Samsung Galaxy Watch4 Series สมาร์ทวอทช์ที่รู้จักคุณดีที่สุด ตอบโจทย์ได้ทั้งไลฟ์สไตล์และสุขภาพ

Samsung Galaxy Watch4 Series
สมาร์ทวอทช์ที่รู้จักคุณดีที่สุด ตอบโจทย์ได้ทั้งไลฟ์สไตล์และสุขภาพ

ยุคนี้คนรุ่นใหม่หันมาใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น นอกจากเสื้อผ้า หน้า ผม เครื่องแต่งกาย และรองเท้าที่ใช้สำหรับการออกกำลังกายแล้ว สมาร์ทวอทช์ก็เป็นไอเท็มอีกชิ้นหนึ่งที่เราจะขาดไปไม่ได้ เพราะสิ่งนี้จะทำให้การใช้ชีวิตของเราง่ายขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นการช่วยแจ้งเตือนนัดหมาย ติดตามการออกกำลังกายและสุขภาพ หรือแม้แต่การทำให้เราเข้าถึงแอปพลิเคชันได้โดยที่ไม่ต้องหยิบสมาร์ทโฟนออกมา ต่างจากนาฬิกาปกติที่ใช้ได้แต่ดูเวลาอย่างเดียว

เช่นเดียวกับ Galaxy Watch4 Series สมาร์ทวอทช์รุ่นใหม่จาก Samsung ที่ดีไซน์สวยและแข็งแรง เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ใส่ได้ทุกโอกาสตั้งแต่เริ่มวันยันเข้านอน หลังจากที่ได้มาใช้ก็เลยลองใส่ไปทำงานตอนเช้า รู้สึกว่าเจ้า Galaxy Watch4 ทำให้เราดูสมาร์ททันสมัย เพียงแค่เปลี่ยนหน้าปัดให้เข้ากับสถานการณ์ก็ช่วยสร้างบุคลิกภาพที่ดีขึ้นมาได้ แถมหน้าปัดยังมีให้เลือกเยอะมาก ตกแต่งได้ตามสไตล์เราเลยด้วย ซึ่งจะตั้งค่าได้ละเอียดยิ่งขึ้นไปอีกหากว่าใช้งานแอปฯ Galaxy Wearable

อีกจุดเด่นของ Galaxy Watch4 Series ที่เพิ่งเปิดตัวออกมาใหม่นี้ ก็คือการที่มีเซนเซอร์ที่ใช้วัดข้อมูลร่างกาย (Body Composition)¹ มาให้ด้วย ถือเป็นครั้งแรกที่มีการวัดค่านี้ในสมาร์ทวอทช์ ซึ่งน่าตื่นตาตื่นใจและน่าใช้สุดๆ เพราะจะทำให้เรารู้ได้ทันทีว่าควรปรับกิจวัตรหรือพฤติกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันให้สุขภาพดีขึ้นได้อย่างไร

ขณะเดียวกัน Galaxy Watch4 Series ก็ยังมีประสิทธิภาพ ที่ดีขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย เพราะรอบนี้มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Wear OS + One UI Watch ทำให้เปิดแอปฯได้เร็วขึ้นถึง 30% แถมยังเข้าถึงแอปฯต่างๆ อย่างไร้รอยต่อไม่ว่าจะเป็นแอปฯยอดนิยมจาก Google Play Store และ Samsung Galaxy Apps Store เนื่องจากติดตั้งแอปฯได้ง่าย ทำให้ตอบโจทย์ได้ทุกการใช้งานที่เราต้องการ

นอกจากนี้ยังสามารถควบคุมการใช้งานผ่าน Bixby voice และการควบคุมด้วยท่าทางได้อย่างง่ายดายด้วยการยกปลายแขนขึ้นลงสองครั้งเพื่อรับสายเรียกเข้า หรือหมุนข้อมือสองครั้งเพื่อปฏิเสธสาย

^{————————————————————————-
1} สำหรับการดูแลสุขภาพในระดับทั่วไปเท่านั้น ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการตรวจหา วินิจฉัย หรือทำการรักษาอาการหรือโรคแต่อย่างใด ใช้สำหรับการอ้างอิงส่วนบุคคลเท่านั้น ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสำหรับคำแนะนำ ห้ามทำการตรวจวัดองค์ประกอบของร่างกายในผู้ที่ใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจหรือผู้ที่มีเครื่องมือแพทย์อื่นๆ ในร่างกาย ห้ามทำการตรวจวัดหากกำลังตั้งครรภ์ ค่าวัดอาจมีความคลาดเคลื่อนในผู้ใช้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี ฟีเจอร์ดังกล่าวอาจรองรับแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ

