ไก่ มีสุข แจ้งมีสุข แค่เปลี่ยนมุมคิด ชีวิตก็มีสุข (1)
ถ้าชีวิตของคนเราประกอบขึ้นด้วยความรัก ชีวิตของ ไก่ มีสุข แจ้งมีสุข คนนี้ก็เป็นเช่นนั้น
ใครๆ อาจจะรู้จักไก่ในฐานะผู้ประกาศข่าว พิธีกรรายการผู้หญิงถึงผู้หญิง ทางไทยทีวีสีช่อง 3 นักจัดรายการ วิทยุครอบครัวข่าว ทางคลื่น ส.ทร. FM 106 MHz รวมทั้งอาจเคยได้ยินข่าวเรื่องราวรักๆ เลิกๆ ของไก่จากที่นั่นที่นี่มากมาย แต่นี่คงเป็นครั้งแรกที่ไก่จะมีโอกาสพูดคุยถึงเรื่องนี้อย่างเปิดใจมากที่สุด
ประการแรกที่อยากจะบอกคือ ไก่เป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาๆคนหนึ่ง คนภายนอกอาจคิดว่าไก่ดูสมบูรณ์พร้อม ทั้งฐานะและหน้าที่การงาน เป็นผู้หญิงหวาน เรียบร้อยอย่างที่เห็นในทีวี แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ เพราะไก่เป็นมนุษย์คนหนึ่งที่ยังมีกิเลส มีอารมณ์ความรู้สึก ทั้งรัก โลภ โกรธ หลง และออกจะเป็นคนใจกล้าเด็ดเดี่ยวเลยด้วยซ้ำ
คนอื่นๆ อาจต้องไขว่คว้าหาความรัก แต่สำหรับไก่ ความรักเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ลืมตาดูโลกแล้ว เพียงแต่กว่าที่เราจะรู้ว่าความรักที่เราได้รับนี้มีค่ามากแค่ไหน ก็ต่อเมื่อมีเหตุการณ์ร้ายๆ ผ่านเข้ามาในชีวิต
ก่อนหน้านี้ไก่ไม่เคยถามคุณพ่อคุณแม่เลยว่าทำไมเราจึงชื่อ“มีสุข” จนกระทั่งเมื่อวันพ่อที่ผ่านมา มีผู้ฟังโทรศัพท์เข้ามาถามในรายการวิทยุที่ไก่เป็นคนจัด คุณพ่อจึงบอกว่า เป็นเพราะตอนเด็กๆ ไก่เป็นเด็กอารมณ์ดี กินเก่ง หลับง่าย ที่สำคัญ คุณพ่ออยากให้ชื่อนี้เป็นที่ระลึกถึงนามสกุล “แจ้งมีสุข” เพราะท่านคิดว่าวันหนึ่งเมื่อลูกผู้หญิงแต่งงานไป นามสกุลนี้ก็จะหายไปด้วย
คุณพ่อไก่เป็นอัยการ ส่วนคุณแม่เป็นคุณครู ไก่เป็นลูกคนกลาง มีพี่ชายชื่อ เติมสิน และน้องสาวชื่อ วันสุข เราเป็นครอบครัวต่างจังหวัด คุณพ่อคุณแม่เป็นชาวพิษณุโลก ด้วยความที่คุณพ่อเป็นอัยการ ก็จะย้ายไปประจำจังหวัดนั้นจังหวัดนี้ แต่ต่อให้ไปอยู่จังหวัดไหน ทุกเย็นวันศุกร์ คุณพ่อจะขับรถกลับบ้านเพื่อมาอยู่กับครอบครัว จำได้ว่าเวลาท่านกลับมาถึงบ้านจะตรวจฟันลูกทั้งสามคนให้พวกเราคัดลายมือ และท่องคำศัพท์ภาษาอังกฤษ
ไก่โชคดีที่ครอบครัวเราอบอุ่นมาก คุณพ่อคุณแม่ให้การสนับสนุนเรื่องการเรียนของลูกจนสุดความสามารถ ท่านไม่เคยทะเลาะกันหรือแสดงความลำบากให้ลูกเห็น ทุกวันนี้เวลาคิดถึงครอบครัว ไก่จะรู้สึกภูมิใจทุกครั้ง ภูมิใจที่ได้เกิดเป็นลูกของคุณพ่อคุณแม่ ภูมิใจในครอบครัวของเราว่าเป็นบ้านที่คุยกันได้ทุกเรื่องแม้แต่ตอนวัยรุ่นที่ไก่อยากไปดูคอนเสิร์ตของ พี่ป้อม – อัสนี หรือวงนูโว ก็ขออนุญาตท่านได้ ไม่ต้องหนีเที่ยว
