงตัวนักกีฬากลับไป ไม่เพียงเท่านั้นนะครับ ยังมีนักข่าวพยายามตีข่าวเรื่องการซ้อมของผมด้วย ทั้งหมดทำให้เราเสียเด็กฝีมือดีไปหลายคน แต่ผมก็ได้รับการสนับสนุนจากสมาคมฯและผู้ใหญ่หลาย ๆ ท่านที่ติดตามการทำงานของผมมาโดยตลอดดีที่ท่านเข้าใจว่าผมกำลังทำอะไรอยู่ และผมตั้งเป้าเอาไว้สูงแค่ไหน ผมจึงไม่เคยคิดมากกับปัญหาที่เกิดขึ้น และมุ่งมั่นทำสิ่งที่ผมเชื่อมั่นต่อไป

โค้ชเป็นคนที่ตั้งเป้าหมายไว้สูงอยู่เสมอหรือเปล่าครับ

ไม่สูงมากครับ แต่เป้าหมายของผมต้องท้าทายและสามารถทำได้จริง แต่มันจะสูงไม่ได้เลยถ้าเราคิดคนเดียวทำคนเดียวดังนั้น นอกจากจะมีความทะเยอทะยานแล้ว ยังต้องอาศัยความร่วมมือจากหลาย ๆ ฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นนักกีฬาหรือผู้ฝึกสอนทั้งอาจารย์ณัฐพนธ์ (นาวาอากาศตรี ณัฐพนธ์ศรีสมุทรนาค) และอาจารย์ดนัย (ดนัย ศรีวัชรเมธากุล) ที่อยู่กับผมมาสิบกว่าปีวันหนึ่งทุกคนก็จะเติบโตเป็นบุคลากรที่สำคัญของชาติต่อไป นี่คือสิ่งที่ผมตั้งใจไว้ครับ

 

โค้ชที่ดีในความคิดของโค้ชอ๊อตเป็นอย่างไรครับ

การเป็นโค้ชที่ดีไม่ต่างจากการเป็นครูที่ดี คือต้องให้ใจลูกศิษย์ก่อนด้วยความจริงใจ หากทำได้ ลูกศิษย์ย่อมเต็มใจนำความรู้ที่ครูสอนไปปฏิบัติ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการก้าวสู่ความสำเร็จต่อไป

 

การเล่นกีฬาย่อมมีทั้งความสำเร็จและผิดหวัง เวลาผิดหวัง โค้ชมีวิธีให้กำลังใจลูกทีมอย่างไรครับ

ทุกครั้งที่ผิดหวัง ผมจะให้แต่ละคนถามตัวเองว่า เรายังรักวอลเลย์บอลกันอยู่หรือเปล่า ถ้ายังรักที่จะเล่นก็ต้องทำต่อไปให้ดีที่สุด และต้องลุกขึ้นยืนให้ได้ สิ่งหนึ่งที่ผมสอนลูก ๆ ในทีมตลอดก็คือ ความอ่อนแอไม่ได้ทำให้เราเก่งขึ้น แต่เมื่อใดก็ตามที่เราฮึดสู้ เราจะสามารถผ่านพ้นความอ่อนแอและแข็งแกร่งมากขึ้น

อย่างเมื่อปี 2002 ทีมชาติไทยไม่ได้ไปโอลิมปิก ทุกคนเสียใจมาก กิ๊ฟ - วิลาวัณย์กับ หน่อง - ปลื้มจิตร์ ร้องไห้แทบตาย ผมบอกเขาว่า เราต้องเข้มแข็งและลุกขึ้นยืนให้เร็วที่สุด ถึงแม้เราจะผิดหวัง แต่อย่างน้อยที่สุดครอบครัวเราและคนไทยทั้งประเทศเขาก็ยังชื่นชมและให้กำลังใจเราเสมอ ดังนั้นอย่าไปเสียใจกับมันมาก เราได้ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดีที่สุด และมีคุณค่าที่สุดแล้ว ถึงแม้เราจะไม่ได้ไปโอลิมปิกที่ลอนดอน แต่ก็เพียงร่างกายเท่านั้น แต่จิตวิญญาณของเราไปถึงแล้วตลอดสี่ปีนั้นผมกินเจเพื่อที่จะไปโอลิมปิกถ้าได้ไปถึงจะหยุดกิน และพอถึงวันนั้นผมคิดว่าสามารถหยุดกินเจได้แล้ว เพราะจิตใจของพวกเราทุกคนได้ไปโอลิมปิกแล้ว