หลังจากใช้งาน Galaxy Watch4 ไปแล้ว ก็ขอลองเปลี่ยนมาใส่ Galaxy Watch4 Classic ดูบ้าง เพราะตัวเรือน Galaxy Watch4 Classic ดูเรียบหรูมีสไตล์ ออร่าจับ กรอบหน้าปัดหมุนได้ และแน่นอนว่าไม่ได้มีแค่สวย หรู ดูดีอย่างเดียว ยังมีฟีเจอร์ที่ช่วยให้เราใช้ชีวิตง่ายอัดแน่นมาด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการตั้งเป้าปริมาณแคลอรี่ที่จะบริโภค โดยสามารถแบ่งเป็นมื้อเช้า กลางวัน และเย็นได้ นอกจากนี้ยังตั้งเป้าปริมาณน้ำที่ควรดื่มในแต่ละวัน เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ชอบลืมดื่มน้ำ

หรือถ้าหากว่าต้องรับภาระหนัก ประชุมทั้งวัน งานล้นมือ ปรับอารมณ์ไม่ไหวจนทำให้เกิดความเครียด Galaxy Watch4 Series ก็สามารถที่จะวัดระดับความเครียดของเราได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งถ้าวัดผลออกมาแล้วเครียดเกินไปก็จะมีระบบเตือนให้เราหายใจเข้า-ออก ช้าๆ เพื่อลดระดับความเครียดลงมานั่นเอง ก็อย่างที่บอกไปแล้วว่า Galaxy Watch4 Series เหมาะกับทุกคนจริงๆ สายสุขภาพก็ใส่ได้ สายไลฟ์สไตล์ก็ตอบโจทย์ ใส่เวลาไหนก็เหมาะทั้งนั้น

ฟีเจอร์ด้านสุขภาพที่โดดเด่นและครบครัน

เมื่อผ่านการใช้งานแอปฯต่างๆ แบบลื่นไหล ในโหมดไลฟ์สไตล์และช่วงเวลาการทำงานไปแล้ว ก็ได้เวลาเปลี่ยนโหมดมาสู่การออกกำลังกายและโหมดห่วงใยสุขภาพ รวมถึงเปลี่ยนกลับมาเป็น Galaxy Watch4 ที่ดูเป็นแนวสปอร์ต พร้อมกับเปลี่ยนหน้าปัดและปรับแต่งพื้นหลังให้เป็นสีเขียวเพราะเป็นสีเดียวกับเพจ Goodlifeupdate ของเรา

จากนั้นก็ลองเข้าไปเลือกใช้ฟีเจอร์ด้านสุขภาพ ซึ่งเจ้า Galaxy Watch4 Series มีครบครันจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นการวัดข้อมูลร่างกาย (Body Composition)¹ อย่างที่บอกไปแล้วว่าเป็นการวัดได้ด้วยสมาร์ทวอทช์เป็นครั้งแรก และวัดได้อย่างละเอียดด้วย ซึ่งฟีเจอร์นี้จะบอกให้เรารู้ว่าร่างกายมีอัตราส่วนไขมัน (Body Fat), ปริมาณมวลไขมัน (Fat Mass), ปริมาณกล้ามเนื้อโครงร่าง (Skeletal Muscle), ค่าเผาพลาญพลังงานขั้นต่ำต่อวัน (BMR), ปริมาณน้ำในร่างกาย (Body water) รวมถึงค่าดัชนีมวลกาย (BMI) เท่าไหร่ มีปัจจัยเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพหรือไม่

เมื่อรู้ค่าต่างๆ เหล่านี้เราก็สามารถนำไปวางแผนในการเตรียมมื้ออาหาร และทำตารางการออกกำลังกายได้อย่างง่ายดายและเหมาะสมกับร่างกายของเรา เพื่อให้สามารถปรับกิจวัตรหรือพฤติกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นได้ และลดความเสี่ยงในการเป็นโรคต่างๆ อย่างเช่นโรคอ้วน ความดันโลหิตสูง

สิ่งสำคัญอีกอย่างก็คือการที่ Galaxy Watch4 Series สามารวัดอัตราการเต้นของหัวใจ และวัดปริมาณความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือด (SpO2)² ได้อย่างแม่นยำ ด้วยเซนเซอร์ BioActive ที่ตรวจจับข้อมูลได้ถึง 2,400 จุด โดยใช้เวลาเพียง 15 วินาที ในการตรวจวัดและทราบค่าต่างๆ ซึ่งการวัดปริมาณความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือดนั้นเหมาะกับยุคสมัยนี้มากจริงๆ

(*มีฟีเจอร์การวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG)³ และการวัดความดันโลหิต^{4 5} มาให้ด้วย แต่ยังอยู่ในขั้นตอนการขออนุญาตจาก อย. ถ้าเรียบร้อยเมื่อไหร่จะมีการอัปเดตมาให้ใช้แน่นอน)