พอโตขึ้นมีความรักก็ปรึกษาคุณแม่ได้แม้กระทั่งตอนที่อกหักว่า“แม่ เขาเลิกกับหนูไปแล้ว แต่วันนี้เขากลับมาขอคืนดี ตอนนี้ไก่ยังรักเขาอยู่ แม่คิดว่าไก่ควรจะทำอย่างไรดี” ส่วนพี่ชายและน้องสาวก็ปรึกษาหารือกันทั้งเรื่องรัก เรื่องเรียน แต่ข้อเสียของเราก็มีเหมือนกันเพราะด้วยความที่รักกันเหนียวแน่น ไปไหนไปด้วยกัน คุยกันได้ทุกเรื่อง สมาชิกใหม่จึงเข้ามาได้ยาก ทำให้ทั้งพี่ชายและน้องสาวยังไม่มีใครแต่งงานเลยเหมือนกัน
ยิ่งไปกว่านั้น เวลาพาคนพิเศษมาแนะนำให้ที่บ้านรู้จัก คุณพ่อจะพูดเลยว่า “ลูกพ่อพ่อเลี้ยงมา ถ้าไม่รักลูกพ่อวันไหนให้เอามาคืนอย่าทำร้าย” ท่านเป็นคนตรงมาก ในขณะที่คุณแม่ท่านจะบอกว่า“ไก่เป็นคนมีสองบุคลิก เอาอย่างนี้นะลูก แม่จะบอกให้รู้ไว้เพื่อเป็นทางลัด ภาคหนึ่งไก่จะเป็นพระแม่อุมา ดีแสนดี ดีใจหาย ให้ได้จนคนตกใจ แต่อีกภาคหนึ่งจะเป็นพระแม่กาลี โกรธขึ้นมาก็เป็นเรื่อง”
ไก่มีแฟนกี่คนๆ ก็จะพาไปแนะนำให้ที่บ้านรู้จักตลอด เพราะรู้สึกว่า ถ้าครอบครัวเราไม่รู้จัก หรือคบกันแบบหลบๆ ซ่อนๆ เราก็จะไม่มีความสุข แล้วไก่ชอบไปเที่ยวกับที่บ้าน ก็อยากให้แฟนไปด้วย ที่ผ่านมาความรักของไก่จึงเป็นเรื่องเปิดเผยมาโดยตลอด
อาจจะเรียกได้ว่า ความรักของครอบครัวเป็นความรักแรกที่ไก่ได้รับอย่างเต็มเปี่ยม และความรักฉันคู่รักหญิงชายก็เป็นความรักที่ได้เรียนรู้ตามมา
ไก่มีแฟนคนแรกตั้งแต่ตอนเรียนปีสอง คบกันได้เจ็ดปีก็ต้องเลิกรากันไป เพราะไก่บ้างานมาก ทำให้ความสัมพันธ์ต้องเปลี่ยนจากแฟนมาเป็นเพื่อนแทน
แต่คงไม่มีความรักครั้งไหนที่เปลี่ยนแปลงชีวิตไก่อย่างรุนแรงเท่าความรักครั้งต่อมา
ครั้งนั้นทุกคนพอจะทราบข่าวกันดีอยู่แล้วว่า ไก่กำลังคบหาดูใจกับนักธุรกิจคนหนึ่ง นอกจากการดูแลเอาใจใส่ในฐานะคนรักไก่ยังเข้าไปช่วยดูแลงานที่ร้านของเขาด้วย เรียกว่าทำงานแบบทุ่มสุดตัว ดูแลทั้งงานและครอบครัวของเขา แต่แล้ววันหนึ่งก็เหมือนฟ้าผ่าลงมากลางศีรษะ เมื่อความรักที่เฝ้าบ่มเพาะมาอย่างดีตลอดสี่ปีถูกเหยียบย่ำจนไม่เหลือชิ้นดี เพราะมีผู้หญิงอีกคนแสดงตัวว่าเป็นแฟนเขาผ่านทางโทรศัพท์
คำถามแรกที่ไก่ถามออกไปคือ “น้องเป็นแฟนเขาหรือเปล่า”เสียงในสายตอบว่า “ใช่ค่ะ” แม้จะได้ยินคำตอบเช่นนั้น ไก่ก็ยังแอบคิดว่าคงเป็นเรื่องล้อเล่น
แต่จากคำสนทนาต่อมา ทำให้ไก่รู้ว่าสิ่งที่ได้ยินไม่ใช่เรื่องโกหกแน่ๆ เพราะเธอพูดถึงเขาด้วยการเรียกชื่อเล่นที่น้อยคนจะรู้จัก
หลังจากคุยโทรศัพท์เสร็จ ไก่จึงถามเขาว่าจะเลือกใคร แต่คำตอบที่ได้รับทำให้เจ็บยิ่งกว่า เมื่อเขาบอกว่า “ผมไม่สามารถเลือกใครได้” ได้ฟังแค่นี้ไก่ก็จบสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตุ๊กตาเซรามิกที่โดนคนทุบเปรี้ยงจนแตกเป็นผงลงมาทั้งตัว
ไก่เป็นคนประเภทที่เมื่อคบใครเป็นแฟนแล้ว ไก่จริงจังด้วยทุกครั้ง วาดอนาคตว่าวันหนึ่งเราจะแต่งงานกัน สร้างครอบครัวให้มีความสุข แต่แล้วฝันก็สลายลงต่อหน้าต่อตา
