หยุดเชื่อ หยุดแชร์ ถ้าไม่ชัวร์
ในยุคที่สมาร์ทโฟนดูจะกลายเป็นอวัยวะชิ้นที่ 33 ของร่างกายไปแล้ว เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ข้อดีอย่างหนึ่งคือการเชื่อมโลกทั้งโลก (โลกจริงบ้าง โลกสมมุติบ้าง) ให้มาอยู่ในมือเรา อยากรู้อะไร อยากหาข้อมูลอะไร อยากซื้ออะไร ก็ใช้เวลาไม่กี่วินาที อยากแชร์ หรืออยากประกาศอะไรให้โลก (โซเชียล) รู้ก็ง่ายนิดเดียว (พุทธมนต์เตือนใจให้ไตร่ตรอง )
ทุกอย่างมีสองด้านเสมอ เพราะนอกจากข้อดี (หากใช้เป็น) แล้ว ข้อเสียก็มีอยู่ไม่น้อย หากว่าเราใช้ผิด ๆ หรือใช้โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เช่น พอได้ข้อมูลอะไรมาก็อ่าน อ่านแล้วก็เชื่อโดยไม่ไตร่ตรอง แชร์ต่อโดยไม่มีสติ บางครั้งก็ทำตามวิธีนั้น ๆ จนเกิดผลเสียตามมา หรือบางครั้งหลงเชื่อจนไปคอมเมนต์ให้ผู้อื่นเสียหาย หรือแม้ตัวเราเองที่ต้องเสียเงินทองไปก็มี อย่างที่เห็นเป็นคดีความตามสื่อต่าง ๆ กันบ่อย ๆ
สิ่งสำคัญที่สุดคือ ก่อนจะเชื่อ ก่อนจะแชร์อะไรง่าย ๆ รวมถึงการคอมเมนต์ต่าง ๆ ต้องมีสติ และใช้ปัญญาไตร่ตรองเสียก่อน
ขอแนะนำ บทสวดกาลามสูตร (บางส่วน) ซึ่งเป็นพระสูตรที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เคยแสดงแก่ชาวกาลามะ ณ เกสปุตตนิคม แคว้นโกศล เมื่อครั้งพุทธกาล พระสูตรนี้มีชื่อว่า “กาลามสูตร” หรือเรียกอีกอย่างว่า “เกสปุตตสูตร” ว่าด้วยหลักความเชื่อ 10 ประการที่พระพุทธองค์ทรงวางไว้ให้แก่พุทธศาสนิกชน เพื่อไม่ให้เชื่อสิ่งใด ๆ อย่างงมงาย ทุกอย่างต้องใช้ปัญญาพิจารณาไตร่ตรองก่อนจะเชื่อ หรือใช้ปัญญาพิจารณาสิ่งนั้น ๆ ให้เห็นคุณและโทษ ประโยชน์และมิใช่ประโยชน์ จริงหรือเท็จ ก่อนจะเชื่อ โดยใช้หลักคิดที่ว่า สิ่งไหนที่เราพิจารณาโดยถ่องแท้แล้วมีแต่โทษ ทั้งวิญญูชนยังติเตียน สิ่งนั้นเราควรจะละเลิกเสีย แต่สิ่งไหนที่เราพิจารณาแล้วมีแต่คุณประโยชน์ เราก็ควรเชื่อ แบ่งปัน หรือนำไปประพฤติปฏิบัติ
วิธีใช้
เมื่อรู้ตัวว่าเริ่มจ้องจอมากเกินไป เริ่มเชื่อ เริ่มแชร์ บอกต่อนู่นนี่นั่น เริ่มเป็นนักเลงคีย์บอร์ดไปแสดงความคิดเห็นในเพจนั้นเพจนี้ หรือตั้งกระทู้เหน็บแนมใคร สิ่งที่ง่ายที่สุดคือการละสายตาจากหน้าจอ วางสมาร์ทโฟน หรือออกจากแอพที่เสมือนเป็นโลกสมมุตินั้นเพื่อกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง หันมาพูดคุยมีปฏิสัมพันธ์กันต่อหน้าให้มากขึ้นจะดีกว่า แต่ถ้าคุณ “เสพติดหน้าจอจริง ๆ” ชนิดที่ว่าเลิกจ้องจอได้ไม่กี่วินาทีเดี๋ยวก็กลับไปจ้องใหม่ แนะนำให้สวดบทกาลามสูตร (บางส่วน) เพื่อเรียกสติและสร้างปัญญาให้ตัวเอง จะอ่านอะไรให้รู้ตัว จะแชร์อะไรให้รู้ตัว จะคอมเมนต์อะไรก็ขอให้รู้ตัว
บทกาลามสูตร (บางส่วน)
มา อนุสสะเวนะ
อย่าปลงใจเชื่อเพราะฟังตามกันมา
มา ปะรัมปะรายะ
อย่าปลงใจเชื่อเพราะเชื่อถือกันมาอย่างนั้น
มา อิติกิรายะ
อย่าปลงใจเชื่อเพราะเขาลือกันมา
มา ปิฏะกะสัมปะทาเนนะ
อย่าปลงใจเชื่อเพราะอ้างอิงจากตำราคัมภีร์
มา ตักกะเหตุ
อย่าปลงใจเชื่อเพราะคิดว่าน่าจะเป็นเช่นนั้น
มา นะยะเหตุ
อย่าปลงใจเชื่อเพราะคาดว่าน่าจะเป็นเช่นนั้น
มา อาการะปะริวิตักเกนะ
อย่าปลงใจเชื่อเพราะคิดตามเหตุผลแล้วน่าจะเป็นเช่นนั้น
มา ทิฎฐินิชฌานักขันติยา
อย่าปลงใจเชื่อเพราะตรงกับความคิดของตนเอง
มา ภัพพะรูปะตายะ
อย่าปลงใจเชื่อเพราะตามรูปลักษณ์แล้วน่าจะเป็นเช่นนั้น
มา สะมะโณ โน คะรูติ
อย่าปลงใจเชื่อเพราะท่านเป็นครูบาอาจารย์ของเรา
(พุทธมนต์เตือนใจให้ไตร่ตรอง )
ที่มา สวดเป็นเห็นผลทันตา โดย วรลักษณ์ ผ่องสุขสวัสดิ์ และ พันตรี วิรัช นุโยค สำนักพิมพ์อมรินทร์ธรรมะ
บทความน่าสนใจ