^{————————————————————————-
2} ฟีเจอร์วัดระดับออกซิเจนในเลือด (SpO2) ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการวินิจฉัยโรคหรืออาการอื่นๆ หรือใช้เพื่อการรักษา บรรเทา บำบัด หรือป้องกันโรค ความพร้อมในการให้บริการฟีเจอร์ดังกล่าวอาจแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ
³ ฟีเจอร์ตรวจวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG) เปิดให้บริการในบางประเทศ โดยฟีเจอร์ดังกล่าวไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้แทนวิธีตรวจวัดแบบปกติเพื่อวินิจฉัยหรือรักษาโรค ไม่แนะนำสำหรับผู้ที่มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือผู้ใช้ที่มีอายุต่ำกว่า 22 ปี ผู้ใช้ไม่ควรตีความหรือดำเนินการทางการแพทย์จากการพิจารณาผลลัพธ์ของอุปกรณ์โดยไม่ได้รับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
⁴ ฟีเจอร์ตรวจวัดความดันโลหิต เปิดให้บริการในบางประเทศ และเพื่อความแม่นยำของข้อมูล ผู้ใช้ควรทำการเปรียบเทียบค่าตรวจวัดที่ได้กับเครื่องวัดความดันโลหิตแบบดั้งเดิมทุก 4 สัปดาห์ โดยฟีเจอร์ดังกล่าวไม่สามารถใช้วินิจฉัยอาการของโรคความดันโลหิตสูง หรือภาวะอื่นๆ หรือตรวจจับสัญญาณของอาการหัวใจวายได้ แอปพลิเคชันนี้สำหรับผู้ใช้ที่มีอายุ 22 ปีขึ้นไปเท่านั้น ฟีเจอร์ดังกล่าวไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อใช้แทนวิธีตรวจวัดแบบปกติ หรือวินิจฉัยและทำการรักษาแทนแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแต่อย่างใด
⁵ รองรับบนสมาร์ทโฟนซัมซุงกาแลคซี่ เวอร์ชัน Android 7 ขึ้นไป บนแอปพลิเคชัน Samsung Health Monitor ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ทาง Samsung Galaxy App Store เท่านั้น เนื่องด้วยข้อจำกัดของแต่ละประเทศในการขออนุมัติ / ขึ้นทะเบียนเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ ทำให้แอปพลิเคชันสำหรับตรวจวัดค่าด้านสุขภาพ (Samsung Health Monitor) จะสามารถใช้งานได้บนสมาร์ทวอทช์และสมาร์ทโฟนที่วางจำหน่ายในประเทศที่รองรับบริการเท่านั้น

ติดตามการออกกำลังกายได้หลากหลายกิจกรรม

หลังจากวัดค่าต่างๆ เรียบร้อยแล้วก็มาสู่ขั้นตอนการออกกำลังกาย ซึ่งไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายในรูปแบบไหน Galaxy Watch4 Series ก็เป็นเพื่อนคู่ใจติดตามเราไปทุกที่ ทั้งนับก้าว ตรวจดูแคลอรีที่ร่างกายเผาผลาญไป หรือแม้แต่วัดสมรรถภาพความฟิตของร่างกาย (VO2 Max) วิเคราะห์ท่าทางการวิ่งที่ถูกต้องได้อย่างเรียลไทม์ (Real Time Running Form Analysis) ก็ทำได้  แถมยังติดตามตำแหน่งอย่างแม่นยำด้วย GPS และตรวจจับกิจกรรมทางกายภาพเพื่อติดตามกิจวัตรและรองรับการออกกำลังกายมากกว่า 120 แบบ ไม่ว่าจะเดิน วิ่ง ขี่จักรยาน หรือแอดวานซ์อย่างการยกน้ำหนักและฟิตเนส นอกจากนี้ยังมีการชาเลนจ์สร้างแรงจูงใจที่ทำให้เราได้ออกกำลังกายร่วมกับเพื่อนและครอบครัวได้อีกด้วย

ยิ่งกว่าไปนั้นในขณะที่กำลังออกกำลังกายก็สามารถดูการวัดผลอัตราการเต้นของหัวใจว่าตอนนั้นหัวใจของเรากำลังเต้นอยู่ในโซนไหน ถือเป็นจุดเด่นที่ทำให้ใช้งานได้ง่ายมากๆ เลย

