True Story : ชีวิตนี้… ผม ติดหนี้ “ ผ้าเหลือง ”
“หากอาตมาไม่ได้ผ้าเหลืองมาเตือนสติถึงสองครั้ง ป่านนี้อาตมาอาจยังเดินไม่ได้หรือไม่ก็เป็นฆาตกรฆ่าคนไปแล้ว อาตมารู้สึกว่าตัวเอง ติดหนี้ ผ้าเหลืองจริง ๆ ครั้งนี้ก็เช่นกัน”
“อายุ วัณโณ สุขัง พลัง
ขอให้ลูกสุขภาพแข็งแรง ไม่เจ็บ ไม่ป่วย
เป็นเด็กดี เรียนหนังสือเก่ง ๆ นะ”
สิ้นเสียงให้พร เด็กหญิงวัย 10 ขวบค่อย ๆ ก้มลงกราบแทบเท้าอาตมาอย่างนอบน้อม พร้อมกับพูดด้วยเสียงสดใสว่า
“ขอให้หลวงพ่อแข็งแรงเหมือนกันนะคะ จะได้อยู่กับพลอยนาน ๆ”
เมื่อเห็นกิริยามารยาทและได้ยินคำพูดของลูก อาตมาอดอมยิ้มด้วยความภูมิใจไม่ได้ว่า ลูกคนนี้ได้ดั่งใจจริง ๆ ที่สำคัญอาตมาช่างโชคดีเหลือเกินที่มีโอกาสได้เห็นภาพนี้!
ย้อนหลังกลับไปเมื่อ 15 ปีที่แล้ว ตอนนั้นอาตมายังอยู่ในเพศฆราวาส มีภรรยาชื่อขวัญใจ เราสองคนมีอาชีพรับซื้อของเก่า ทุก ๆ เช้าอาตมาจะขี่รถซาเล้งเก่า ๆ โดยมีขวัญใจนั่งซ้อนท้ายออกไปเร่รับซื้อของเก่าตามตรอกซอกซอยต่าง ๆ กว่าจะกลับเข้าบ้านก็ราวสี่ห้าโมงเย็น หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จ อาตมาก็จะออกไปเก็บขยะต่ออีก กว่าจะกลับเข้าบ้านอีกทีก็สามทุ่มไปแล้ว ที่ต้องขยันขนาดนี้เพราะอาตมาตั้งใจจะทำงานเก็บเงินให้ได้มากที่สุด เผื่อว่ามีลูกขึ้นมาจะได้ไม่ลำบากมากนัก
ไม่กี่เดือนต่อมา อาตมาก็ได้รับข่าวดีเมื่อรู้ว่า “ขวัญใจตั้งท้อง” ตั้งแต่วันนั้นมา อาตมาอาสาทำงานเพียงคนเดียวทั้งงาน “นอกบ้าน” และ “ในบ้าน” เพราะอยากดูแลขวัญใจและลูกในท้องให้ดีที่สุด
9 เดือนผ่านไป ขวัญใจคลอดลูกสาวหน้าตาน่ารักน่าชังออกมา อาตมาตั้งชื่อให้ว่า “พลอย”
อาตมารักลูกสาวคนนี้มาก รักจนเข้าใจถึงความหมายของคำว่า “แก้วตาดวงใจ” อย่างที่โบราณบอกไว้จริง ๆ เพราะไม่ว่าจะทำอะไรก็จะนึกถึงลูกก่อนเสมอ ผิดกับขวัญใจ หลังคลอดพลอยได้ไม่นานเธอก็เปลี่ยนเป็นคนละคน เช่น ให้นมลูกได้ไม่ถึงเดือนก็บอกว่า “พอแล้ว” อ้างว่าไม่มีน้ำนม ลูกร้องไห้ก็อุ้มปลอบแค่แป๊บเดียวก็วาง ยิ่งลูกโตขึ้นมากเท่าไหร่ ขวัญใจก็ยิ่งใส่ใจลูกน้อยลงเท่านั้น หันไป “ติดเพื่อน” ที่ย้ายกลับมาจากกรุงเทพฯแทน ถ้าไม่พากันมานั่งจับกลุ่มคุยกันที่บ้าน ขวัญใจก็มักอุ้มพลอยออกไปทำผม ซื้อเสื้อผ้าและเครื่องสำอางกับเพื่อน ๆ ด้วย
อาตมาทนพฤติกรรมนี้มานาน ในที่สุดจึงตัดสินใจถามว่า
“ขวัญ ทำแบบนี้ทำไม”
ขวัญใจตอบว่า
“ขอฉันมีความสุขแบบผู้หญิงบ้างจะได้ไหม พี่อยากมีลูกฉันก็มีให้แล้ว เจ็บแทบตาย พอคลอดออกมาแล้วพี่บัติก็เลี้ยงไปสิ”
เมื่อได้ฟังเหตุผล อาตมาก็ไม่มีคำถามอีก ตั้งหน้าตั้งตาทำงานต่อไป ไม่เพียงเท่านั้น อาตมายังต้องให้เงินขวัญใจไว้ใช้จ่ายอีกอย่างน้อยวันละร้อยบาท เรียกว่าเหมือนจ้างคนมาเลี้ยงลูกก็ไม่ผิดนัก
อยู่มาวันหนึ่ง เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นกับอาตมาระหว่างที่กำลังขี่รถซาเล้งกลับบ้าน บังเอิญถนนลื่นมากเพราะฝนเพิ่งตกใหม่ ๆ ทำให้รถกระบะซึ่งวิ่งตามมาเสียหลักพุ่งเข้าชนรถซาเล้งที่อาตมาขี่อยู่เต็มแรง แรงกระแทกส่งผลให้ร่างอาตมาลอยละลิ่วไปหลายเมตร ก่อนจะตกลงมานอนแน่นิ่งอยู่บนถนน หมดสติทันที!