 

ขอถามเรื่องครอบครัวบ้างคุณพ่อคุณแม่สนับสนุนการเป็นนักกีฬาอาชีพมาตั้งแต่ต้นเลยไหมครับ 

คุณพ่อผมเป็นข้าราชการทหาร และธรรมดาของครอบครัวทหารก็มักอยากให้ลูกผู้ชายเรียนนายร้อย ลูกผู้หญิงเรียนพยาบาล อย่างน้องสาวผม…ตอนนี้เป็นพันโทแล้วก็เรียนพยาบาล ส่วนเพื่อนสนิทผมหลายคนก็ไปเรียนนายร้อยกันหมด แต่ตัวผมเองชอบกีฬา เลยไม่ได้ไปทางนั้น ผมคุยกับคุณพ่อคุณแม่จนเข้าใจว่า เราขอไปทางนี้แล้วกัน ซึ่งทำให้คุณแม่หยุดชะงักไปนิดหนึ่ง แต่สุดท้ายคุณแม่ก็ต้องปล่อยเพราะว่ามันก็เป็นชีวิตของลูก

 

ถึงวันนี้ครอบครัวมีปฏิกิริยาอย่างไรกับความสำเร็จของโค้ชบ้างครับ

ต้องลองไปถามเขาดูนะครับ…แต่ขอเล่าว่า  ตอนนี้คุณแม่เป็นแฟนคลับของผมเลยนะ (ยิ้ม) จะว่าไปครอบครัวผมก็ถือเป็นครอบครัวกีฬาได้นะ คุณพ่อถึงจะเป็นทหาร แต่ท่านก็เป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลและเป็นโค้ชคนแรกของผมด้วย ส่วนคุณแม่เป็นช่างตัดเย็บเสื้อผ้าท่านไม่ค่อยอยากให้ลูกเล่นกีฬา เพราะกลัวเสียการเรียน แต่ท่านชอบกีฬามาก ทุกวันนี้ก็ยังดูกีฬาทุกวัน ที่ดูซ้ำบ่อยที่สุดก็คงเป็นเทปบันทึกการแข่งขันวอลเลย์บอลที่ผมหาไปให้

 

ภารกิจเยอะอย่างนี้ โค้ชมีวิธีผ่อนคลายอย่างไรครับ

ผมจะทำสมาธิเวลาอยากหยุดพักจิตใจ เพราะหลายครั้งที่ร่างกายหายเหนื่อยแล้ว แต่จิตใจ สมองกลับยังคิดอยู่เรื่อย ๆความที่ผมเป็นคนที่คิดเร็วมาก เพราะเราทำงานร่วมกับหลายคนหลายฝ่าย จึงมีเรื่องราวให้ต้องทำเยอะแยะในแต่ละวันวิธีแก้ก็คือ เราต้องพยายามให้ใจได้หยุดพักบ้าง กลับมาดูตัวเอง ดูลมหายใจ สัมผัสการเต้นของหัวใจ เพื่อให้ทุกอย่างช้าลงค่อย ๆ ปิดลิ้นชักไปทีละชั้น ๆ ปิดไปทีละเรื่อง

การได้ธรรมะมาช่วยแก้ปัญหาตรงนี้ถือว่ามีประโยชน์มาก ผมไม่รู้ว่าจะต้องขอบคุณพระพุทธเจ้ามากแค่ไหน ถึงจะตอบแทนที่พระองค์ให้วิธีปรับจิตปรับใจที่ดีขนาดนี้แก่เรา

โค้ชพูดเหมือนว่า ธรรมะมีส่วนสำคัญในความสำเร็จของโค้ชกีฬาคนหนึ่งเป็นอย่างมาก

(พยักหน้า) สำหรับผม ธรรมะถือเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เรามีความสุข มีพลังในการทำงาน และเอาเข้าจริง การเล่นกีฬาและการทำงานก็คือการปฏิบัติธรรมอย่างหนึ่งนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นงานอะไร เราก็ต้องมีสมาธิ งานถึงจะออกมาดีที่สุด ผมมั่นใจว่าถ้าโลกนี้ไม่มีธรรมะหรือถ้าไม่มีศีลธรรมอยู่ในจิตใจคนเลย เราก็คงหาที่พึ่งพิงทางใจได้ยาก และโลกก็คงจะวุ่นวายกว่านี้มาก

