ลดอาการภูมิแพ้
ลดอาการภูมิแพ้ ด้วยการจัดห้องนอน เพราะมากกว่าหนึ่งในสามของวัน เราใช้เวลาอยู่ใน“ห้องนอน” การได้ใช้เวลาอยู่ในห้องนอนนานๆ นี่เอง ทำให้รู้ว่าหากเราดูแลรักษาความสะอาดห้องนอนไม่ดีพอ ปล่อยให้มีความอับชื้น รกรุงรัง มีฝุ่นผงเกาะตามโต๊ะเครื่องแป้งมากๆ จะรู้สึกคันแสบจมูกในที่สุดอาการ “ภูมิแพ้” ที่เป็นอยู่ก็กำเริบขึ้นมาอีกจนได้
จัดห้องนอนเสียใหม่ เพื่อบรรเทาอาการภูมิแพ้ไม่ให้กำเริบมาทำร้ายสุขภาพของเราได้ แต่จะมีวิธีการอย่างไรบ้าง มาเริ่มต้นพร้อมๆ กัน
จัดการกับเตียงและเครื่องนอน
เตียงและเครื่องนอนต่างๆ หากไม่ได้รับการรักษาความสะอาดและดูแลที่ดีพอ ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้คนที่เป็นภูมิแพ้อยู่แล้วมีอาการกำเริบได้ และเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการลดอาการภูมิแพ้ในบ้านมีข้อแนะนำดังนี้ค่ะ
วางเตียงในตำแหน่งที่เหมาะสม เตียงนอนของคนเป็นภูมิแพ้ ไม่ควรอยู่ใกล้ห้องน้ำโดยเด็ดขาดเพราะห้องน้ำเป็นแหล่งสะสมความชื้นชั้นดีที่จะยิ่งทำให้คุณมีความเสี่ยงต่อการเกิดภูมิแพ้มากขึ้น ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย ควรวางเตียงให้ห่างจากห้องน้ำมากที่สุด และหันหัวเตียงไปทางทิศที่สามารถรับแสงและลมได้
ใช้เตียงที่มีขาลอย เพื่อความสะดวกในการทำความสะอาด แทนการใช้เตียงที่มีลิ้นชักเก็บของหลายๆ ช่อง เพราะเตียงลักษณะนี้จะเป็นแหล่งสะสมฝุ่นอย่างดี ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้อาการภูมิแพ้กำเริบ
เลือกเครื่องนอนที่ป้องกันการสะสมของฝุ่น ไม่ว่าจะเป็นหมอน ผ้าปูที่นอน ผ้านวม ควรเลือกชนิดที่ออกแบบมาเพื่อคนที่เป็นภูมิแพ้โดยเฉพาะ แม้ว่าจะมีราคาสูงกว่าผ้าธรรมดาสักนิดแต่ปลอดภัยกว่าค่ะ
นอกจากนั้นควรหลีกเลี่ยงการใช้หมอนที่ทำจากยางหรือฟองน้ำ เพราะใช้ไปนานๆ จะมีความชื้นเป็นเชื้อราได้ง่าย หมอนที่ทำจากนุ่นก็ไม่ควรใช้ค่ะ เพราะไรฝุ่นก็ชอบเหมือนกัน ที่สำคัญ ควรหมั่นทำความสะอาดเครื่องนอนอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งค่ะ
คลิกเลข 2 เพื่ออ่านหน้าถัดไป
หลากสิ่งพึงละเว้นในห้องนอน
แม้ว่าห้องนอนจะเป็นห้องที่เราอยู่ในนั้นนานที่สุดในบ้าน แต่แท้ที่จริงแล้วห้องนอนควรใช้เพื่อการนอนหลับพักผ่อนเป็นประเด็นหลัก หากบางครั้งเราอาจจำเป็นต้องทำกิจกรรมอื่นๆ ก็ไม่ว่ากัน แต่สิ่งที่คนเป็นภูมิแพ้ไม่ควรทำโดยเด็ดขาดในห้องนอนมีดังนี้ค่ะ
- หยุดตากผ้าในห้องนอน
เพราะการตากผ้า (ทุกประเภท) ในห้องนอนจะยิ่งทำให้เกิดความอับชื้น โดยเฉพาะในห้องที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวก จะยิ่งส่งผลให้เสื้อผ้าเป็นเชื้อรา และทำให้อาการภูมิแพ้กำเริบ