อาตมามาได้สติอีกครั้งพบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล มีสายระโยงระยางเต็มไปหมด เมื่อกวาดตามองไปรอบ ๆ จึงเห็นขวัญใจยืนอุ้มพลอยอยู่ข้างเตียงด้านหนึ่ง อีกด้านหนึ่งเป็นแม่ของอาตมา เมื่อเห็นสีหน้าของแม่ อาตมาก็พอจะรู้ว่าอาการของอาตมาคงจะหนักไม่ใช่เล่น อาตมาจึงแข็งใจถามแม่ว่า
“แม่ ผมเป็นอะไรบ้าง”
แม่ไม่ตอบ เอาแต่ร้องไห้ ขวัญใจจึงเดินเข้ามาบอกว่า
“กระดูกสันหลังของพี่ได้รับความกระทบกระเทือน หมอบอกว่าถ้าโชคร้ายพี่อาจจะเดินไม่ได้อีกแล้ว” ทันทีที่รู้ อาตมาร้องตะโกนฟาดแขนไปมากับเตียงเพราะรับสภาพตัวเองไม่ได้ อาตมาจมอยู่กับความสิ้นหวังถึง 3 วัน ไม่ยอมกินข้าว ไม่พูดไม่จา ไม่ว่าใครจะปลอบใจอย่างไรก็ไม่เป็นผล ในที่สุดแม่จึงไปนิมนต์หลวงลุงที่แม่และอาตมาเคารพมาโปรดถึงข้างเตียง
“คิดดูนะว่าโยมบัติโชคดีแค่ไหนแล้วที่วันนี้ยังมีลมหายใจ ยังได้อยู่กับแม่ กับลูก กับเมีย สิ่งที่เกิดขึ้นถือว่าเจ้ากรรมนายเวรเขายังปราณีให้โอกาสบัติได้ทำบุญสร้างกุศลต่อไปนะ แต่ก่อนอื่นบัติต้องรักษาตัวให้ดีก่อน อย่าทำให้คนที่รักต้องพลอยทุกข์ใจไปด้วย มันบาปหนา”
หยดน้ำใส ๆ ไหลออกจากตาทั้งสองข้างทันที เมื่ออาตมาเริ่มคิดได้ว่า “จริงสินะ เมื่อมีชีวิตก็ยังมีโอกาส” เพราะคุณหมอก็บอกว่าอาการของอาตมาจะเหมือนคนขาพิการชั่วคราว แต่ถ้าหมั่นทำกายภาพก็ยังมีโอกาสกลับมาเดินได้ใหม่ ยิ่งเมื่อเห็นพลอย ขวัญใจ และแม่ยืนอยู่ข้าง ๆ เตียง อาตมาก็ยิ่งมีกำลังใจจะสู้ต่อ
อาตมาอยู่ในโรงพยาบาลอีกราว 3 - 4 เดือนพร้อมกับทำกายภาพบำบัดทุกวัน ในที่สุดเมื่อขาทั้งสองข้างพอจะขยับได้ คุณหมอก็อนุญาตให้กลับบ้านไปพักฟื้นต่อที่บ้าน และไม่ลืมกำชับให้ทำกายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเป็นอย่างนี้ขวัญใจจึงได้ที ขออาตมาออกไปทำงานโรงงานกับเพื่อน ๆ เพื่อหารายได้แทน และขอให้อาตมาดูแลพลอยไปก่อน เมื่อเห็นว่าไม่ใช่เรื่องเสียหาย อาตมาจึงอนุญาตให้ขวัญใจไปทำงานได้ โดยมีข้อแม้ว่า “อย่ากลับบ้านดึก”
หนึ่งปีต่อมา เรื่องอัศจรรย์ก็เกิดขึ้น เมื่ออาตมาเริ่มยืนและก้าวสั้น ๆ ได้! นั่นเป็นสัญญาณว่าอาตมาน่าจะเดินได้ในไม่ช้านี้ แม้ว่าระยะแรก ๆ ยังต้องใช้ไม้เท้าช่วยไปก่อนก็ตาม
