ชีวจิตโฮมคลินิก
การรักษาสุขภาพตนเอง ป้องกันความเจ็บป่วย หรือการรักษาอาการง่ายๆ ด้วยการปรับพฤติกรรมและเป็นเรื่องที่ทุกคนสามารถทำได้ โดยเฉพาะตลอด 10 กว่าปีมานี้ นิตยสารชีวจิตค่อยๆ นำเสนอแง่มุมสุขภาพมากมาย แบบที่ไม่เคยให้ซ้ำแง่มุมกันเลย แม้ว่าจะเป็นเรื่องเดียวกันก็ตาม เพื่อให้ผู้อ่านที่ไม่ได้อยู่ในสายการแพทย์ ได้ค่อยๆ ทำความเข้าใจเรื่องสุขภาพ พร้อมกับวิธีการที่เป็นประโยชน์ สามารถทำตามได้ง่าย
จะว่าไป เราเพิ่งไปสัมภาษณ์นายแพทย์พลเดช ปิ่นประทีป เลขาคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) และนายแพทย์โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ลงคอลัมน์ Expert’s Tip พบว่าทั้งสองท่านกล่าวตรงกันเรื่องนโยบาย health literacy ของกระทรวงสาธารณสุขว่า จะต้องให้ประชาชนคนไทยเข้าใจเรื่องสุขภาพของตนเอง รู้ว่าอะไรคือปัจจัยก่อโรค จะต้องป้องกัน และแก้ไขอย่างไร ซึ่งเชื่อว่า ผู้อ่านชีวจิตผู้รักสุขภาพที่เป็นแฟนกันเหนียวแน่นยาวนาน เข้าใจเรื่อง health literacy ดีอยู่แล้ว อิอิ เท่ากับเราช่วยแบ่งเบาภารกิจชาติมาบ้าง
ส่วนเมื่อถึงคราวเจ็บป่วย การกิน นอน พักผ่อน ออกกำลังกาย และทำงานอย่างสมดุล ตามหลักปัญจกิจของอาจารย์สาทิส อินทรกำแหง กูรูต้นตำรับชีวจิต ย่อมไม่พอ ตามตำราการรักษาโรคของอาจารย์สาทิส มีการผสมผสานการแพทย์หลายแขนงเข้าดัวยกัน ค่อยๆ รักษาอย่างใจเย็น จนคนไข้หายป่วย
ฉะนั้น โรคมะเร็งระยะท้ายๆ กำลังลุกลามรุนแรง การใช้วิธีแบบการรักษาชีวจิตอาจไม่ฉลาดนัก ตรงกันข้าม หากใช้การกินอยู่แบบชีวจิตส่งเสริมการแพทย์แผนปัจจุบันให้ได้ผลดียิ่งขึ้นนั้น จะเยี่ยมยอดมาก
คลิกเลข 2 เพื่ออ่านหน้าถัดไป
ในเคสของเรา เมื่อพบก้อนต่อมน้ำเหลืองโต คุณหมอที่โรงพยาบาลตรวจแล้วว่า ไม่ได้เป็นการอักเสบแน่ๆ ประกอบกับอาการทางกายครบถ้วน คัน มีรอยแดงตามผิว เหงื่ออกกลางคืน ไข้ต่ำ เหนื่อยเหมือนจะขาดใจ เราก็รีบมาหาอาจารย์สาทิส ท่านดูก้อนที่คออย่างละเอียด พร้อมกับแมะตามหลักแผนจีน ท่านก็สรุปได้ว่า เป็นโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง (ตอนนี้คนที่เชื่อตัวเลขทางวิทยาศาสตร์อาจงง ว่าเชื่อได้หรือ แต่จะบอกว่า เมื่อรักษาชีวจิตผ่านไปเกือบปี แล้วไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่เชี่ยวชาญเรื่องมะเร็ง ก็พบว่าร่างกายเรายังเหลือเชื้อมะเร็งอยู่ เหมือนกับผู้ป่วยที่เคยป่วยมาแล้ว และกำลังจะหาย…อิอิ จึงพิสูจน์ว่า อาจารย์สาทิสวินิจฉัยได้แม่นมาก)
วันรุ่งขึ้น อาจารย์จะใช้กินยาตัวหนึ่งทันที เป็นยาที่ทำให้ร่างกายขับพิษออกจากเส้นเลือดทั่วร่างกาย โดยจะแสดงอาการออกมาทางผิวหนังคือ เป็นผื่นแดง ทั้งร้อน ทั้งคัน กินครั้งหนึ่ง ร้อนและคันไปสามวัน และต้องกินถึง 3 ครั้ง พร้อมๆ กันนั้นก็ต้องเริ่มกินอาหารชีวจิตเข้มข้น และรับมินิโดสหรือสารอาหารทุกวัน ซึ่งเมื่อครบ 2 สัปดาห์ ก็ขยับไปรับมินิโดสวันเว้นวัน และหนึ่งเดือนผ่านไป ก็เหลือสัปดาห์ละ 3 วัน ติดต่อกันนานหลายเดือน
จะว่าไป หลังจากการรักษาหนึ่งเดือนแรก ก้อนต่อมน้ำเหลืองก็ยุบลงเป็นปกติ แต่อาการทั้งหมดยังอยู่ อาจารย์ท่านว่า ยกแรก เราน็อคมะเร็งได้แล้ว หลังจากนี้ต่อไป คือการทำให้อาการทั้งหมดหายไป และน้ำหนักขึ้น (ตอนนั้นเราหนักแค่ 38-39 กิโลเอง) ด้วยการปฏิบัติแบบชีวจิตร้อยเปอร์เซ็นต์อย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ และห้ามนอกสูตรเลย
เกือบหนึ่งปี ตรวจครั้งแรก พบว่าเซลล์มะเร็งลดลง ปีกว่า ตรวจครั้งที่สอง ก็ไม่พบเซลล์มะเร็งแล้ว แต่น้ำหนักยังไม่มีทีท่าว่าจะขึ้นเลย กินจนท้อแท้ ไหนจะเสียเวลานั่งกิน แถมยังต้องเคี้ยวจนเมื่อยปากเมื่อยกราม ช่วงปีที่สองสามนี่แหละ ที่ทำเราเบื่ออาหารชีวจิต จนต้องร้องไห้ออกมา
แต่ด้วยการกลับมาอยู่กับลมหายใจเรื่อยๆ จนลดความเครียด ความกังวล และอะไรต่างๆ ที่เป็นขยะของใจ ทำให้เราผ่านช่วงนั้นมาได้ และน้ำหนักมาเริ่มขึ้นในช่วงปีที่ 5-6 จนแตะที่ 43 กิโล
…นับเป็นชัยชนะบางประการ ที่เสียดายว่า ไม่ได้อวดอาจารย์สาทิส เนื่องจากท่านชิงเสียชีวิตไปก่อน เศร้าจุง
พบกันใหม่ วันพฤหัสหน้าค่ะ
เรื่องโดย : เอื้อมพร แสงสุวรรณ