พระโมคคัลลานะทรมาน เศรษฐีขี้ตระหนี่
เศรษฐีขี้ตระหนี่ ที่มีบุญสามารถเป็นพระโสดาบันได้ เพียงแค่ต้องละความตระหนี่ พระโมคคัลลานะจึงแสดงฤทธิ์ให้เศรษฐีละจากความยึดติดในความตระหนี่ของตน
มีเศรษฐีอยู่คนหนึ่งมีนิสัยขี้ตระหนี่ และหวงของมาก วันหนึ่งภรรยาของเศรษฐีอยากทำขนมเบื้องด้วยสูตรประจำตระกูลแจกให้เพื่อนบ้านได้กิน เศรษฐีก็ห้ามภรรยาทำเช่นนั้น ภรรยาจึงตัดสินใจว่าเช่นนั้นทำให้เศรษฐีกินคนเดียว เศรษฐีเกรงว่ากลิ่นของขนมเบื้องจะส่งกลิ่นไปจนเพื่อนบ้านได้กลิ่น แล้วจะมาขอแบ่งขนมเบื้อง เศรษฐีจึงให้ภรรยาขึ้นไปทำขนมเบื้องบนปราสาทชั้นที่ 7
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงทราบการกระทำของเศรษฐีด้วยทิพยญาณ พระองค์ทรงเห็นว่าต้องทำให้เศรษฐีละจากความตระหนี่ เพราะเศรษฐีมีสิทธิ์บรรลุเป็นพระโสดาบัน พระพุทธเจ้าทรงเรียกพระโมคคัลลานะเข้าเฝ้า พระองค์โปรดให้พระโมคคัลลานะทรมานเศรษฐีเพื่อให้ละความตระหนี่ โดยทรงกำชับว่าต้องให้เศรษฐีพร้อมด้วยภรรยานำขนมเบื้องมาถวายเราและพระภิกษุในพระเชตวันแห่งนี้ทั้ง 500 รูป
พระโมคคัลลานะได้รับพุทธบัญชาก็เหาะทะยานไปในอากาศด้วยฤทธิ์มุ่งไปยังปราสาทชั้นที่ 7 ของเศรษฐี เศรษฐีเห็นพระโมคคัลลานะมาปรากฏที่ชั้น 7 ก็ประหลาดใจ ทั้งยังด่าว่าว่าถึงจะมาขอบิณฑบาตขนมเบื้อง เราก็จะไม่ให้ พระโมคคัลลานะจึงแสดงให้ควันไฟกระจายไปทั่วปราสาท
ภรรยาเศรษฐีจึงขอเศรษฐีทำขนมเบื้องชิ้นเล็ก ๆ ถวายพระเสีย จะได้จบปัญหา พอนางหยดขนมลงเตาปรากฏว่าทำมากี่ชิ้น ขนมเบื้องก็ออกมาใหญ่เกินขนาด เศรษฐีจึงตัดสินใจถวายขนมเบื้องไปชิ้นหนึ่ง ถึงจะใหญ่เกินความตั้งใจก็ตาม พอเศรษฐีจับขนมเบื้องขึ้นมา ขนมชิ้นต่างๆก็เกาะติดขึ้นมาด้วย เศรษฐีพยายามดึงขนมออกจากกัน แต่ก็ไม่เป็นผล จึงตัดสินใจยกขนมเบื้องทั้งหมดแด่พระโมคคัลลานะ
เมื่อขนมเบื้องเหล่านั้นลงในบาตรของพระโมคคัลลานะแล้ว จึงหลุดออกเป็นชิ้นสวยงามน่ารับประทาน พระโมคคัลลานะอนุโมทนาในการถวายขนมเบื้องครั้งนี้ของเศรษฐีและภรรยา ท่านจึงเทศนาเรื่องการให้ทานจนเศรษฐีและภรรยาเกิดความเลื่อมใส
พระโมคคัลลานะเปรยว่าพระพุทธเจ้าทรงปรารถนาเสวยขนมเบื้องนี้เช่นกัน เศรษฐีดีใจจึงถามพระโมคคัลลานะถึงที่ประทับของพระองค์
พระโมคคัลานะตอบว่า พระองค์ประทับอยู่ที่พระเชตวัน หากเศรษฐีและภรรยาปรารถนาจะถวายขนมเบื้องแด่พระพุทธเจ้า พร้อมด้วยพระสาวกทั้ง 500 จริง เราจะย่นระยะเวลาให้เศรษฐีและภรรยาไปถึงพระเชตวันเพียงก้าวพ้นประตูเรือนก็ถึงทันที
เศรษฐียินดีเป็นอย่างยิ่ง ให้ภรรยารีบทำขนมเบื้องขึ้นใหม่ แล้วติดตามพระโมคคัลลานะไปยังพระเชตวัน พอเศรษฐีก้าวเท้าพ้นหน้าบ้านไม่เท่าไรก็มาถึงพระเชตวันทันที
ภาพของพระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระสาวกปรากฏอยู่ต่อเบื้องหน้า เศรษฐีและภรรยาถวายขนมเบื้องแด่พระพุทธเจ้าและพระสาวก ถวายจนพระพุทธเจ้าและพระสาวกอิ่ม ขนมเบื้องนั้นก็ยังเหลือเป็นปริมาณมาก ภรรยานำไปแจกให้คนบริเวณพระเชตวันเท่าไร ขนมเบื้องก็ยิ่งเหลือ
พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า หากจะให้ขนมเบื้องเหล่านั้นหมด เจ้าทั้งสองต้องทิ้งมันเสีย เศรษฐีทำใจอยู่นานจนสุดท้ายก็สละขนมเบื้องนั้นทิ้ง ขนมเบื้องที่ทิ้งไปนานก็มลายหายไปเป็นอากาศธาตุ เศรษฐีละความตระหนี่จนเป็นพอพระทัยพระพุทธเจ้า เศรษฐีเข้าใจถึงการให้ทาน และการสละความตระหนี่แล้ว จึงชอน้อมบูชาพระรัตนตรัยตั้งแต่นี้เป็นต้นไป
ที่มา :
หนังสือ พระโมคคัลลานะ มหาสาวกผู้เป็นเลิศในทางฤทธิ์ เรียบเรียงโดย ธรรมจักร ฟักสุวรรณ์