เมื่อวันที่ 22 มี.ค. 66 เวลา 10.00 น. นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือดำเนินงาน (MOU) เรื่อง “การดูแลสุขภาพและสุขอนามัยผู้สูงอายุ” ระหว่าง กรมกิจการผู้สูงอายุ (ผส.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กับบริษัท ดีเอสจี อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด โดยมีนางสาวแรมรุ้ง วรวัธ อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ และนายอภิศักดิ์ อัครพัฒนานุกูล ประธานกรรมการบริหาร บริษัทฯ ร่วมลงนาม นอกจากนี้ มีการรับมอบผ้าอ้อมผู้ใหญ่ Certainty เพื่อนำไปส่งต่อให้ผู้สูงอายุในความดูแลของ ผส. อีกทั้งกิจกรรมการถ่ายทอดความรู้การดูแลสุขภาพและสุขอนามัยผู้สูงอายุแบบองค์รวม ตามแนวคิด “Certainty Holistic Wellness Care” ด้วย 4 ขั้นตอนง่ายๆ “เช็ด ใส่ คู่ ปูรอง” ทั้งนี้ มีคณะผู้บริหารกระทรวง พม. และบริษัท ดีเอสจี อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด รวมทั้งตัวแทนอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เข้าร่วม ณ บริเวณโถงชั้น 1 อาคารกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวง พม. สะพานขาว กรุงเทพฯ
นายจุติ กล่าวว่า ประเทศไทยได้เข้าสู่สังคมของผู้สูงอายุตั้งแต่ปี 2548 โดยรายงานสถานการณ์ผู้สูงอายุประจำปี 2565 พบว่ามีผู้สูงอายุไทยจำนวน 12.5 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 19.03 ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ ทั้งนี้ รัฐบาลจึงได้ขับเคลื่อนการบูรณาการความร่วมมือระหว่างทุกภาคีเครือข่ายและหนุนเสริมให้ภาคธุรกิจเอกชน เข้ามามีบทบาทร่วมในการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ และร่วมสานพลังความร่วมมือเพื่อมุ่งลดความเหลื่อมล้ำของประเทศ และสนับสนุน เสริมสร้างสังคมไทยให้เติบโตอย่างเข้มแข็งและสมดุล วันนี้ กระทรวง พม. โดย ผส. ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือดำเนินงาน (MOU) เรื่อง “การดูแลสุขภาพและสุขอนามัยผู้สูงอายุ” ร่วมกับบริษัท ดีเอสจี อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เซอร์เทนตี้ (Certainty) ผ้าอ้อมสำเร็จรูป ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ เพื่ออำนวยความสะดวกและป้องกันการติดเชื้อ โดยความร่วมมือครั้งนี้จะทำให้ผู้สูงอายุได้รับการสนับสนุนผลิตภัณฑ์ตามสมควรจากบริษัทฯ ขณะเดียวกันจะมีการร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์และวิจัยค้นคว้าว่า ผู้สูงอายุที่เพิ่มสูงขึ้นทุกปี กระทรวง พม. โดย ผส. และภาคเอกชน จะสามารถทำงานร่วมกันอะไรบ้าง เพื่อให้ทุกคนได้มีความสุข และคืนความสุขให้ประชาชน ทั้งนี้ ขอขอบคุณบริษัท ดีเอสจี อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ที่ร่วมกันทำงานเพื่อประชาชนเฉพาะผู้สูงอายุที่ยากไร้
