ความสำเร็จ ที่ไม่ได้มาจากโชคชะตา แต่มาจากความ “มีอันจะทำ” ของคุณฉัตรแก้ว คชเสนีย์
“นักธุรกิจสตรีดีเด่นประจำภาคใต้” เธอได้รับการยกย่องเช่นนั้น…
เธอเป็นใคร มาจากไหน มีความเป็นมาก่อนที่จะมาเป็น “สตรีดีเด่น”อย่างไร เราไม่สามารถหาข้อมูลได้ สิ่งที่ทราบมีเพียง ชื่อ - สกุล “ฉัตรแก้ว คชเสนีย์” ตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการบริษัทฉัตรทอง พร็อพเพอร์ตี้ บริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ผู้คนในภาคใต้ต่างรู้จักเท่านั้น
…ทันทีที่คุณฉัตรแก้วเดินเข้ามา เราก็เริ่มต้นสัมภาษณ์ในบรรยากาศที่เป็นกันเองเธอหัวเราะเมื่อเราบอกว่า ประวัติเธอช่างลึกลับ ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องของตัวเองให้ฟัง…
“บ้านเรามีพี่น้อง 7 คน พี่เป็นคนที่ 2 เป็นลูกสาวคนโต แม่เป็นแม่ค้าขายของในตลาด ทำงานเช้าถึงค่ำทุกวัน พ่อก็ค้าขายตามแต่โอกาส พอถึงหน้าเงาะ ก็รับเงาะมาขาย ถึงหน้าไก่ ก็ซื้อไก่
“พ่อเป็นคนมุ่งมั่น แต่ด้วยความที่โชคไม่ค่อยดี หรือคงเพราะไม่มีความรู้ ทำให้ทำอะไรไม่ค่อยประสบความ สำเร็จ แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ยังเห็นพ่อทำงานหนัก ล้มลุกคลุกคลานอยู่จนเราโต พ่อบอกเสมอว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เราต้องไม่โกงใคร” เมื่อนึกถึงพ่อคราใด ภาพที่พวกเราจดจำได้ไม่ลืมคือ ไม่ว่าจะล้มกี่ครั้ง พ่อจะลุกขึ้นมาใหม่ได้เสมอ
แม้จะไม่ร่ำรวยเงิน แต่ครอบครัวนี้กลับร่ำรวยความรัก ทุกเช้าแม่ของคุณฉัตรแก้วจะไปขายของที่ตลาดแต่เช้ามืดส่วนพ่อก็ขี่จักรยานไปส่งเด็ก ๆ ที่โรงเรียนพอถึงเวลาเที่ยง คุณย่าก็จะไปส่งกับข้าวเด็ก ๆ จะมานั่งรวมตัวกันเพื่อทานอาหารคุณย่าก็จะใช้ช่วงเวลานั้นสอนเด็ก ๆ
“ตอน ป. 1 เคยสอบตก ได้ที่สุดท้ายของห้อง เพราะเรามักจะไปช่วยแม่ค้าขายมากกว่า พ่อเลยบอกว่า ถ้าสอบตกจะไม่ให้เรียน พอปลายเทอมเลยตั้งใจเรียนจนสอบได้ที่ 9 ของห้อง”
ทุกวันเสาร์ - อาทิตย์ คุณฉัตรแก้วจะทำหน้าที่พาน้อง ๆ หิ้วปิ่นโตออกไปทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อเก็บสตางค์ไว้ใช้เป็นค่าขนมบางคนไปรับจ้างปอกหัวหอม บ้างไปหั่นกุ้งปอกกระเทียม หรือห่อลูกอม
เมื่อโตขึ้น จากที่เคยเป็นลูกจ้างคุณฉัตรแก้วเริ่มรับของมาขาย ขนมบ้างข้าวต้มมัดบ้าง โตขึ้นมาอีกหน่อยก็ขายฉลากจับเบอร์ โตขึ้นอีกนิดจึงขอให้ที่บ้านทำเพิงเพื่อทำลอดช่องขาย
“ราว ๆ ม. 3 ที่บ้านเริ่มวิกฤติจากการที่พ่อส่งข้าวสารไปขายมาเลย์ แม่ก็เลยต้องตระเวนซื้อข้าวสารในหาดใหญ่ โดยขอเชื่อเขาไว้ก่อน สุดท้ายเรือล่ม ข้าวสารจมลงทะเลหมด พ่อกับแม่ต้องกลายเป็นหนี้พอไม่มีเงินจ่ายหนี้ก็เลยต้องหนีไป”
ราวกับเคราะห์ซ้ำกรรมซัด เมื่อหัวหน้าครอบครัวทั้งสองคนต้องระหกระเหินออกจากบ้าน ลูก ๆ จึงต้องช่วยกันทำงานหาเงินตัวเป็นเกลียว ในช่วงเวลานั้นเองแม่ก็ส่งข่าวมาบอกว่าเป็นมะเร็ง…