 

โค้ชได้บวชเรียนแล้วหรือยังครับ

ผมได้บวชแล้วครับ ช่วง 1 ปีก่อนที่จะติดทีมชาติไปแข่งซีเกมส์ที่เชียงใหม่ ปี 2538 นอกจากนั้นผมก็ได้ทำบุญอยู่เรื่อยบางครั้งก็ไปช่วยเหลือคนด้อยโอกาส แล้วแต่วาระ อย่างผมทำหนังสือ “โค้ชอ๊อต - เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร” ซึ่งเป็นหนังสือประวัติและเทคนิคการสร้างทีม รายได้ส่วนหนึ่งก็นำเข้ากองทุนของสมาคมฯเพื่อจุนเจือบุคลากรและนักกีฬา

ตอนนี้นักกีฬาที่โค้ชสอนกลายเป็นไอดอลของเด็กๆ หลายคน แล้วตัวโค้ชล่ะครับ มีไอดอลในชีวิตหรือการทำงานบ้างหรือเปล่า

ผมขอเทิดพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเอาไว้เหนือเกล้า พระองค์ทรงเป็นแรงบันดาลใจให้ผมสู้งานแบบไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค ตั้งแต่ผมจำความได้ ก็ได้เห็นภาพพระองค์ท่านทรงตรากตรำทำงานเพื่อประชาชนมาโดยตลอด ทรงริเริ่มโครงการในพระราชดำริมากมายเพื่อช่วยเหลือคนไทยให้พ้นทุกข์ มีความสุขตามอัตภาพที่ควรตามแนวพระราชดำริชีวิตพอเพียง ผมจึงรักเคารพแล้วก็บูชาพระองค์เสมอมา

นอกจากในหลวงแล้ว ผู้ใหญ่ในวงการวอลเลย์บอลอีกหลายท่านก็ถือเป็นไอดอลในการทำงานของผมเช่นกัน ผมโชคดีที่ได้ร่วมงานกับผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์ก้าวไกลและทุกท่านก็มีส่วนในความสำเร็จของวอลเลย์หญิงทีมชาติไทยในวันนี้ด้วย

โค้ชอ๊อต

จากการลงทุนด้วยความตั้งใจมาตลอด 16 ปีถึงวันนี้หายเหนื่อยหรือยังครับ

สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความภาคภูมิใจ ความสำเร็จของลูก ๆ ทุกคนในทีมก็คือความสุขของผม เด็กบางคนมาจากครอบครัวที่ไม่มีอะไรเลย เราก็ให้เขาได้ฝึกซ้อม พยายามสอนให้เขาได้เรียนรู้ที่จะอดทนและเพียรพยายามที่ทำทั้งหมดก็เพื่อให้เขาเก่งขึ้น แน่นอนว่าการอยู่ร่วมกันย่อมมีปัญหา มีความไม่เข้าใจกันเกิดขึ้น เพราะแต่ละคนก็เริ่มต้นในช่วงวัยรุ่นทั้งนั้น กว่าจะโตขึ้นมาขนาดนี้ได้ เราก็พยายามสอนให้เขามีวุฒิภาวะเติบโตไปพร้อมกับวัยที่เหมาะสมและเป็นตัวอย่างที่ดีแก่สังคมและเยาวชน

ทุกวันนี้ นอกเหนือจากการประสบความสำเร็จในเวทีกีฬา มีเงินทองมาดูแลตัวเองและครอบครัว นักกีฬาของเรายังประสบความสำเร็จด้านการศึกษา เรียนจบมีงานที่มั่นคง และมีวุฒิภาวะที่พร้อมจะเป็นผู้ใหญ่แล้ว ผมสามารถพูดจากใจได้ว่า ผมภูมิใจและรักพวกเขาทุก ๆ คน (ยิ้ม)

ผมสอนพวกเขามาตลอดว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้มาต้องนำมาดูแลตัวเองให้ได้ขณะเดียวกันก็ให้รู้จักตอบแทนสังคมประเทศชาติ แล้วก็โลกต่อไป…

 

