4 คุณประโยชน์ของน้ำผึ้ง ช่วยป้องกันโรค
สรรพคุณและประโยชน์ของน้ำผึ้ง ที่เราควรรู้ น้ำผึ้ง คือน้ำหวานที่ผึ้งเก็บมาจากต่อมน้ำหวานของดอกไม้ โดยผึ้งจะกลืนน้ำหวานลงสู่กระเพาะน้ำหวาน ซึ่งจะมีเอนไซม์ช่วยย่อยน้ำหวานแล้วนำมาเก็บไว้ในหลอดรวงผึ้ง จากนั้นน้ำผึ้งค่อยๆบ่มตัวเองโดยการระเหยน้ำออกไปจนน้ำผึ้งมีปริมาณน้ำตามที่เข้มข้นขึ้นจนได้ระดับที่เหมาะสมกับการเก็บรักษาผึ้งงานก็จะปิดฝาหลอดรวง เราเรียกน้ำผึ้งนี้ว่า “น้ำผึ้งสุก” เป็นน้ำผึ้งที่ได้มาตรฐาน คือมีน้ำอยู่ไม่เกินร้อยละ 20-21 แต่ถ้าหากเก็บน้ำผึ้งในหน้าที่มีน้ำมากไม่มีการระเหยน้ำออกมาให้อยู่ในมาตรฐานอาจทำให้เกิดกระบวนการหมัก ทำให้น้ำผึ้งมีรสเปรี้ยวและเกิดแก๊สขึ้น อาจมีการระเบิดได้ถ้าเก็บไว้ในขวดแก้วที่ปิดสนิท ดังนั้นคนโบราณจึงนิยมให้ใช้น้ำผึ้งเดือนห้า เพราะปริมาณน้ำน้อยและมีดอกไม้หลายชนิดบานในช่วงเวลาดังกล่าว
คุณภาพของน้ำผึ้งที่ได้มานั้นย่อมขึ้นอยู่กับวัตถุดิบ หรือชนิดของเกสรดอกไม้ที่ผึ้งได้ไป รวมถึงแหล่งของพืชและพื้นดินนั้นๆ ที่ผึ้งเจริญเติบโตอยู่ เพราะฉะนั้นน้ำผึ้งที่ได้จากรังผึ้งในป่าใหญ่ จึงมีความสมบูรณ์และมีแร่ธาตุอาหารที่แตกต่าง จากน้ำผึ้งเลี้ยง ส่วนน้ำผึ้งเลี้ยงจะมีการเติมน้ำหวานจากน้ำตาลและเกสรเทียมซึ่งทำให้คุณค่าลดน้อยลงไป
วิธีสังเกตว่าเป็นน้ำผึ้งแท้จากธรรมชาติทำได้โดยการนำน้ำผึ้งใส่ไว้ในขวด ตั้งทิ้งไว้สักพัก จะพบว่ามีเกสร ดอกไม้ลอยอยู่ด้านบน ซึ่งเป็นลักษณะตามธรรมชาติของน้ำผึ้งป่านั่นเอง
สำหรับสายสุขภาพนิยมนำน้ำผึ้งใส่ลงในเครื่องดื่มแทนน้ำตาล เพราะเป็นสารให้ความหวานจากธรรมชาติ มีส่วนผสมของวิตามินและแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากถึง 31 ชนิด เช่น ฟอสฟอรัส แคลเซียม โพแทสเซียม แมกนีเซียม เป็นต้น โดยวารสาร BMJ Evidence-Based Medicine ได้รวบรวมข้อเท็จจริงจากงานวิจัยที่กล่าวถึง 4 คุณประโยชน์ของน้ำผึ้งดีต่อสุขภาพ มีอะไรบ้าง มาดูกันค่ะ
1.ช่วยรักษาโรคติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน (URI)
เมื่อเทียบกับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะแล้ว น้ำผึ้งช่วยบรรเทาความรุนแรงของอาการไอได้ใกล้เคียงกัน โดยจากการศึกษาในปี 2560 ของนักวิทยาศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ ค้พบว่า สารต้านจุลชีพที่ผลิตโดยผึ้งอาจกลายเป็นกุญแจสำคัญสำหรับการปรุงยาปฏิชีวนะชนิดใหม่ที่อาจส่งผลไม่ให้ผู้ป่วยมีอาการดื้อยาได้
2.ช่วยต่อสู้กับโรคเมตาบอลิก
น้ำผึ้งมีดัชนีน้ำตาลต่ำ จึงไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดและอินซูลินพุ่งสูงขึ้น และยังช่วยป้องกันการเพิ่มของน้ำหนักตัวที่มากเกินไป ใช้วิธีเผาผลาญไขมันโดยการลดไตรกลีเซอไรด์ รวมทั้งคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL) แต่ในขณะเดียวกันก็ช่วยเพิ่มคอเลสเตอรอลที่ดี (HDL) อีกด้วย
3.ช่วยป้องกันหลอดเลือดแดงแข็งตัว
ในน้ำผึ้งมีสารมากกว่า 180 ชนิด ซึ่งรวมถึงน้ำตาลจากธรรมชาติ วิตามิน แร่ธาตุ และไฟโตเคมีคอลมากมาย นักวิจัยกล่าว่า สารต้านอนุมูลอิสระและสารต้านการอักเสบในน้ำผึ้งสามารถช่วยต่อต้านความเครียดจากปฏิกิริยาออกซิเดชั่น และยังช่วยป้องกันการเกิดอนุมูลอิสระเมื่ออายุมากขึ้น
4.ช่วยให้ลำไส้แข็งแรง
เนื่องจากน้ำผึ้งมีคุณสมบัติเป็นพรีไบโอติก ที่จะไปช่วยกระตุ้นการทำงานของแมกโครเฟจ ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันในทางเดินอาหารดีขึ้น และช่วยเพิ่มจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ลดโอกาสการติดเชื้อในลำไส้ลงได้
คุณสามารถเพลิดเพลินกับน้ำผึ้งในเมนูอาหาร ขนมหวาน และเครื่องดื่มมากมาย โดยเปลี่ยนจากน้ำตาลทรายขาว 1 ถ้วย เป็นน้ำผึ้งเพียงครึ่งถ้วย ก็ให้รสชาติหวานอร่อยไม่แพ้กัน แถมยังไม่ทำให้เสียสุขภาพหากกินในปริมาณที่เหมาะสม และแม้จะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็ใช่ว่าจะใช้ได้กับทุกคน บุคคลที่มีปัญหาสุขภาพต่อไปนี้ ควรระมัดระวังหรือจำกัดการดื่มน้ำผึ้ง เช่นผู้ป่วยโรคเบาหวาน เพราะมีน้ำตาลแคลอรี่สูง หากรับประทานมากเกินพอดีจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้น
ที่มา: นิตยสารชีวจิต ฉบับ 537
บทความอื่ๆ ที่น่าสนใจ
น้ำผึ้ง เป็นได้ทั้งอาหารและยา
ไขข้อข้องใจ น้ำผึ้งกับผู้ป่วยเบาหวาน กินได้หรือไม่ มากน้อยเท่าไร
ข้อควรระวังใช้ น้ำผึ้ง เสี่ยงป่วย