The New Dutch Cuisine by Master Chef Albert Kooy เปิดประสบการณ์สัมผัสรสชาติอาหารดัตช์ แนวใหม่กับมาสเตอร์เชฟอัลเบิร์ทคอยด์ ที่โรงแรมเดอะเวสทิน แกรนด์ สุขุมวิท ในวันที่ 13-17 กันยายนนี้
เมื่อพูดถึงเนเธอร์แลนด์หลายคนคงคุ้นเคยกับภาพทุ่งทิวลิปและกังหันลมมากกว่าเมนูอาหารเป็นแน่แต่ถ้าพูดถึงแพนเค้กและวอฟเฟิลสอดไส้คาราเมล (Stroopwafels) รวมถึงชีสยอดนิยมทั้งหลายว่ามาจากดินแดนนี้หลายท่านคงเริ่มคุ้นเคยขึ้นมาบ้างแล้ว
เกริ่นมาแบบนี้จะเป็นอื่นไปไม่ได้เพราะเรากำลังจะชวนคุณไปรู้จักอาหารดัตช์ โดยมีมาสเตอร์เชฟชาวดัตช์คนสำคัญมร.อัลเบิร์ทคอยด์ (Albert Kooy) ประธานและเชฟบริหารของมหาวิทยาลัยสเตนเดนประเทศเนเธอร์แลนด์ที่ได้รับรางวัล “เอสวีเอชมาสเตอร์เชฟ” (SVH Master Chef)
ซึ่งเป็นตำแหน่งสูงสุดของบุคคลากรในสายงานการปรุงอาหารจากสถาบัน StichtingVakbekwaamheidHoreca (SVH) หรือธุรกิจอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริการของประเทศเนเธอร์แลนด์มาโชว์ฝีมือในเทศกาลอาหารดัตช์ ในวันที่ 13-17 กันยายนนี้ ที่โรงแรมเดอะเวสทิน แกรนด์ สุขุมวิท ต้องบอกก่อนว่างานนี้เป็นครั้งแรกที่เชฟจะมาเปิดประสบการณ์การรับประทานอาหารดัตช์ในเมืองไทยและพิเศษกว่านั้นคือ เชฟได้รังสรรค์เมนูอาหารดัตช์แนวใหม่ตามแนวคิดปรัชญาการปรุงอาหารแบบ The New Dutch Cuisine ที่คิดค้นขึ้นเองไว้ได้อย่างน่าสนใจด้วย
เชฟอัลเบิร์ทเล่าที่มาของแนวคิดดังกล่าวไว้ว่าคำว่า “สุขภาพ” กับการปรุงอาหารแบบเชฟนั้นเป็นเรื่องที่ไกลกันมากเพราะเชฟต้องให้ความสำคัญกับความ “อร่อย” และเลือกสุดยอดวัตถุดิบชั้นดีมาปรุงก่อนเสมอเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคให้มากที่สุด
แต่เมื่อ 15 ปีที่แล้วเชฟอัลเบิร์ทเริ่มเปลี่ยนการใช้ชีวิตหันมาใส่ใจเรื่องของสุขภาพมากขึ้น จึงเกิดความคิดที่จะปรุงอาหารที่คำนึงถึงสุขภาพของผู้รับประทานอาหารมากขึ้นและไม่เพียงแต่สุขภาพของผู้บริโภคเท่านั้นแต่เชฟยังหมายความรวมไปถึงสุขภาพของแหล่งผลิต สิ่งแวดล้อม ที่การปรุงอาหารจำเป็นต้องมีส่วนรับผิดชอบต่อทั้งความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม ธรรมชาติคุณภาพชีวิตของผู้ผลิตสุขภาพของผู้รับประทานไปพร้อมๆ กัน
แนวคิดสำคัญของเชฟจึงเกิดขึ้น ซึ่งเป็นหัวใจหลักของอาหารดัตช์แนวใหม่ (The New Dutch Cuisine ) โดยมีคำสำคัญที่เชฟนิยามไว้อยู่ 5 คำได้แก่
