เครียดลงกระเพาะ โรคฮิตของคนออฟฟิศ
ถ้าจะพูดถึงโรคที่คนไทยเป็นกันมากติดอันดับ นอกจากมะเร็ง เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไมเกรนแล้ว “โรคกระเพาะอาหาร” เป็นอีกหนึ่งโรคที่หลายคนจะนึกถึง ซึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้คนในยุคนี้ป่วยเป็นโรคกระเพาะอาหารกันมากขึ้น(โดยเฉพาะคนทำงานออฟฟิศที่มักจะทำงานแข่งกับเวลา และกินอาหารไม่เป็นเวลา) เกิดจาก ความเครียด ที่สะสมในแต่ละวันนั่นเอง
ความเครียดก่อให้เกิดโรคกระเพาะอาหารได้อย่างไร วันนี้ชีวจิตหาคำตอบมาฝากแล้วค่ะ
เครียดที่ใจ ทำไมเป็นแผลที่กระเพาะ
แพทย์หญิงเพ็ญแข แดงสุวรรณ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคกระเพาะอาหาร กล่าวว่า ความเครียดเป็นสาเหตุที่สำคัญที่ทำให้อาการโรคกระเพาะอาหารกำเริบ เพราะขณะที่เราเครียด ระบบต่างๆ ในร่างกายจะทำงานผิดปกติไปหมด โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับระบบย่อยอาหาร ลองมาดูกันค่ะว่าเกิดอะไรบ้าง
1.ระบบประสาทอัตโนมัติจะไปกระตุ้นต่อมหมวกไตให้หลั่งฮอร์โมนอะดรีนาลีนออกมาในปริมาณมากกว่าปกติ ส่งผลให้ร่างกายตื่นตัวตลอดเวลา
2.ต่อมไทรอยด์จะหลั่งฮอร์โมนเร่งปฏิกิริยาการเผาผลาญอาหารออกมามากขึ้นเพื่อเพิ่มพลังงาน การกระตุ้นอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ อาจนำไปสู่ปัญหาการนอนไม่หลับและอยากอาหารเพิ่มขึ้น เมื่อกินอาหารไม่เป็นเวลา กระเพาะอาหารต้องทำงานหนักมากขึ้น
3.ความเครียดยังทำให้การทำงานของกระเพาะอาหารและลำไส้หยุดชะงักลง แต่จะส่งผลให้กรดในกระเพาะอาหารเพิ่มสูงขึ้นจนเกิดอาการระคายเคืองและกลายเป็นแผลในกระเพาะอาหารได้
นี่แหละค่ะถึงบอกว่าเครียดที่ใจ แต่มีผลถึงกระเพาะอาหาร
สังเกตความเครียดก่อโรค
เมื่อรู้ว่าความเครียดเป็นสาเหตุสำคัญของโรคกระเพาะอาหารแล้วคุณรู้หรือไม่ว่า ตัวคุณกำลังมีอาการเครียดอยู่หรือเปล่า แพทย์หญิงแพ็ญแขมีวิธีสังเกตเบื้องต้นว่าคุณกำลังเครียดอยู่หรือเปล่ามาฝากค่ะ
1.หัวใจเต้นแรงผิดปกติ หายใจเร็วและถี่ขึ้น กล้ามเนื้อมีอาการเกร็ง ปากแห้ง
2.เหงื่อออกมาก ทำให้เส้นเลือดฝอยในชั้นใต้ผิวหนังหดตัวและเกิดอาการขนลุกได้
3.เบื่ออาหาร กินไม่ได้
4.มีอาการมึนงง หงุดงิด รำคาญใจอยู่บ่อยๆ
5.อยากอยู่คนเดียว
6.ท้องผูก
เหล่านี้เป็นสัญญาณเตือนภัยว่าหากคุณสะสมความเครียดไว้นานวันเข้า สุดท้ายคุณก็จะเป็นโรคกระเพาะอาหารจากความเครียดในที่สุด
อาการแบบไหนใช่โรคกระเพาะ
คราวนี้ลองมาดูกันค่ะว่า อาการแบบไหนที่เข้าข่ายเป็นโรคกระเพาะอาหาร แพทย์หญิงเพ็ญแขอธิบายไว้ดังนี้
รู้สึกปวดบริเวณลิ้นปี่ มักปวดเวลาท้องว่าง และอาการปวดเหล่านี้จะลดลงหรือหายไป เมื่อเรารับประทานอาหาร
รู้สึกแน่นท้อง ท้องเฟ้อ เรอเหม็นเปรี้ยว อาจเกิดจากการรีบกินอาหาร การกลืนอาหารเร็วเกินไป รวมไปถึงการดื่มน้ำมากขณะกินอาหาร ซึ่งส่งผลให้กระบวนการย่อยอาหารในกระเพาะแปรปรวน
มีอาการปวดหลัง หลังจากรับประทานอาหารไปแล้ว 2-3 ชั่วโมง จะมีอาการปวดหลังช่วงเวลาดังกล่าว เป็นเวลาที่กระเพาะอาหารของเราเริ่มย่อยอาหาร
