ไอศกรีมซันเด (Sundae Ice Cream) คำว่า “ซันเด” นี้ มาจากสองเรื่องเล่า ซึ่งเกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา เรื่องแรกนั้นเริ่มต้นในปี ค.ศ. 1875 เป็นยุคทองของการขายไอศกรีมในรัฐอิลลินอยส์ และเมนูที่ขายดีที่สุดคือไอศกรีมโซดา และจะขายดีมากเป็นพิเศษในวันอาทิตย์เพราะเป็นวันหยุด รัฐบาลเลยออกกฎห้ามขายไอศกรีมโซดาวันอาทิตย์ บรรดาร้านไอศกรีมเลยต้องคิดสูตรใหม่เพื่อให้ขายได้เฉพาะวันอาทิตย์ โดยเปลี่ยนจากโซดาเป็นน้ำเชื่อมแทน แล้วให้ชื่อว่า “Ice Cream Sunday” แต่ก็ถูกห้ามใช้คำว่า Sunday เพราะเป็นวันสะบาโต (Sabbath) ถือเป็นวันสำคัญในการประกอบพิธีทางศาสนา จึงมีการเปลี่ยนการสะกดคำใหม่จาก Sunday เป็น Sundae แทน
ส่วนอีกเรื่องเล่าหนึ่งเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1892 โดยนายเชสเตอร์ แพลตต์ เจ้าของร้านไอศกรีมได้คิดเมนูใหม่ โดยตักไอศกรีมใส่ถ้วยแชมเปญ ราดด้วยไซรัปรสเชอร์รี่ แต่งหนา้ ดว้ ยเชอร์รแี่ ช่อ่มิก่อนขาย ทำให้ถูกอกถูกใจสำหรับลูกค้า เขาจึงเรียกเมนูนี้ว่า Cherry Sunday พร้อมกับให้เหตุผลว่า ไอศกรีมถ้วยนี้ได้เริ่มขายในวันอาทิตย์นั่นเอง
ไม่ว่าจะเป็นซันเดไหนก็ตาม ไอศกรีมชื่อคุ้นหูนี้ก็ยังถูกใจใครหลายคน เพราะด้วยสีสันที่น่ารับประทานจากเหล่าท็อปปิ้ง ทั้งผลไม้สดหลากชนิด ถั่วต่าง ๆ ซอส วิปปิ้งครีม และเชอร์รี่แช่อิ่มลูกสีแดงสด เสิร์ฟกับไอศกรีมนมรสต่าง ๆ 2 – 3 ก้อนในถ้วยแก้วปากแตร
เมนูนี้ H & C ขอเอาใจคนรักสุขภาพ เปลี่ยนไอศกรีมนมในเมนูซันเดเป็นซอร์เบต์ 2 รสชาติที่ให้ไว้ แล้วตกแต่งให้ครบรสถึงใจตามแบบฉบับกันไปเลย
ส่วนผสมซันเด (สำหรับ 1 ที่ )
- ซอร์เบต์มะนาว 1 ลูก
- ซอร์เบต์สตรอว์เบอร์รี่ 1 ลูก
- ฟรุตสลัด ¼ ถ้วย
- ซอสสตรอว์เบอร์รี่ 2 ช้อนโต๊ะ
- วิปปิ้งครีมตีฟู 2 ช้อนโต๊ะ
- อัลมอนด์อบสุกสับหยาบ 1 ช้อนโต๊ะ
- เชอร์รี่แช่อิ่ม 1 ลูก
วิธีจัดเสิร์ฟ
ทำโดยตักไอศกรีมมีทั้ง 2 รสใส่ลงในภาชนะเติมฟรุตสลัดลงไป แล้วราดซอสสตรอว์เบอร์รี่บีบวิปปิ้งครีม โรยอัลมอนด์ลงไป ก่อนวางเชอร์รี่บนวิปปิ้งครีม พร้อมเสิร์ฟ
พลังงานต่อหนึ่งหน่วยบริโภค 238.27 กิโลแคลอรี
โปรตีน 2.73 กรัม ไขมัน 6.59 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 45.04 กรัม ไฟเบอร์ 2.46 กรัม