นางสาวแรมรุ้ง กล่าวว่า การลงนามความร่วมมือครั้งนี้ เพื่อมุ่งเสริมสร้างการรับรู้สิทธิของผู้สูงอายุ และส่งเสริมการมีสุขอนามัยที่ดี รวมทั้งสนับสนุนการมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นของผู้สูงอายุในประเทศไทย โดยมีแผนการดำเนินงานร่วมดังนี้ 1) การศึกษานวัตกรรม ผลิตภัณฑ์และแนวทางเพื่อยกระดับความเป็นอยู่ทางด้านสุขภาพและสุขอนามัยแบบองค์รวมของผู้สูงวัย 2) การจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ และจัดกิจกรรมเพื่อให้ความรู้เรื่องสิทธิพื้นฐาน การดูแลสุขภาพและสุขอนามัยแบบครบวงจรของผู้สูงวัย ร่วมกับหลักสูตรต่างๆ ของ ผส. 3) การจัดฝึกอบรมให้แก่บุคลากรและอาสาสมัคร เพื่อร่วมกันเสริมสร้างความเชี่ยวชาญในการดูแลผู้สูงอายุในบริบทต่างๆ แบบครบวงจร และ 4) การจัดกิจกรรมส่งเสริมสุขอนามัยและยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการผู้สูงอายุ 12 แห่ง และศูนย์ช่วยเหลือสังคมชุมชนในเขตกรุงเทพมหานคร รวมทั้งการจัดนิทรรศการให้ความรู้ในวันผู้สูงอายุแห่งชาติและวันแห่งครอบครัว ประจำปี 2566 และกิจกรรมอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้สูงอายุ
นายอภิศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กว่า 40 ปีที่บริษัทฯ เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ทำให้เห็นความเปลี่ยนแปลงของสังคมผู้สูงอายุในประเทศที่มีการยอมรับและมีการใช้ผ้าอ้อมผู้ใหญ่มากขึ้น ซึ่งจะช่วยในเรื่องของความสะดวกและการดูแลสุขอนามัยที่ถูกวิธี แต่ด้วยสภาพสังคมและเศรษฐกิจยังมีอีกหลายครอบครัวขาดการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร ทำให้ขาดความรู้ ความเข้าใจ การดูแลสุขอนามัย รวมถึงการใช้ผ้าอ้อมผู้ใหญ่อย่างถูกวิธี ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญเพราะส่งผลต่อสุขภาพกายและใจทั้งผู้สูงอายุและผู้ดูแล ดังนั้น เพื่อเป็นการส่งเสริมความรู้ให้เข้าถึงผู้สูงอายุและผู้ดูแล ซึ่งบริษัทฯ เห็นความสำคัญในการสนับสนุนการทำงานของภาครัฐ ทำให้เกิดการลงนามความร่วมมือครั้งนี้ เพื่อมุ่งเสริมสร้างการมีสุขอนามัยที่ดีเพื่อสนับสนุนการมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นของผู้สูงอายุในประเทศไทย
ทั้งนี้ ความร่วมมือดังกล่าว บริษัทฯ จะให้ความสำคัญกับเรื่องของการศึกษานวัตกรรม ผลิตภัณฑ์เพื่อให้เกิดประโยชน์กับผู้ใช้งาน รวมถึงการจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ต่างๆ โดยมุ่งนำเสนอสื่อความรู้เกี่ยวกับการดูแลผู้สูงอายุออกมาในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายให้ได้มากที่สุด เพื่อดูแลสุขอนามัยของผู้สูงอายุแบบองค์รวม ร่วมกับ กระทรวง พม. โดย ผส. เผยแพร่ไปยังหน่วยงานต่างๆ ในสังกัด เพื่อให้ผู้สูงอายุได้รับความรู้สิทธิพื้นฐาน จัดการฝึกอบรมให้แก่บุคลากรและอาสาสมัคร ร่วมกันเสริมสร้างความเชี่ยวชาญในการดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วย นอกจากนี้ บริษัทฯ จะจัดส่งเจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลผู้สูงอายุโดยร่วมเป็นวิทยากรในกิจกรรมต่างๆ ของ ผส. ซึ่งคาดว่าในปีนี้ จะสามารถเผยแพร่ความรู้ไปยังผู้สูงอายุและผู้ดูแลได้มากกว่า 30,000 ราย บริษัทฯ มุ่งหวังว่าการลงนามความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยยกระดับความเป็นอยู่ทางด้านสุขภาพและสุขอนามัยแบบองค์รวมของผู้สูงอายุ ส่งเสริมให้เกิดการฟื้นฟูสมรรถภาพ ทั้งทางด้านร่างกาย และจิตใจ