1.วัฒนธรรม(Culture)เลือกปรุงอาหารที่แสดงถึงวัฒนธรรม ทั้งในด้านของรสชาติวัตถุดิบวิธีการปรุงมีที่มาและความหมายความทรงจำในจานอาหาร
2.สุขภาพ (Health) มอบสุขภาพที่ดีทั้งกับร่างกายจิตใจและโลกโดยเน้นที่การบริโภคผักให้มากกว่าเนื้อสัตว์
3.ธรรมชาติ (Nature)ใช้วัตถุดิบที่ธรรมชาติมีให้อย่างคุ้มค่าไม่เติมสารปรุงแต่งหรือสารเสริมใดๆ ทุกอย่างต้องมาจากธรรมชาติอย่างแท้จริง
4.คุณภาพ (Quality) ให้ความสำคัญกับวัตถุดิบและส่วนผสมแต่ละอย่างที่จะมาอยู่บนจานอาหารมีที่มาของอาหารชัดเจน ปลอดภัย
5.กำไร (Profits)ทั้งต่อผู้บริโภคผู้ผลิตและสิ่งแวดล้อมเพราะการลดการกินเนื้อสัตว์ก็ช่วยให้ประหยัดและเกิดประโยชน์คืนกลับผู้บริโภคได้อีกทาง
เชฟยังเสริมอีกว่าอาหารตามแนวความคิดนี้คือ “80/20”
โดยอาหารแต่ละจานจะต้องมีผัก80%มีเนื้อสัตว์20%ใช้วัตถุดิบท้องถิ่น80%และจากที่อื่นเพียง20% เท่านั้น
ซึ่งเหล่านี้เป็นความท้าทายของเชฟที่จำเป็นต้องทำความรู้จักกับวัตถุดิบที่ธรรมชาติสร้างมาให้ในแต่ละฤดูกาลและแน่นอนว่ามักเป็นวัตถุดิบที่ดูไม่หวือหวาแต่เชฟจะต้องใช้ความสามารถนำมาปรุงได้อย่างสร้างสรรค์ให้ผู้รับประทานเข้าถึงรสชาติที่แท้จริงของอาหารจานนั้นๆ ได้
ได้รู้แบบนี้แล้ว ก็รู้สึกตื่นเต้นกับอาหารที่เชฟอัลเบิร์ทจะปรุงขึ้นในเทศกาลอาหารดัตช์ที่จะเกิดขึ้นเร็วๆนี้ขึ้นมาทันที เชื่อว่าในแต่ละจานต้องเปี่ยมด้วยวัตถุดิบที่ดีต่อสุขภาพ และไอเดียการนำเสนอที่น่าสนใจอย่างแน่นอน
ท่านที่สนใจขอเชิญมาลิ้มลองอาหารดัตช์ได้ใน “เทศกาลอาหารดัตช์” โดยระหว่างวันที่13-17 กันยายนนี้ จะมีเมนูอาหารดัตช์เสิร์ฟในบุฟเฟ่ต์อาหารเช้ากลางวันและเย็นณห้องอาหารSeasonal Tastesโรงแรมเดอะเวสทินแกรนด์สุขุมวิท
และมีดินเนอร์มื้อพิเศษ 6 คอร์สพร้อมไวน์โดยมาสเตอร์เชฟอัลเบิร์ทคอยด์ที่จะจัดเพียง 1 มื้อเท่านั้น ในวันเสาร์ที่ 16 กันยายน 2560 ณห้องอัลติจูดชั้นดาดฟ้า ราคา 2,750 บาทถ้วนต่อท่าน
สำรองที่นั่งและสอบถามรายละเอียดได้ที่โทร. 02 207 8000 หรืออีเมล์fb.bangkok@westin.com
FB:The Westin Grande Sukhumvit, Bangkok www.westingrandesukhumvit.com/en/store/sixcoursedutchcuisine
โรงแรมเดอะเวสทินแกรนด์สุขุมวิทตั้งอยู่ที่ 259 สุขุมวิท 19 , ถนนสุขุมวิทกรุงเทพฯใกล้แยกอโศก (รถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีอโศกทางออกที่ 5 และรถไฟใต้ดินเอ็มอาร์ทีสถานีสุขุมวิททางออกที่ 3)