รู้สึกคลื่นไส้ อาเจียน เสียดหน้าอก มักจะเกิดจากอาหารที่รับประทานเข้าไปไม่ย่อย
แพทย์หญิงเพ็ญแขยังกล่าวอีกว่า หากมีอาการปวดท้องรุนแรง ชนิดที่ว่าหายใจแรงก็ปวด ถ่ายท้อง อาเจียน หรืออุจจาระออกมาเป็นเลือดและมีสีดำตลอดเวลา ให้รู้ไว้เลยว่าอาการอยู่ในขั้นอันตราย ควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการรักษาเป็นการด่วน หากช้าเกินไปอาจเกิดอาการกระเพาะอาหารทะลุหรือเลือดออกในทางเดินอาหารได้
หลากวิธีหนีโรคกระเพาะอาหาร
สำหรับคุณผู้อ่านที่มักจะทำงานเพลินจนลืมดูแลสุขภาพกระเพาะอาหารของตัวเอง และผู้ที่ป่วยเป็นโรคกระเพาะอาหารอยู่แล้ว แต่ไม่อยากให้อาการแย่ลงไปกว่าเดิม เรามีข้อแนะนำในการป้องกันโรคกระเพาะอาหารตามคำแนะนำของแพทย์หญิงเพ็ญแขมาฝากดังนี้ค่ะ
กินอาหารให้ตรงเวลาและให้ครบทั้ง 3 มื้อ เป็นข้อปฏิบัติอย่างแรกที่ควรทำ เพราะจะช่วยให้กระเพาะอาหารเคยชินกับการย่อย และปล่อยน้ำย่อยออกมาในปริมาณที่พอดีทุกวัน
สำหรับผู้ที่เป็นโรคกระเพาะอาหารอยู่แล้ว ในระยะแรกให้ฝึกการกินอาหารให้ตรงเวลา อาจรู้สึกปวดท้องมาก ควรเริ่มจากการกินอาหารย่อยง่าย เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก ทีละน้อยๆ ก่อน ทั้งนี้ควรงดอาหารที่มีรสจัด เช่น เปรี้ยวจัด เค็มจัด หวานจัด ของดอง และอาหารทอดทุกประเภท
เลิกสูบบุหรี่และงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งหมด รวมทั้งชา กาแฟ เครื่องดื่มชูกำลัง และน้ำอัดลม เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้กระเพาะอาหารอักเสบ และอาจทำให้โรคกระเพาะอาหารที่เป็นอยู่กำเริบหนักขึ้น
หยุดยาแอสไพริน ยาแก้ปวด และยาแก้อักเสบ ที่มีส่วนผสมของสารสเตียรอยด์ เพราะยาจำพวกนี้จะมีฤทธิ์ไปกระตุ้นให้กระเพาะอาหารเกิดการอักเสบมากขึ้น ในกรณีที่จำเป็นต้องใช้ยาบางชนิด เช่น ยารักษาข้ออักเสบ ควรสอบถามเพื่อความมั่นใจจากแพทย์ก่อน
หากิจกรรมคลายเครียด สามารถทำได้หลายวิธี เป็นต้นว่าการออกกำลังกาย เช่น วิ่งเหยาะๆ เดินเร็ว ขี่จักรยาน รำมวย รำกระบอง เต้นแอโรบิก หรือทำสมาธิ อ่านหนังสือ เป็นต้น ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้หากปฏิบัติเป็นประจำจะช่วยลดความเครียด และในระยะยาวยังสามารถรักษาโรคกระเพาะอาหารให้หายขาดได้
จัดตารางการทำงาน วางแผนการทำงานล่วงหน้าเพื่อให้รู้ว่าในแต่ละวันคุณต้องทำอะไรก่อนหลัง เพื่อจะได้จัดเวลาการทำงานและพักผ่อนได้อย่างเหมาะสมลงตัว
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ไม่อยากป่วยเป็นโรคกระเพาะอาหาร ลองเอาข้อแนะนำข้างต้นไปใชช้ดูนะคะ
อ่านเพิ่มเติม เรื่องเล่าจากหมอ โรคมะเร็งกระเพาะอาหาร อันตรายที่ไม่ควรมองข้าม
ที่มา: นิตยสาร ชีวจิต ฉบับที่ 230
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
อาการ ตาแห้ง รู้ก่อน ป้องกัน แก้ไขได้
ดูแลสุขภาพแบบองค์รวม เค้าทำกันยังไง?
เจาะลึกวิธีรับมือโรคหลอดเลือดหัวใจ