สังคมสิ่งแวดล้อม เป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญในการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ นั่นก็เพราะคนเราซึ่งประกอบไปด้วยร่างกายและจิตใจนั้นต้องอาศัยอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่งเสมอ ซึ่งที่ที่เราอาศัยอยู่นั่นแหละคือสังคมและสิ่งแวดล้อม ถ้าโชคดีได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีสุขภาพดีก็จะได้เปรียบ เหมือนมีกองหนุนที่เข้มแข็งช่วยให้สร้างสุขภาพได้ง่าย
แต่ถ้าต้องอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เลวร้าย แน่นอนว่าสิ่งแวดล้อมนั้นก็จะพาให้สุขภาพเราทรุดโทรมลงอย่างไม่ต้องสงสัย จึงพูดได้ว่าสังคมสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องที่ต้องปรับให้เอื้อต่อสุขภาพของผู้สูงอายุเสมอ
สังคมสิ่งแวดล้อมที่กล่าวถึงนี้จะรวมทุกสิ่งที่อยู่ล้อมรอบตัว ไม่ใช่เพียงสิ่งแวดล้อมที่เป็นต้นไม้ใบหญ้า แม่น้ำ ภูเขา หรือทะเลเท่านั้น ไม่ใช่บ้านเรือนตึกรามใหญ่โตที่เป็นวัตถุเท่านั้น ยังรวมถึงงผู้คนในสังคม ระบบการปกครอง การเมือง เศรษฐกิจ ระบบขนส่ง การแพทย์ การเกษตร อะไรทุกอย่างเหล่านี้ล้วนมีผลต่อสุขภาพทั้งสิ้น
การที่เราจะสร้างสุขภาพสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้นจึงเป็นเรื่องใหญ่ที่คนในสังคมต้องช่วยเหลือกัน ช่วยกันสร้างสังคมให้มีความสุข ไม่ใช่ทำลายซึ่งกันและกัน สังคมใดที่อยู่เย็นเป็นสุข ผู้คนในสังคมจะมีสุขภาพดี ต่างจากสังคมที่มีปัญหาผู้คนในสังคก็จะมักจะมีปัญหาตามไปด้วยนั่นเองค่ะ
เรามองเห็นแล้วว่าสุขภาพนั้นเป็นเรื่องกว้างกว่าตัวเราคนเดียว เราอาจจะสร้างสุขภาพส่วนบุคคลได้ แต่ถ้าต้องอยู่ในสังคมที่ไม่มีสุขภาพ แล้วเราจะมีสุขภาพที่ดีได้อย่างไร ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องสร้างสุขภาพของสังคมและสิ่งแวดล้อมด้วย ไม่ใช่เพื่อคนอื่นเท่านั้น แต่เพื่อตัวเราเอง
การสร้างสุขภาพให้สังคมนั้นเป็นเรื่องที่เห็นผลช้าและต้องอาศัยความร่วมมือจากคนอื่นมาก เราอาจไม่มีกำลังเพียงพอที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมได้มากนัก ดังนั้นควรเริ่มต้นจุดเล็กๆ ที่ตัวเองก่อน สร้างสุขภาพส่วนบุคคลก่อนแล้วแพร่ขยายไปยังครอบครัว ญาติมิตร ทำตัวไม่ให้เป็นภาระสังคม ไม่ทำลายสังคมและสิ่งแวดล้อม เท่านั้นก็ถือว่าเราได้ช่วยสร้างสังคมสิ่งแวดล้อมแล้วส่วนหนึ่ง ถ้าทุกคนทำในส่วนย่อยๆ ของตนเช่นนี้มากขึ้น สังคมโดยรวมก็จะค่อยๆ ดีขึ้นตามไปด้วยค่ะ
มาถึงตรงนี้เรามาเร่งหาควารมรู้และเร่งสร้างสุขภาพให้ตัวเองก่อนเป็นสำคัญ พอได้ผลดีแล้วค่อยชวนคนอื่นต่อไป ตามแนวทางที่เราปฏิบัติกันมา เราพจะได้ไม่ต้องซีเรียสกับปัญหาสิ่งแวดล้อมมากเกินไป เท่าที่ทำได้นั่นคือสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว โดยเฉพาะผู้สูงอายุ เรื่องเหล่านี้ยิ่งต้องใส่ใจและให้ความสำคัญเป็นพิเศษค่ะ
คุณภาพของอากาศ
อากาศที่พอเหมาะกับการหายใจต้องมีออกซิเจนประมาณ 21 เปอร์เซนต์ นอกนั้นจะเป็นก๊าซตัวอื่นที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเหมือนกัน ในขณะเดียวกันก็มีก๊าซที่เป็นโทษต่อร่างกายผสมอยู่ในอากาศที่เราหายใจทุกวันเช่นกัน ส่วนจะมีก๊าซเสียเหล่านั้นมากน้อยเพียงใดก็ขึ้นกับสถานที่ของสิ่งแวดล้อมบริเวณนั้น
เราต้องการอากาศบริสุทธิ์ที่ธรรมชาติให้มา ธรรมชาติสร้างสิ่งแวดล้อมให้มีความสมดุลทั้งแม่น้ำลำคลอง ป่าเขา คน สัตว์ สิ่งของ ทั้งหมดที่อยู่ในโลกนี้ล้วนแต่อาศัยซึ่งกันและกันเพื่อสร้างสมดุลของธรรมชาติมาโดยตลอด
แต่เมื่อมนุษย์ที่ชาญฉลาดเริ่มเอาชนะธรรมชาติ สร้างสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ขึ้นมาบนโลก ธรรมชาติดั้งเดิมของอากาศก็เสียไปด้วย มองจากสิ่งใกล้ตัวก็ได้ มลพิษที่เกิดขึ้นในบริเวณที่เราอาศัยอยู่มีทั้งน้ำเน่า อากาศเสีย ควันดำ ไอเสียจากเครื่องงยนต์ สารพิษจากโรงงานอุตสาหกรรม เหล่านี้เป็นเรื่องของความเจริญที่ทำให้สิ่งแวดล้อมเป็นพิษ
อากาศย่อมเป็นพิษมากขึ้นตามการเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อม อากาศในเมืองใหญ่ๆ เมื่อเทียบกับอากาศในเมืองเล็กๆ จะมองเห็นความแตกต่างกันได้ชัดเจน และยิ่งเทียบกับชุมชนในชนบทหรือธรรมชาติที่เป็นป่าเขา น้ำตก ชายทะเล ยิ่งรู้สึกได้ชัดเจนยิ่งขึ้น คุณภาพอากาศที่เราต้องการนั้นต้องเป็นอากาศบริสุทธิ์แบบชายทะเลมากกว่าในเมืองแน่นอน