ดูแลการนอนหลับ ช่วยให้รับรู้ถึงปัญหาสุขภาพ

อีกฟีเจอร์หนึ่งที่โดดเด่นสำหรับ Galaxy Watch4 ก็คือการดูแลการนอนหลับ⁶ ที่ทำให้เราสามารถรับรู้และทราบปัญหาสุขภาพของเราได้นั่นเอง เพียงใส่เข้านอนก็จะวัดค่าโดยอัตโนมัติและบอกเราได้ว่า คืนนั้นเรานอนหลับนานเท่าไหร่ หลับลึกขนาดไหน และตื่นขึ้นมาเป็นเวลากี่นาที เรียกได้ว่าละเอียดมากจริงๆ แถมยังให้คะแนนการนอนหลับของเราด้วยว่ามีคุณภาพขนาดไหน เพื่อให้เราเรียนรู้รูปแบบการนอนของตัวเองและนำไปปรับกิจวัตรการพักผ่อนให้เหมาะสมยิ่งขึ้นได้ ซึ่งทั้งหมดที่ว่ามานี้สามารถใช้งานได้ง่ายๆ ผ่านแอปฯ Samsung Health แอปฯเดียวจบ ไม่ต้องเสียเวลาหาดาวน์โหลดแอปฯอื่นๆ ให้ยุ่งยาก

^{————————————————————————-
6} ใช้เพื่อบันทึกสถิติทางสุขภาพเท่านั้น ไม่ได้มีจุดประสงค์ไว้เพื่อตรวจพบ วินิจฉัย รักษาอาการหรือโรคทางการแพทย์ใด ๆ และไม่สามารถใช้เพื่ออ้างอิงทางการแพทย์ได้, จำเป็นต้องลงชื่อเข้าใช้และจับคู่กับสมาร์ทโฟนที่ใช้งานร่วมกันได้ของคุณ เพื่อใช้งานแอป Samsung Health กับ Galaxy Watch

Galaxy Watch4 และ Galaxy Watch4 Classic

สำหรับ Galaxy Watch4 Series มีอยู่ด้วยกัน 2 รุ่นก็คือ Galaxy Watch4 และ Galaxy Watch4 Classic ถ้าจะถามว่าต่างกันตรงไหนก็ขอบอกว่า

Galaxy Watch4 นั้นมีดีไซน์สปอร์ต ทันสมัย แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งความเรียบง่ายแบบมินิมอล ตัวเรือนใช้วัสดุอลูมิเนียมแข็งแรงทนทาน สายเป็นแบบสปอร์ตแบนด์

• มีวางจำหน่ายแบบหน้าปัดขนาด 40 มม. (BLT) มีสี Black และ Pink Gold ให้เลือก ในราคา 7,990 บาท (BLT) และหน้าปัดขนาด 44 มม. มีสี Black และ Green ให้เลือก ในราคา 8,990 บาท (BLT) และ 10,900 บาท (LTE)

ส่วน Galaxy Watch4 Classic จะดูทางการและเนี๊ยบขึ้นมาอีกนิด เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความคลาสสิก ที่สำคัญรุ่น Classic นั้นจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวก็คือ Rotating bezel หรือกรอบหน้าปัดแบบหมุนได้ ที่นอกจากเรียบหรู ดูดี มีสไตล์ก็ทำให้ใช้งานได้ง่ายขึ้นด้วย สำหรับตัวเรือนของรุ่น Classic เรียกได้ว่าทนทานสุดฤทธิ์เพราะใช้สแตนเลสสตีล

• ในไทยวางจำหน่ายในรุ่นหน้าปัดขนาด 46 มม. โดยมีสี Black และ Silver ให้เลือก ในราคา 11,900 บาท (BLT) และ 13,900 บาท (LTE) ในตัวเลือกสี Black

ใครที่สนใจสามารถไปดูและไปลองของจริงได้ที่ Samsung Experience Store และร้านค้าที่ร่วมรายการหรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.samsung.com/th/

อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม 

• 4 ท่ายืดเส้น ช่วยหลีกเลี่ยงไม่ให้เป็นโรค “ออฟฟิศซินโดรม”
• การพักผ่อนให้ถูกต้องไม่ใช่เพียงแค่นอน อะไรคือการพักผ่อนที่แท้จริง
• รับมือฮีทสโตรก (Heatstroke) เมื่ออุณหภูมิร่างกายสูงอย่างเฉียบพลัน
• 3 ทริกดื่มน้ำเพื่อผิวสวยรับซัมเมอร์ สวยปังท้าความร้อน
• น้ำมันมะกอก ทางเลือกเพื่อสุขภาพสำหรับทุกวัย ที่ใครๆ ก็แนะนำ
• 9 ข้อที่วัยทำงานควรจำไว้ แล้วจะห่างไกลจาก “โรคอ้วน”
• รวมเมนูพิเศษ อาหารแคลอรี่ต่ำ แก้หิวได้ในทุกเวลา