บำรุงราษฎร์ ร่วมกับไวทัลไลฟ์ ชูการแพทย์แบบบูรณาการกับเวชศาสตร์ชะลอวัย

บำรุงราษฎร์ ร่วมกับศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ ชูการแพทย์แบบบูรณาการกับเวชศาสตร์ชะลอวัย และเทรนด์การดูแลสุขภาพแห่งอนาคต ในงาน ‘The Special One for Wellness Destination’

เมื่อวิวัฒนาการทางการแพทย์ก้าวหน้า มนุษย์เราก็มีชีวิตที่ยืนยาวขึ้น และคงหลีกเลี่ยงความแก่ชราไม่ได้ แต่จะทำอย่างไรเพื่อให้เรามีชีวิตที่ยืนยาวควบคู่ไปกับการมีสุขภาพที่ดีในอนาคตข้างหน้า “เวชศาสตร์ชะลอวัย หรือ Anti-Aging Medicine” จึงได้เข้ามามีบทบาทในยุคสมัยนี้ เพื่อตอบรับกับความต้องการของผู้ป่วยทั้งคนไทยหรือต่างชาติที่หันมาใส่ใจดูแลสุขภาพตนเองมากขึ้น

จากงาน “The Special One for Wellness Destination’ โดยโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ร่วมกับศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ ผศ. นพ. พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญอาวุโส ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เปิดเผยถึง “เทรนด์ในการดูแลสุขภาพแห่งอนาคต มีแนวคิดเพื่อการป้องกันโรคและการส่งเสริมสุขภาพในแนวทางที่ให้เกิดการชะลอวัยและการมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีสุขภาพที่ดีในอนาคตข้างหน้า หรือที่เรียกว่า “เวชศาสตร์ชะลอวัย” นับเป็นศาสตร์แห่งการดูแลสุขภาพแนวใหม่แบบบูรณาการ เป็นการดูแลรักษาสุขภาพจากภายในสู่ภายนอก ทำให้ทราบถึงโอกาสที่จะเกิดโรค รวมไปถึงสาเหตุแท้จริงที่ทำให้เกิดโรคด้วย โดยจะวิเคราะห์จากผลการตรวจเลือด จากการตรวจสภาพร่างกายโดยใช้เทคโนโลยีเครื่องมือต่างๆ ที่วัดสมรรถนะร่างกาย รวมถึงปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญทางด้านอาหารและการออกกำลังกาย สิ่งต่างๆ เหล่านี้จะนำไปสู่ดัชนีการมีชีวิตที่ยืนยาว ซึ่งควรจะต้องมีการตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี”

เวชศาสตร์ชะลอวัย ประกอบด้วยเสา 2 หลัก คือ 1) การป้องกันโรค และ 2) การวิเคราะห์หรือวินิจฉัยโรคตั้งแต่ระยะเวลาตั้งต้น ซึ่งการป้องกันโรคเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการมีชีวิตที่ยืนยาว และมีสุขภาพที่ดี เพราะถ้าเราสามารถป้องกันโรคต่างๆ ได้แล้วจะทำให้ร่างกายทำงานได้อย่างปกติสุข อันดับรองลงมาคือ การคัดกรองโรคตั้งแต่โรคยังเป็นในระยะแรกๆ ทำให้การรักษาได้ผลดี มีผลศึกษาวิจัยต่างๆ ยืนยันแล้วว่าการดำเนินชีวิตที่มีคุณภาพ ได้แก่ การรับประทานอาหารที่ถูกส่วนครบทุกหมวดหมู่ ออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอ การนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอทำให้ใจมีความสุข และป้องกันการได้รับสารพิษต่างๆ นั้น จะช่วยลดโอกาสการเป็นโรคหัวใจที่คร่าชีวิตมนุษย์อันดับหนึ่งลงได้ถึง 8 เท่า และช่วยลดอุบัติการณ์การเป็นมะเร็งต่างๆ ลงได้ถึง 3 เท่า

นอกจากนี้ ยังต้องคำนึงถึงระดับของสมดุลของฮอร์โมน ซึ่งจะเริ่มเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ช่วงอายุ 30 – 40 ปีขึ้นไป การที่ระดับสมดุลของฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงไปนี้ ก่อให้เกิดภาวะหรืออาการผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของฮอร์โมน ได้แก่ ระดับพลังงานลดลง อัตราการเผาผลาญในร่างกายลดลง ปริมาณไขมันสะสมในร่างกายเพิ่มขึ้น ผิวพรรณเริ่มแห้งกร้านและมีรอยเหี่ยวย่น มีมวลกล้ามเนื้อลดลง กระดูกบาง ความจำลดลง สมองเสื่อม ภาวะการนอนหลับผิดปกติ นอนหลับยากขึ้น นอนหลับไม่สนิท หงุดหงิดง่าย ซึมเศร้า ความต้องการทางเพศลดลง หรือเรียกว่า ผู้มีภาวะฮอร์โมนไม่สมดุล (Hormonal imbalance)  ซึ่งปัญหานี้อาจพบได้ในผู้คนที่มีความเครียดหรือทำงานหนัก