“ช่วงนั้นปิดเทอม เราเริ่มไม่อยากเรียนแล้ว เพราะแม่เป็นมะเร็ง ทำให้ไม่มีเงินเรียน และเราต้องเป็นหัวหน้าครอบครัวแถมตอนนั้นย่าก็เป็นอัมพาตพอดี…หลังเลิกเรียนต้องรีบไปหาย่าที่โรงพยาบาลประสาทที่อยู่อีกจังหวัดหนึ่ง เพื่อทำกายภาพบำบัดเสร็จแล้วก็อ่านหนังสือ นอน ตอนเช้าต้องตื่นมาช่วยเช็ดตัว ทำกายภาพบำบัดให้ย่า แล้วรีบไปขึ้นรถเที่ยวแรกให้ทันเข้าโรงเรียน” ชีวิตของเธอวนเวียนอยู่อย่างนี้กว่า 3 - 4 เดือน ก่อนที่ผู้เป็นย่าจะได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้
ความทุกข์และความลำบากที่โหมกระหน่ำเข้ามาทำให้เธอเกือบท้อแท้ ทว่าคำพูดของน้าสาวที่ว่า “คนเราอย่าอยู่ให้เขาสงสาร ทำอย่างไรก็ได้ให้คนอื่นเขาอิจฉา”ทำให้คุณฉัตรแก้วตัดสินใจปาดน้ำตาแล้วกัดฟันสู้ต่อ จนสามารถสอบเข้าเรียนเคมีที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้
“ตอนที่เรียนอยู่ ไปฝึกงานที่กรมวิชาการเกษตร ด้วยความที่ขยัน เวลารุ่นพี่ใช้อะไรเราก็ทำ พอเราจบปุ๊บ เขาก็เลยชวนไปสมัครงานในกรมส่งเสริมการเกษตรเป็นลูกจ้างชั่วคราว แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรมากเลยออกมาทำโรงงานปลากระป๋อง ‘โชติวัฒน์’ที่เพิ่งเปิด ตำแหน่งผู้ช่วยฝ่ายผลิต ตอนอายุ 24 ปี
“โรงงานเปิดเจ็ดแปดโมง แต่ไม่ว่าจะเลิกกี่โมงก็ตาม เราต้องเดินออกมาจากโรงงานเป็นคนสุดท้าย งานทุกอย่างเราจะเข้าไปฝึกหัด เข้าไปคลุกคลีกับคนงานตลอดเลยทำได้หมดทุกอย่าง ‘ทุกอย่าง’ ที่ว่านี้หมายถึงสากกะเบือยันเรือรบ ตั้งแต่ตรวจเอกสารยันติดฉลากปลากระป๋อง”
ด้วยความที่จบเคมี ไม่ใช่ฟู้ดไซน์ (สายอาหาร) โดยตรง คุณฉัตรแก้วจึงต้องอาศัยความพยายามมากกว่าคนอื่น ตั้งแต่ไปขอคำแนะนำจากอาจารย์มหาวิทยาลัย ขอความรู้จากเพื่อน ไปฝึกงานที่โรงงานอื่น หรือแม้แต่ไปค้นหาหนังสือจากกระทรวงทบวงกรมต่าง ๆ แล้วถ่ายเอกสารมาอ่านด้วยตัวเอง
“ตอนที่ทำงานอยู่ บางทีก็มีลูกน้องที่กร่าง ๆ แต่เก่ง เป็นพวกหัวกะทิ จะมารังแกเราก็มี แต่พ่อเคยสอนตั้งแต่เล็ก ๆ ว่าเราต้องสู้ จะกลัวไม่ได้ พ่อบอกว่า คนเราต้องมีทั้ง ‘พระเดชและพระคุณ’ พระเดชคือการใช้อำนาจอย่างเหมาะสม และพระคุณคือเอื้อเฟื้อ มีน้ำใจกับเขา เพราะฉะนั้นใครที่ดี เราเลี้ยงดีมาก แต่ใครที่ไม่ดีเราต้องกล้าเชือดเลย”
จากนั้นไม่นาน คุณฉัตรแก้วก็แต่งงานและใช้ชีวิตร่วมกับสามีอย่างมีความสุข ทว่า…หลังจากมีลูกคนที่ 3 สามีก็เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ
“ตอนนั้นพี่ชายบอกว่า ถ้าเรายังเป็นลูกจ้างคงไปไม่ถึงไหน เลยตัดสินใจลาออกมาทำปั๊มน้ำมัน ก่อนจะทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ตั้งบริษัทฉัตรทอง พร็อพเพอร์ตี้ขึ้นมา”