- งดเลี้ยงสัตว์ที่มีขน
ไม่ว่าจะเป็นหนู แมว สุนัข เพราะขนของสัตว์เหล่านี้มักจะติดอยู่ตามผ้าขนหนู เตียงนอน พรม ผ้าโซฟาที่หุ้มด้วยผ้า และไม่ควรนำสัตว์มานอนด้วยเด็ดขาด เพราะหากหายใจเอาขนสัตว์เหล่านี้เข้าไป จะทำให้คนเป็นภูมิแพ้มีอาการเพิ่มขึ้นค่ะ
- หลีกเลี่ยงของสะสมทุกประเภท
ห้องนอนของเรา ควรใช้เป็นห้องนอนจริงๆ ค่ะ ไม่ใช่ใช้เป็นที่เก็บของสารพัด สมบัติต่างๆ เช่นตุ๊กตาตัวโปรด (ที่อยู่มานานโดยปราศจากการเคลื่อนย้ายมาหลายปีแสง) หนังสือธรรมะ บนหัวเตียง (ที่มีฝุ่นจับเขรอะ) กรอบรูป ฯลฯ เหล่านี้หากไม่ทำความสะอาดล้วนเป็นแหล่งซ่องสุมฝุ่น
- ห้ามปูพรม
สำหรับคนที่เป็นภูมิแพ้ หากเป็นไปได้ควรงดเว้นการปูพรมในห้องนอนโดยเด็ดขาด เพราะนอกจากจะทำความสะอาดยากแล้ว พรมยังเป็นวัสดุที่อมฝุ่นและความชื้นค่ะ
คลิกเลข 3 เพื่ออ่านหน้าถัดไป
หลายอย่างพึงปฎิบัติป้องกันภูมิแพ้
นอกจากสิ่งที่พึงละเว้นแล้ว เรายังมีอีกหลายสิ่งที่ควรปฏิบัติเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงของการเกิดภูมิแพ้สามารถทำได้ดังต่อไปนี้ค่ะ
- เปิดหน้าต่างรับแดดบ้าง
การปล่อยให้แสงแดดสาดส่องและให้สายลมพัดโชยเข้ามาในห้องนอนบ้าง จะช่วยให้อากาศภายในห้องมีการหมุนเวียนถ่ายเท ซึ่งจะช่วยระบายความชื้นและเชื้อโรคต่างๆ ถูกกำจัดออกไปได้ค่ะ
- ซักผ้าม่าน
สำหรับห้องที่มีผ้าม่านบังแสง นอกจากจะต้องเปิดผ้าม่านเพื่อให้แสงแดดสาดส่องเข้ามาภายในห้องนอนเป็นประจำหลังตื่นนอน ควรหาโอกาสนำผ้าม่านไปทำความสะอาดบ้างเพื่อป้องกันการสะสมของฝุ่น อีกทั้งควรเลือกใช้ผ้าม่านบังแสงที่ทำจากพลาสติกหรือวัสดุอื่นๆ แทนชนิดที่ทำจากผ้าฝ้าย เพราะทำความสะอาดง่ายกว่าค่ะ
- หมั่นดูดฝุ่น
ฝุ่นคือตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดภูมิแพ้ การดูดฝุ่นในห้องนอนเป็นประจำจะช่วยลดความเสี่ยงต่ออาการภูมิแพ้ที่จะกำเริบได้ค่ะแต่สำหรับคนที่ไม่มีเครื่องดูดฝุ่น การปัดกวาดเช็ดถูและรักษาความสะอาดในห้องนอนอยู่เสมอก็ช่วยได้ค่ะ
มีข้อแนะนำเพิ่มเติมว่า ในกรณีที่ใช้ไม้กวาด ไม้ขนไก่หรือผ้าเช็ดฝุ่นในห้องนอน (รวมถึงห้องอื่นๆด้วย) ควรเลี่ยงการปัดกวาดแรงๆ ชนิดที่ทำให้ฝุ่นฟุ้งตลบไปทั่วห้อง เพราะจะยิ่งทำให้ฝุ่นกระจายตัวเข้าปากและจมูกได้มากขึ้น
- ทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศ
เครื่องปรับอากาศในบ้านก็นับว่ามีความสำคัญเช่นเดียวกัน เพื่อลดอาการภูมิแพ้และสามารถใช้งานเครื่องปรับอากาศให้ได้ประโยชน์สูงสุด ควรล้างเครื่องปรับอากาศอย่างน้อย 3 เดือนครั้งค่ะ
เพียงเท่านี้ภูมิแพ้ที่ว่าร้ายก็จะไม่มาย่างกรายห้องนอนคุณอีกค่ะ
ข้อมูลจาก : นิตยสารชีวจิต