ณ วันนั้นไก่เสียใจ ร้องไห้จนน้ำตาแทบเป็นสายเลือด ไม่สามารถรวบรวมกำลังใจให้ทำงานได้อีกต่อไป จนในที่สุด พี่ยุทธ – สรยุทธสุทัศนะจินดา ซึ่งเป็นพิธีกรร่วมในรายการ เรื่องเล่าเช้านี้ ด้วยกันแนะนำให้ลาพักร้อน ตอนนั้นคนดูไม่ทราบเลยว่าไก่หายไปไหน ซึ่งความผิดตรงนี้ไก่ขอน้อมรับไว้แต่เพียงผู้เดียว
ด้วยความเสียใจ ไก่ขับรถไปทั่วประเทศตลอดเวลา 6 – 7 เดือนโดยไม่กลับบ้าน ไปนั่งดูทุ่งหญ้า ไปปล่อยจิตใจให้อยู่กับความเศร้าจากวันเป็นเดือน จนเมื่อจิตใจเริ่มดีขึ้นจึงตัดสินใจกลับบ้าน ยังจำได้ดีว่า วันที่กลับไปบ้านที่พิษณุโลก ไก่นั่งเศร้ามองเหม่ออยู่คนเดียว พอหันไปก็เห็นแม่กำลังนั่งมองมาที่เราและร้องไห้อยู่ใกล้ๆ แววตาของท่านบอกว่า ที่เราเจ็บปวดนั้น คนเป็นแม่เจ็บกว่าร้อยเท่าพันเท่า
เหตุการณ์นี้สอนไก่หลายอย่าง สอนให้รู้จักสมดุลในการใช้ชีวิตที่ผ่านมาเราทุ่มเทให้ความรักโดยไม่เผื่อใจให้ความล้มเหลวเลยแม้แต่นิด จะเรียกว่าไก่ประมาทกับความรักก็ว่าได้ เมื่อตกอยู่ในภวังค์ของความรัก ไก่มองไม่เห็นใครอีกเลย แม้กระทั่งครอบครัวก็ละเลยแล้วเลือกความรักเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต
ถ้าไม่ได้เห็นน้ำตาของแม่ในวันนั้น ไก่ก็คงจะไม่มีสติเหมือนในวันนี้
แม้ความรักในครั้งนั้นจะไม่งดงาม แต่ไก่ก็ยังเชื่อมั่นในความรักและพบว่า รักที่มีแต่ความอบอุ่น เอื้ออาทร เห็นอกเห็นใจกันยังมีอยู่แต่โชคร้ายเหลือเกินที่รักครั้งต่อมาของไก่เกิดขึ้นในวันที่ไก่รู้จักตัวเองมากขึ้น มากพอที่จะซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเองว่าเป็นคนแบบไหนเหมาะจะใช้ชีวิตคู่กับใครหรือเปล่า เมื่อคิดว่าไม่ใช่ ก็กล้าที่จะกลับมาอยู่คนเดียวอีกครั้ง
เมื่อรักก็ไม่สุขสมหวังดังเทพนิยาย และทุกข์ก็มาจากงานจนแทบตั้งตัวไม่ทัน ไก่รับมือได้อย่างไร อยากรู้ ไก่จะเล่าให้ฟังค่ะ
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
Secret Box
แง่มุมความรักจากคุณมีสุข แจ้งมีสุข
• อย่าประมาทในความรัก เพราะไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอน รักได้ ก็เลิกรักได้เช่นกัน
• เมื่อมีความรัก พยายามรักษาสมดุลของชีวิตไว้ และอย่าละเลยคนรอบข้าง โดยเฉพาะพ่อแม่ของเรา
• โปรดรู้ไว้ว่า ในวันที่เราเจ็บปวดจากความรัก คนที่เจ็บยิ่งกว่าคือพ่อแม่ของเรา
• ธรรมชาติและเวลาจะช่วยเยียวยาความเจ็บปวดจากความรักได้ ขอให้เราเริ่มต้นจากการตั้งสติให้มั่นคง
• ใช้วิกฤติจากความรักให้กลายเป็นโอกาสในการใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า ด้วยการแบ่งเวลาไปทำประโยชน์ให้สังคม
• เมื่อชีวิตมีปัญหา อย่าลืมเหลียวหาความรักความอบอุ่นจากครอบครัว เพราะนี่คือความรักที่จริงใจที่สุด