ทว่า…ปี 2540 วิกฤติต้มยำกุ้งส่งผลกระทบต่อธุรกิจทุกภาครวมถึงธุรกิจของคุณฉัตรแก้วที่ทำเอาเธอแทบล้มทั้งยืน
“ด้วยความที่เราไม่เชี่ยวชาญในการทำธุรกิจ เลยปล่อยหนี้ ปล่อยเครดิต พอปี 40 ธุรกิจอสังหาฯล้ม เราก็เลยสะเทือนตอนนั้นออฟฟิศยังเป็นห้องแถว เช้า ๆ พอส่งลูกไปโรงเรียนเสร็จก็กลับมานั่งกลุ้มแต่ไม่เคยคิดฆ่าตัวตาย เพราะแม่บอกว่าให้ดูคนอื่น ๆ ที่เขามีหนี้เป็นพันเป็นหมื่นล้าน เรามีหนี้แค่ร้อยล้านเอง
“ตอนแรกคิดจะปิดกิจการ เพราะตอนนั้นหากเขายึดบริษัท ยึดทรัพย์ไปก็ยังพอใช้หนี้ได้ แต่เราคำนึงถึงลูกน้องที่เขาร่วมเดินทางเติบโตมาพร้อมกับเรา เลยบอกตัวเองว่าล้มไม่ได้” สุดท้ายคุณฉัตรแก้วก็เลือกที่จะประคองบริษัทต่อไป แม้ยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรก็ตาม
“หลังจากนั้น 2 - 3 ปี น้องชายแนะนำให้ไปเรียน Effective Personal Productivity Program กับอาจารย์จุมพจน์ เชื้อสายซึ่งทำให้เราเปลี่ยนทัศนคติ เปลี่ยนพฤติกรรมทุกอย่าง และตั้งเป้าหมายชีวิตได้ชัดเจนกว่าเดิม ตอนนั้นบอกตัวเองเลยว่า ‘เราเคยจนเคยลำบากมาแล้ว เราจะไม่ยอมกลับไปลำบากอีกแล้ว’” และเป้าหมายนั้นเองส่งผลให้คุณฉัตรแก้วกู้ธุรกิจตัวเองกลับคืนมาได้
ปัจจุบันคุณฉัตรแก้วขึ้นแท่นเป็นผู้บริหารกรรมการผู้จัดการและมีหุ้นอยู่ในกลุ่มบริษัทเครือฉัตรทอง ซึ่งมีทั้งกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มน้ำมันเชื้อเพลิง และกลุ่มการเกษตร อาทิ บริษัทพีแอนด์ซีปิโตรเลียม บริษัทสตูล อความารีน คัลเจอร์จำกัด และอื่น ๆ อีกกว่า 9 บริษัท…และเป็นนักธุรกิจสตรีดีเด่นประจำภาคใต้
“ทุกวันนี้ถือว่าประสบความ สำเร็จ แล้วเพราะว่าเรามาจากดิน คือมาจากระดับล่างคนทั่วไปอาจจะพูดว่าเรามีอันจะกิน แต่จริง ๆ แล้วเราเป็นคน ‘มีอันจะทำ’ มากกว่า คืออยากจะทำอะไรก็ได้ทำ ได้ผู้ใหญ่สนับสนุนอยากทำกิจกรรม ช่วยงานตรงไหนก็มีคนให้เราไปช่วย แค่นี้ก็พอใจแล้ว” เพราะความพยายามอย่างไม่หยุดยั้งในการ “มีอันจะทำ” นั้นเอง ส่งผลให้เธอประสบความสำเร็จอย่างเช่นทุกวันนี้…
เรื่อง ณัฐนภ ตระกลธนภาส
ภาพ วรวุฒิ วิชาธร
บทความน่าสนใจ
อรรณพ จิรกิติ เจ้าของสีลมคอมเพล็กซ์ นักธุรกิจผู้คืนกำไรสู่สังคม
อาจารย์หมอประทีป ไวคำนวณ เมื่อชีวิตพลิกจากนักธุรกิจสู่การเป็นหมอจิตอาสา
นักธุรกิจผู้ยึดหลัก อิทธิบาท4 และตื่นรู้อยู่กับปัจจุบัน เป้ พงศกร พงษ์ศักดิ์
ทนง ลี้อิสสระนุกูล นักธุรกิจหมื่นล้าน ผู้บริหารธุรกิจตามรอยพระยุคลบาท
ชลิดา อนันตรัมพร เพราะเป็น “แม่” จึงมีวันนี้ นักบัญชีผู้พลิกชีวิตเป็นนักธุรกิจพันล้าน
ดร.บุญยง ว่องวานิช ผู้เป็นดั่งอริยทรัพย์ในพุทธศาสนา
กว่าจะมีวันนี้ “ โจว ฉุนเฟย ” เศรษฐีจีน ผู้เป็นต้นแบบของความเพียร
หลิง จันทิมา ติยะวัชรพงศ์ เจ้าของสินค้าสุขภาพแบรนด์ Healthy Mate กับการค้นพบธรรมะ