โค้ชให้ความรักและดูแลนักกีฬาเหมือนลูกแท้ๆ ขอถามหน่อยครับว่า โค้ชมีแผนจะมีลูกของตัวเองบ้างไหมครับ

ผมอยากมีลูกนะครับ แต่ตอนนี้ยังไม่ได้แต่งงานเลย (หัวเราะ) หลาย ๆ เรื่องยังไม่ลงตัวน่ะครับ แฟนผมก็ไม่ได้อยู่เมืองไทย ส่วนผมก็ต้องทุ่มเทให้กับการทำงานในฐานะโค้ช โชคดีมากครับที่เขาเข้าใจ (ยิ้ม)

เมื่อมองย้อนกลับไป โค้ชคิดว่าปัจจัยสำคัญที่ทำให้ประสบความสำเร็จในวันนี้ได้คืออะไรครับ

ผมไม่ได้เก่งมาตั้งแต่เกิด ผมเป็นแค่เด็กบ้านนอกธรรมดา ๆ คนหนึ่งที่พบสิ่งที่รักและออกเดินตามความฝันอย่างไม่ลดละถึงใครจะคิดว่าเป็นไปไม่ได้ ผมก็ไม่สนใจตราบใดที่ไม่หยุดพยายาม ตราบใดที่ได้รับการสนับสนุนจากหลาย ๆ ฝ่ายที่มีเป้าหมายเดียวกัน…ทุกอย่างก็เป็นไปได้

ผมคิดอย่างนี้นะครับว่า ความหล่อความสวยน่ะอยู่กับคนเราแค่ 10 - 20 ปี  แต่ความดีจะอยู่กับเราไปตลอดชีวิต ดังนั้นทำสิ่งที่เราคิดว่าดีต่อไปเถอะครับ โดยเฉพาะการทำเพื่อส่วนรวม แล้วเราจะได้รับสิ่งดี ๆกลับมาแน่นอน

ตัวอย่างหนึ่งที่ชัดเจนและทำให้ผมรู้สึกดีใจมากว่า ทุกสิ่งที่ผมทุ่มเททำไปได้ผลิดอกออกผลแล้วคือ  ล่าสุดหลังจบการแข่งขันที่โคราช จู่ ๆ ก็มีกรรมการคนหนึ่งเดินเข้ามากอดผม แล้วก็พูดด้วยสำเนียงไม่ค่อยชัดว่า “ผมเป็นม้งครับ ผมรู้จักโค้ชมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว ดีใจมากครับที่ได้มาเจอตัวเป็น ๆ” แล้วเขาก็เล่าให้ฟังว่า เขาเป็นอาจารย์และมีโครงการจะนำวอลเลย์บอลไปใช้ในการพัฒนาเด็ก ๆ ในหมู่บ้าน ซึ่งเป็นแนวคิดที่ผมทำมาตั้งแต่แรก คือพยายามสร้างนักกีฬาจากเด็กตัวเล็ก ๆ เป็นแค่ไอ้จุกไอ้เปีย ไอ้แกละ ยังเล่นบอลไม่ค่อยคล่องเลยด้วยซ้ำ แต่เราสร้างเขาให้เก่งขึ้นมาได้เสียดายที่วันนั้นผมกำลังซ้อมทีม เลยไม่มีเวลาคุยกันมากกว่านั้น ผมตั้งใจจะเอาวิดีโอสอนการฝึกซ้อมให้เขา เพราะผมอยากให้กำลังใจและสนับสนุนเขาเท่าที่จะทำได้

สิ่งที่ผมเคยหวังไว้ก็มีแนวโน้มดีขึ้นเรื่อย ๆ ปัจจุบันมีทีมเยาวชนจากโรงเรียนต่าง ๆ เป็นพันทีม จุดนี้ชี้ให้เห็นถึงการเติบโตของกีฬาวอลเลย์บอลในสังคม ถ้าทำได้ครอบครัวก็จะเป็นครอบครัวสีขาว เด็กก็จะห่างไกลยาเสพติด ไม่ต้องเอาเวลาไปเล่นเกมหรือมั่วสุมทำอะไรที่ไม่ดี ผมหวังจะเห็นบ้านเราเป็นเหมือนประเทศที่พัฒนาแล้วที่เขาใช้กีฬาพัฒนาคน จากนั้นคนก็จะไปพัฒนาชาติต่อไป นี่คือห่วงโซ่ที่ดีและควรจะเป็น ซึ่งผมหวังว่าจะเกิดขึ้นได้จริงในอนาคต