สำหรับฮอร์โมนที่มีความสำคัญต่อร่างกายมนุษย์ ประกอบด้วย 1. โกรทฮอร์โมน (Growth hormone) ฮอร์โมนสำคัญต่อการเจริญเติบโต ซ่อมแซมและเสริมสร้างร่างกาย 2. เทสโทสเตอโรน (Testosterone) ฮอร์โมนที่ทำให้ร่างกายเกิดการตื่นตัว กระปรี้กระเปร่า มีเรี่ยวแรง 3. เอสโตรเจน (Estrogen) ฮอร์โมนที่ทำหน้าที่สำคัญเกี่ยวกับอวัยวะสืบพันธุ์ ผิวพรรณ หัวใจและหลอดเลือด และกระดูก 4. อินซูลิน และฮอร์โมนไทรอยด์ (Insulin และ Thyroid Hormone)  ฮอร์โมนที่ควบคุมระดับน้ำตาลและกระบวนการเผาผลาญในร่างกาย และ 5. คอร์ติซอล (Cortisol) ฮอร์โมนความเครียด ถูกผลิตโดยต่อมหมวกไตเพื่อลดการอักเสบและทำให้ระดับของน้ำตาลในร่างกายเกิดความสมดุล แต่หากขาดฮอร์โมนชนิดนี้ จะทำให้ร่างกายมีอาการอ่อนเพลียตอนเช้าหรือตื่นนอนยาก ง่วงนอนตอนบ่าย หิวขนมหรือของหวานเป็นประจำ

พญ.นุสรา เตชานุกูลชัย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาเกี่ยวกับความงาม ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า “พออายุเริ่มเข้าสู่ช่วงอายุ 40 ปลายๆ – 50 ต้นๆ รังไข่จะหยุดทำงาน หยุดผลิตฮอร์โมน ทำให้มีปัญหาเรื่องสุขภาพ เรื่องผิวพรรณตามมา ผิวจะเริ่มเหี่ยว เนื่องด้วยวัยที่เพิ่มขึ้น แสงแดด ความเครียด ริ้วรอยจากการแสดงอารมณ์ทางใบหน้า ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้ผิวพรรณที่เคยสดใสตึงกระชับ กลับกลายเป็นหมองคล้ำ เกิดริ้วรอย จุดด่างดำ และหย่อนคล้อย  ซึ่งนวัตกรรมเพื่อผิวพรรณที่ดูอ่อนเยาว์และมีสุขภาพPhoto Rejuvenation สามารถชะลอวัยและฟื้นฟูสภาพผิวให้ดีขึ้น เป็นการนำเทคโนโลยีแสงเลเซอร์และคลื่นแสงความเข้มสูงมาใช้ในการแก้ปัญหาและฟื้นฟูสภาพผิวหน้าให้กระจ่างใส เรียบเนียนขึ้น ริ้วรอยจางลง และยกกระชับ ด้วยเครื่องมือ 4 ชนิดที่มีคุณสมบัติโดดเด่นแตกต่างกันออกไป โดยแพทย์จะเป็นผู้เลือกใช้ชนิดของเลเซอร์หรือคลื่นแสงที่เหมาะสมตรงกับปัญหาผิวพรรณของแต่ละบุคคล โดยเบื้องต้นจะใช้เครื่อง VISIA Skin Analysis วิเคราะห์สภาพผิวหน้า ทั้งชั้นผิวภายนอก และชั้นผิวภายใน โดยการถ่ายภาพใบหน้า  ตรงส่วนที่สำคัญต่างๆ และนำข้อมูลไปประมวลผลวิเคราะห์สุขภาพและลักษณะผิวของลูกค้า เพื่อเป็นแนวทางในการจัดโปรแกรมการรักษาและดูแลสภาพผิวหน้าเฉพาะบุคคลที่เหมาะสมกับบุคคลนั้นๆ และรักษาได้ตรงกับสาเหตุที่แท้จริง ทำให้ได้ผลตอบรับเป็นอย่างดี”

พญ.นุสรา กล่าวปิดท้ายว่า “เราสามารถยืดอายุให้ดูอ่อนเยาว์ลงและมีสุขภาพดีจากภายใน ด้วยหลักการง่ายๆ คือ การกิน การออกกำลังกาย การพักผ่อน และอารมณ์ โดยจะต้องเลือกกินอาหารที่มีคุณภาพ กินให้หลากหลาย ทานผักผลไม้หลากสี และหลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลและไขมัน และควบคุมปริมาณไขมันในร่างกาย ผู้หญิงไม่ควรเกิน 30% และผู้ชายไม่ควรเกิน 20% และควรออกกำลังกายให้สม่ำเสมอหรือเคลื่อนไหวไม่น้อยกว่า 150 นาทีต่อสัปดาห์ หรือเดินประมาณ 5,000 – 10,000 ก้าวต่อวัน ส่วนการพักผ่อน ไม่ควรนอนน้อยกว่าวันละ 7 ชั่วโมง และการนอนในช่วงเวลา 22.30 น. ก็จะดีกว่านอนหลังเที่ยงคืน เพราะฮอร์โมนที่มีผลต่อการชะลอวัยจะทำงานได้ดีกว่า ที่สำคัญควรทำจิตใจให้แจ่มใส อารมณ์ดี มองโลกในแง่ดี พยายามจัดการกับความเครียด หากปฎิบัติได้ตามทั้ง 4 ข้อนี้ก็จะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคต่างๆ ได้ มีอายุยืนขึ้นถึง 10-20 ปี และทำให้มีสุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอก”

Posted in NEWS
BACK
TO TOP
cheewajitmedia
Writer

© COPYRIGHT 2024 AME IMAGINATIVE COMPANY LIMITED.