เมื่อขาทั้งสองกลับมาใช้การได้ อาตมาเริ่มหางานทำ เพราะไม่อยากให้ขวัญใจต้องเหนื่อยอยู่คนเดียว แต่งานไม่ได้หากันง่าย ๆ อาตมาจึงต้องรับหน้าที่เลี้ยงดูพลอยและรับจ้างทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ใกล้บ้านไปก่อน ขณะที่ชีวิตกำลังไปได้ด้วยดี อยู่มาวันหนึ่งอาตมาก็ได้ยินชาวบ้านพูดกันว่า “ขวัญใจมีชู้”
นอกจากไม่เชื่อแล้ว อาตมายังไปต่อว่าชาวบ้านกลุ่มนั้นอีกด้วย ข่าวลือเรื่องนี้เงียบไปได้พักหนึ่ง ชาวบ้านก็ลือกันอีก แถมคราวนี้แม่ของอาตมาเป็นคนมาบอกข่าวนี้เอง อาตมานึกทบทวนถึงพฤติกรรมแปลก ๆ ของขวัญใจนับตั้งแต่คลอดพลอยออกมา หลายเหตุการณ์พอจะมีเค้าความเป็นไปได้ อาตมาตัดสินใจไปซุ่มดูขวัญใจที่หน้าโรงงานด้วยตัวเอง
ทุกวันที่ไปซุ่มดู อาตมาแอบภาวนาอย่าให้พบเห็นอะไรผิดปกติเลย แต่แล้วอาตมาก็ได้เห็นภาพบาดตาบาดใจ เมื่อขวัญใจเดินออกมาหน้าโรงงาน ทำทีเหมือนจะไปต่อแถวซื้อข้าว ไม่นานนักก็มีผู้ชายขี่มอเตอร์ไซค์มารับขวัญใจ ท่าทางสนิทสนมกันเกินเพื่อน อาตมาจึงตัดสินใจตามคนทั้งคู่ไป
มอเตอร์ไซค์คันนั้นไปจอดหน้าบ้านเล็ก ๆ หลังหนึ่ง ก่อนที่ทั้งสองจะพากันหายเข้าไปในบ้าน ถึงจิตใจจะร้อนรุ่มแค่ไหน แต่อาตมาพยายามใจเย็นทิ้งเวลาให้ผ่านไปราวครึ่งชั่วโมงเพื่อแน่ใจว่าทั้งคู่ไม่ออกมาแน่แล้ว อาตมาจึงตัดสินใจเข้าไปแอบดูให้ใกล้ขึ้นอีก คราวนี้ภาพที่เห็นทำให้อาตมาถึงกับชาไปทั้งตัว
อาตมาเห็นทั้งสองกำลังพลอดรักกัน นั่นหมายความว่าขวัญใจสวมเขาให้อาตมาจริง ๆ ความโกรธพุ่งขึ้นจนถึงขีดสุด อาตมาตัดสินใจคว้าท่อนไม้ที่วางกองอยู่แถวนั้นเดินรี่เข้าไปในบ้านหมายจะปิดบัญชีแค้น
ทว่าขวัญใจหันมาเห็นพอดี เธอรีบผละจากชายชู้วิ่งออกไปทางประตูหลังบ้าน เหลือเพียงชายชู้ที่ยืนตะลึงอยู่อย่างนั้น อาตมาจึงกระหน่ำตีชายชู้แทน ท่อนไม้ฟาดไปโดนศีรษะบ้าง โดนหลังชายชู้บ้าง แต่เขาไม่ยอมให้อาตมาทำร้ายอยู่ฝ่ายเดียว ลุกขึ้นถีบอาตมาเสียหลักล้มลงแล้ววิ่งหนีออกจากบ้านไป
ความโกรธทำให้อาตมาไม่ลดละง่าย ๆ ลุกขึ้นและวิ่งตามชายชู้ออกมานอกบ้าน เขามาจนมุมที่ริมถนนไม่ไกลจากหน้าบ้าน เพราะปวดศีรษะและแผ่นหลังจึงวิ่งไปได้ไม่ไกลนัก อาตมาเงื้อไม้ขึ้นจนสุดแขนหมายจะปิดบัญชีแค้นให้เสร็จสิ้น ทันใดนั้นเองก็มีมือมือหนึ่งมาจับแขนอาตมาเอาไว้
“พอได้แล้ว อาตมาขอบิณฑบาตชีวิต อย่าสร้างเวรกรรมกันอีกเลย”
เสียงนั้นนุ่ม ลึก และเปี่ยมด้วยความเมตตา ทำให้อาตมาชะงักไป ชายชู้จึงได้โอกาสลุกขึ้นวิ่งหนีหายไป
