อังกาบหนู ข้อเท็จจริงที่ทุกคนควรรู้
อังกาบหนู สมุนไพรยอดดฮิต ที่ประชาชนแห่กันหามาปลูก เพราะเชื่อว่าสามารถรักษาโรคมะเร็งได้ เเต่จะเป็นจริงดังกล่างอ้างหรือไม่ มาฟังคำตอบจาก กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ร่วมกับภาคีเครือข่าย ร่วมชี้แจงข้อเท็จจริง สมุนไพรอังกาบหนูกันครับ
เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2561 ที่ผ่านมา นายแพทย์ขวัญชัย วิศิษฐานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันการแพทย์แผนไทย ในฐานะรองโฆษกกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก พร้อมด้วย ดร.ภญ.สุภาภรณ์ ปิติพร หัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรม โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรและคณะ ร่วมแถลงข่าวข้อเท็จจริงเกี่ยวกับข้อมูล สมุนไพรอังกาบหนู ซึ่งก่อนหน้านี้มีประชาชนจำนวนมาก ได้รับข้อมูลจากสื่อออนไลน์ โดยอวดอ้างสรรพคุณสามารถรักษาโรคมะเร็งได้
รสยาของอังกาบหนู สามารถรักษาโรคมะเร็งได้
อังกาบหนู ถือว่าเป็นสมุนไพรพื้นบ้าน พบทั่วไปในทุกภูมิภาคในประเทศไทย ในคัมภีร์แพทย์แผนไทยโบราณพบว่า อายุรเวทอินเดียใช้อังกาบหนูในตำรับยาของอินเดียหลายตำรับ แต่เท่าที่มีข้อมูลยังไม่มีตำราเล่มใดที่นำมาใช้ในเรื่องมะเร็ง
เพียงแต่หลักทั่วไปของสมุนไพร จะพิจารณาจากตัวสมุนไพรว่ามีรสยาเป็นอย่างไร ซึ่งข้อมูลที่น่าสนใจ ใบอังกาบหนู มีรสเย็น รสเบื่อเมา ซึ่งรสเบื่อเมาในตำรับยาหลายตำรับ นิยมนำมาปรุงเป็นตำรายาช่วยรักษามะเร็งอยู่หลายตำรับ ตัวอย่างเช่น ข้าวเย็นเหนือ ข้าวเย็นใต้ หัวร้อยรู
จากการศึกษาวิจัยของ มหาวิทยาลัยมหิดลได้ดำเนินการศึกษาอยู่ ทั้ง 3 ชนิดที่กล่าวมา ซึ่งมีรสเบื่อเมา พบว่าสามารถฆ่าเซลล์มะเร็งในหลอดทดลองได้ ทั้งนี้จะเห็นว่าสมุนไพรที่มีรสเบื่อเมาเกิดจากพิษ แต่การเป็นพิษต่อร่างกายก็จะเป็นพิษต่อเซลล์มะเร็งด้วยเช่นกัน
ดังนั้น ภูมิปัญญาแผนไทย การปรุงยาไม่นิยมทำเป็นสมุนไพรเดี่ยว นิยมทำเป็นยาตำรับผสมสมุนไพรหลายชนิดเพื่อลดพิษของสมุนไพรบางตัว เพื่อตัดพิษยาและแก้พิษยาให้ยาสามารถใช้ได้ปลอดภัยเป็นต้น
อังกาบหนูมีฤทธิ์กระตุ้นภูมิคุ้มกัน ลดการอักเสบ
อังกาบหนู จัดอยู่ตระกูลเดียวกันกับทองพันชั่ง ในอินเดียใช้น้ำคั้นจากใบ หรือเคี้ยวสดรักษาปัญหาในช่องปาก เช่น เหงือกเป็นหนอง แผลในปาก ฟันผุ ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยที่พบฤทธิ์ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียในช่องปากได้ หมอยาใช้ในการรักษาแผลทั้งภายในและภายนอก รักษาเริม งูสวัด หรือแม้แต้พิษงู สัตว์มีพิษ รวมถึงโรคริดสีดวงทวาร โรคกระเพาะอาหาร
หมอยาพื้นบ้านในบ้านเราก็ใช้กันแพร่หลาย สังเกตได้จากการที่พบเห็นขึ้นได้ง่ายทั่วไปทุกพื้นที่ มักใช้ในตำรับยาพื้นบ้านรักษาฝี ซึ่งจากการตีความสามารถเทียบเคียงได้กับโรคมะเร็งในปัจจุบัน
จากการศึกษาพบว่า สารสกัดต้นอังกาบหนู มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ เสริมภูมิคุ้มกัน แต่ยังไม่ได้มีฤทธิ์ในการฆ่าเซลล์มะเร็งที่เด่นชัด แต่อาจจะเป็นผลดีกับผู้ป่วยกลุ่มนี้และอีกกลไกที่สำคัญคือ ฤทธิ์ต้านอักเสบ ช่วยลดปวดจากการอักเสบได้ซึ่งสอดคล้องกับการใช้ของหมอยาพื้นบ้าน
คำเเนะนำการใช้สมุนไพรต้นอังกาบหนู
การเลือกกินเลือกใช้สมุนไพรต่างๆ อยากให้ประชาชนตระหนักถึงความปลอดภัย และข้อมูลที่ถูกต้องก่อนทุกครั้ง ต้องเลือกให้เหมาะกับเรา แนวทางต่อไปของกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก พยายามที่จะส่งเสริมและสนับสนุนภูมิปัญญาไทย การแพทย์แผนไทย เพียงแต่ว่าต้องมีการศึกษาวิจัยให้ชัดเจนเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และก็มีทางเลือกให้กับประชาชนในการดูแลรักษาโรค
ดังนั้น เมื่อตรวจพบเป็นมะเร็งระยะเริ่มแรก ควรบำบัดรักษาด้วยการแพทย์แผนปัจจุบันให้เร็วที่สุด เพื่อไม่ให้เสียโอกาสในการรักษา และสามารถเลือกใช้สมุนไพรเพื่อช่วยบรรเทาอาการข้างเคียงได้ ส่วนกรณีผู้ป่วยระยะสุดท้ายนั้น การรักษาด้วยการแพทย์แผนไทยควบคู่กับการแพทย์แผนปัจจุบันเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของผู้ป่วย แต่ต้องปรึกษาแพทย์ผู้ให้การรักษาก่อน
ปล.ใครอยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติม สามารถไปหาคำตอบได้ที งานมหกรรมสมุนไพรและอาหารที่เครือข่ายต่างๆร่วมจัด จะมีโซน ส่งเสริมให้การใช้อย่างเหมาะสมและมีความรู้ในการดูแลสุขภาพรอบด้าน ท่านที่สนใจศึกษาข้อมูลสมุนไพรที่น่าสนใจเพิ่มเติม หรือการกินใช้ อังกาบหนู ในรูปแบบต่างๆ สามารถไปพบได้ที่งาน 29 สิงหาคม – 2 กันยายน 2561 นี้ ฮอลล์ 7-8 อิมแพคเมืองทองธานี
คิดจะใช้ อังกาบหนู ควรพิจารณาให้ถี่ถ้วนก่อนนะครับ
ติดตาม “ชีวจิต” ในช่องทางต่างๆ ได้ที่