 

เป้าหมายที่โค้ชตั้งไว้ถัดจากนี้คืออะไรครับ…

ตลอดระยะเวลา 16 ปีนับตั้งแต่ที่เริ่มรับหน้าที่โค้ชทีมหญิงมา ผมพยายามผลักดันให้ทีมเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ที่มีผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่าง ๆ มาทำงานร่วมกัน เพราะคงไม่มีใครที่เก่งหรือรอบรู้ไปทุกเรื่อง การได้คนที่รู้ลึกรู้จริงมาทำงานด้วย ย่อมส่งผลที่ดีกว่า เพราะแต่ละคนล้วนแต่เอาจริงเอาจังและตั้งอกตั้งใจพัฒนานักกีฬาของเราไปสู่ขีดความสามารถในระดับโลก เพราะฉะนั้นความประพฤติหรือการบริหารจัดการตัวเองของนักกีฬาก็จะต้องเป็นแบบมืออาชีพให้ได้คือจะต้องกินเป็น นอนเป็นต้องพักผ่อนเป็น ต้องซ้อมเป็น และต้องแข่งเป็น

จากจุดนั้นพอมาถึงวันนี้ เรามาถึงจุดที่น่าพอใจมาก เรารู้ว่าตัวเองเป็นใครและอยู่ตรงไหนของเวทีนี้ เวทีนี้แบ่งออกเป็นสามเวทีจากใหญ่ไปเล็ก คือ เวทีโลกเวทีทวีปคือเอเชีย และเวทีอาเซียนการที่เราติด 1 ใน 3 ของเอเชียก็ถือว่าตอนนี้เรามีฝีมือใกล้เคียงระดับโลกแล้วและต้องพัฒนาต่อไปให้ดียิ่งขึ้นไปอีก

ท่านนายกสมาคมฯเคยพูดกับผมว่า “อ๊อต เราหยุดแค่นี้ไม่ได้นะ” ผมตอบท่านไปว่า ผมทราบดีว่าทุกทีมเขาอยากเอาชนะทีมชาติไทยทั้งนั้น หลายทีมที่เคยแพ้เราไปก็ต้องฝึกซ้อมอย่างหนักเพื่อกลับมาเอาชนะทีมเราให้ได้ ตอนนี้เราได้รับความเคารพยำเกรงมากขึ้น ทั้งในภูมิภาคเอเชียและในเวทีโลก นั่นหมายความว่า เราได้รับการยอมรับในสิ่งที่พวกเราพยายามทำกันมาตลอดเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเรื่องที่เราภูมิใจมาก แต่ทีมเราจะหยุดนิ่งอยู่กับชัยชนะ จะมัวแต่ชื่นชมกับความสำเร็จโดยที่ไม่ซ้อมเลยไม่ได้ ตอนนี้อาจจะออกสื่อกันเพลิน ก็ไม่เป็นไร เพราะนั่นก็เป็นภารกิจส่วนหนึ่ง แต่ก็ต้องจัดการให้พอดีถึงเวลาซ้อมก็ต้องซ้อม ทำหน้าที่ของเราให้ดี…ดีขึ้น…และดีที่สุด เราต้องไม่ประมาทขณะเดียวกันทีมอื่น ๆ ก็จะประมาทเราไม่ได้เหมือนกัน

            ความฝันของคนเป็นโค้ชก็มีเท่านี้ละครับ 

 

เรื่อง พีรภัทร โพธิสารัตนะ ภาพปกและภาพประกอบ วรวุฒิ วิชาธร, สรยุทธ พุ่มภักดี  ผู้ช่วยช่างภาพ จรัส มณีล้อมรัตน์ สไตลิสต์ รุจิกร ธงชัยขาวสอาด ขอขอบคุณ สถานที่: ร้าน Studio 128 Signature ชั้น 2  Crystal Design Center (CDC) โทร. 0-2102-2082 - 3 ข้อมูลจากหนังสือโค้ชอ๊อต - เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร สำนักพิมพ์อินบีทวีน พับลิเคชั่นส์

Posted in MIND
BACK
TO TOP
A Cuisine
Writer

© COPYRIGHT 2024 AME IMAGINATIVE COMPANY LIMITED.