“อาตมาไม่รู้ว่าเขาไปทำอะไรให้คุณโกรธแค้นขนาดนี้ แต่สิ่งที่คุณกำลังจะทำไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง ถ้าไม่ถูกลงโทษทางโลก ต้องติดคุกติดตะราง คุณก็บาปมหันต์ ไว้ชีวิตเขาเถิด เวรกรรมจะได้ไม่ติดตัวคุณไป”
สิ้นเสียงหลวงพ่อ ความโกรธที่กำลังพลุ่งพล่านก็ลดระดับลงอย่างรวดเร็ว อาตมาเขวี้ยงท่อนไม้ทิ้ง ก้มลงกราบหลวงพ่อ รู้สึกเต็มตื้นขึ้นมาทันที
“ขอบคุณครับหลวงพ่อ โชคดีเหลือเกินที่ผมได้เจอหลวงพ่อไม่อย่างนั้นผมคงเป็นฆาตกรไปแล้ว”
“มันเป็นเรื่องของความบังเอิญมากกว่า อาตมามาทำธุระแถวนี้พอดี ได้ยินเสียงผู้หญิงร้องขอความช่วยเหลือ จึงให้คนรถจอดรถลงมาดู และได้เห็นเหตุการณ์นี่แหละ คุณกลับบ้านเถอะนะ”
วันนั้นอาตมากลับถึงบ้านด้วยความรู้สึกผิดหวัง เสียใจ และแค้นใจที่สุด แต่เมื่อกลับถึงบ้านจึงได้รู้ว่าขวัญใจเก็บเสื้อผ้าข้าวของออกจากบ้านไปแล้ว เหลือแต่พลอยนั่งร้องไห้อยู่คนเดียว
แม้เวลาจะผ่านไปเกือบ 1 สัปดาห์แล้ว แต่ความโกรธแค้นขวัญใจและภาพความผูกพันเก่า ๆ ยังย้อนกลับมาทำให้อาตมารู้สึกโกรธแค้นอยู่ร่ำไป ในที่สุดอาตมาคิดได้ว่า หากยังต้องอยู่ในบ้านหลังนี้ต่อไปคงไม่ดีแน่ ดีไม่ดีอาตมาอาจจะขาดสติหาทางตามไปทำร้ายขวัญใจให้สมแค้นก็เป็นได้
อยู่ ๆ อาตมาก็นึกถึง “ผ้าเหลือง” ขึ้นมา
หากอาตมาไม่ได้ผ้าเหลืองมาเตือนสติถึงสองครั้ง ป่านนี้อาตมาอาจยังเดินไม่ได้หรือไม่ก็เป็นฆาตกรฆ่าคนไปแล้ว อาตมารู้สึกว่าตัวเองเป็นหนี้ผ้าเหลืองจริง ๆ ครั้งนี้ก็เช่นกัน
“อาตมาจะบวช”
ความคิดนี้ผุดขึ้นมาทันที อาตมาคิดว่าผ้าเหลืองจะทำให้ความโกรธแค้นชิงชังลดลงได้ และหากจิตอาตมาเป็นกุศลขึ้นมาเมื่อไหร่ อาตมาจะถวายกุศลนี้แด่พระพุทธเจ้าเพื่อตอบแทนท่าน
เมื่อตัดสินใจได้อย่างนี้ อาตมาจึงไปบอกแม่พร้อมกับฝากฝังให้ช่วยดูแลพลอยไปก่อน จนกว่าอาตมาจะ “พร้อม” กลับมาใช้ชีวิตเป็นฆราวาสอีกครั้ง แม้ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลานานแค่ไหน แต่อาตมาก็ตั้งจิตไว้แล้วว่า จะตั้งมั่นปฏิบัติในร่มกาสาวพัสตร์อย่างดีที่สุด
ที่มา นิตยสาร Secret
เรื่อง ปาปิรัส
photo by truthseeker08 on pixabay
บทความน่าสนใจ
True Story : จะผ่าตัดมากี่ร้อยครั้ง ใจฉันก็ยังสู้ แม้ไม่รู้ว่าจะมีลมหายใจอยู่อีกนานแค่ไหน