โปรแกรมลดน้ำหนักด้วยการ กินแบบIF ยอดนิยม

FAMOUS “IF” PROGRAMS โปรแกรมลดน้ำหนักด้วยการ กินแบบIF ยอดนิยม

ร้อยเอก นายแพทย์สุรชา ลีลายุทธการ ผู้เชี่ยวชาญเวชศาสตร์ป้องกัน คอลัมนิสต์ประจำนิตยสารชีวจิต ผู้ใช้ตัวเองทดลองโปรแกรมลดน้ำหนักด้วยการ กินแบบIF และประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ ได้พูดถึงรูปแบบของ intermittent Fasting ที่นิยมดังนี้

ภาพโดย 🎄Merry Christmas 🎄 จาก Pixabay

1. อดทุกวัน โดยใน 1 วัน จะอดอาหารมากกว่า 12 ชั่วโมง เช่น

16 / 8 หมายถึง อดอาหาร 16 ชั่วโมง กินอาหาร 8 ชั่วโมง
18 / 6 หมายถึง อดอาหาร 18 ชั่วโมง กินอาหาร 6 ชั่วโมง
20 / 4 หมายถึง อดอาหาร 20 ชั่วโมง กินอาหาร 4 ชั่วโมง

โดยอาจจะต้องงดอาหารเช้า และเริ่มกินอาหารมื้อแรกในตอนเที่ยง และอาหารมื้อสุดท้ายเวลา สองทุ่ม เป็นต้น ทั้งนี้การ ทำแบบนี้คล้ายกับอาการอดอาหาร ตามคำสอนในศาสนาพุทธ พระภิกษุ หรือคนที่ถือศีลแปดจะไม่กินหลังเพล หรือการถือศีลอดของศาสนาอิสลาม จะไม่กินอาหารเมื่อพระอาทิตย์ขึ้น และจะกินอาหารอีกทีหลังพระอาทิตย์ตก โดยการจัดช่วงเวลากินและอดนั้น ก็ให้ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน

2. อดบางวัน เช่น

5 / 2 หมายถึง อดอาหาร 2 วัน โดยจะเป็นวันไหนก็ได้ และกินอาหาร 5 วัน ใน 1 สัปดาห์
Alternate-day Fasting หมายถึง อดอาหารสลับกับอาหารวันเว้นวัน

ซึ่งในวันที่อดหาร เดิมจะไม่กินอาหารที่ให้พลังงานเลย หรือแคลอรี่ต่ำมาก เช่น ผักใบเขียว ดื่มได้แต่น้ำเปล่า หรือเครื่องดื่มที่ไม่มีแคลอรี่ เช่น ชา กาแฟ เป็นต้น ในระยะต่อมาอนุญาติให้กินอาหารมนวันที่อดอาหารได้ ไม่เกิน 20 – 25 เปอร์เซ็นต์ ของพลังงานทั้งวัน ( 400 – 600 แคลอรี่ / วัน ) ส่วนอื่น ๆ สามารถกินอาหารได้ตามปกติ

โดยวิธีการดังกล่าว จะทำให้เรากินอาหารโดยรวมลดลง ยกตัวอย่าง เช่น ปกติเรากินอาหาร 3 มื้อ แต่ถ้าเราจำกัดให้กินอาหารใน 8 ชั่วโมง ( สูตร 16 / 8 ) เราก็จะกินได้ 2 มื้อ นั่นหมายความว่า เราลดอาหารจานเดิม 3 มื้อ เหลือ 2 มื้อ หรือกิน อาหาร 5 วัน จากเดิมที่กิน 7 วัน ( สูตร 5 / 2 ) แสดงว่าเราลดอาหารได้ ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ จากเดิมนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้การกินอาหารแบบ IF ดูเหมือนจะมุ่งเน้นไปที่ช่วงเวลาในการกิน และการอดมากกว่า อาหารที่ควรกินหรือไม่ควรกิน แต่ถ้าหากเราให้ความสำคัญทั้งช่วงเวลา และอาหารที่นำเข้าร่างกายได้ทั้งสองอย่างก็จะดีที่สุด

เรื่อง กองบรรณาธิการ