เลือกร้านนวด
วันหยุดแบบนี้ หลายคนเลือกการนวด เป็นการผ่อนคลายจากงานหนัก หรือหลบหนีจากเสียงดังตึงๆตังๆของบรรดาพลพรรคครอบครัว ที่กลับมารวมกันที่บ้าน อิอิ บ.ก.ก็เช่นกัน
เราออกแนวนวดเป็นอาชีพ…อาชีพนอนให้คนอื่นนวดค่ะ ตระเวนนวดมาแล้วทั่วทุกสารทิศในประเทศไทย เชียงใหม่ ภูเก็ต อัมพวา หัวหิน ประจวบฯ สมุทรสาคร กรุงเทพฯ (ที่เอ่ยชื่อจังหวัดมาทั้งหมดเหล่านี้ คือ เรามีร้านนวดประจำค่ะ โผล่หน้าไป จะมีคนถามว่า มาตั้งแต่เมื่อไร อยู่กี่วัน และจะกลับเมื่อไร 555)
แล้วเราก็จะอวยคนนวด…ถ้าไม่ได้พี่/น้องที่นวดให้เราเนี่ยน๊า ป่านนี้อิฉันพิการไปแล้ว ไหนจะขับรถ ไหนจะนั่งทำงาน ทั้งหน้าจอคอมพ์ และก้มอ่านต้นฉบับ หรือหนังสือ แถมด้วยปีหลังๆ มานี่ ก็อยู่หน้าจอโทรศัพท์ (โดยอ้างว่า ทำงานนะคะ อิฉันกำลังดูความเคลื่อนไหวในโลกออนไลน์ หรือดูแลเพจนิตยสารชีวจิต คอยตอบเม้นท์นั่นนี่…555)
อันที่จริง เรารู้จักการนวดจากการนวดกดจุดละนวดคู่ ในคอร์สชีวจิตของอาจารย์สาทิส อินทรกำแหง กูรูต้นตำรับชีวจิต ที่จัดขึ้นปีละ 7 ครั้ง ทั้งปริมณฑล และเชียงใหม่ ซึ่งบ.ก.ต้องไปทุกครั้ง ฉะนั้นจึงรู้ว่าการนวดมีประโยชน์ต่อสุขภาพมาก
คลิกเลข 2 เพื่ออ่านหน้าถัดไป
จากข้อมูลในคอลัมน์เรื่องพิเศษ วันที่ 16 สิงหาคม 2552 เรื่อง การนวดนานาชาติ ที่ทีมงานกองบรรณาธิการนิตยสารชีวจิตจัดทำขึ้น เพื่อสรุปประโยชน์ของการนวด 10 แผน ได้แก่ นวดไทย นวดทุยน่าแบบจีน นวดลังกาสุกะ นวดอินเดีย นวดล้านนา นวดจับตะไซแบบเขมร นวดชิอาชิแบบญี่ปุ่น นวดจับเส้นเมืองคอน ซึ่งนำมาให้บริการในงาน Health Cuisine and Beauty Festival ณ ศูนย์ประชมแห่งชาติสิริกิติ์ สมัยนั้น (ปัจจุบันเป็นงาน good Life Fair และปีนี้จะจัดขึ้นที่ไบเทค บางนา วันที่ 22-30 กรกฎาคม และไม่มีบริการการนวดอีกแล้ว)…เฮ้อ…เกริ่นนานจุง…จริงๆ จะบอกประโยชน์ของการนวด ว่ามีดังนี้ค่ะ
- ประโยชน์ทางกาย การนวดทำให้การไหลเวียนของเลือดลมดีขึ้น ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น พังผืด ช่วยให้การทำงานของข้อต่อดีขึ้น กระตุ้นระบบประสาท การตื่นตัว ตอบสนองต่อสภาพแวดล้อมดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยบรรเทาและป้องกันอาการผิดปกติของกล้ามเนื้อ และข้อต่อต่างๆ เช่น ปวดหลัง ปวดไหล่ ปวดศีรษะ
- ประโยชน์ทางจิตใจ ทำให้รู้สึกสดชื่นแจ่มใส ช่วยผ่อนคลายจิตใจ
- ประโยชน์ต่อสังคม หากผู้นวดและผู้ถูกนวดเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน การนวดจะช่วยสร้างความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ทำให้เกิดความเข้าใจ ความเอื้ออาทรรักใคร่ ช่วยผ่อนคลายมากขึ้น
ประโยชน์โดดเด่นดีงามขนาดนี้ ไม่ยอมรับการนวดบ้าง ก็ยังไงๆ อยู่นะคะ ส่วนบ.ก.ใช้บริการการนวดถี่บ่อยแบบเดือนละ 2-3 ครั้ง โดยแม้แต่ตอนเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ที่หมอนวดไทยมักบอกว่า ไม่ควรนวด เนื่องจากจะทำให้โรคลุกลาม แต่บ.ก.คิดสรตะ แบบเข้าข้างตัวเองแล้ว ก็ยังรับการนวดอยู่ดี แต่เป็นการนวดเท้า
คลิกเลข 3 เพื่ออ่านหน้าถัดไป
ประสบการณ์มากมายและยาวนานขนาดนี้ บอกมาสิว่า มีวิธีเลือกอย่างไร
- เลือกร้านที่สะอาด โปร่ง ไม่จุดอโรมาหรือน้ำมันหอมระเหยจนฉุน เนื่องจากเราอาจแพ้บางกลิ่นก็ได้ สว่างหน่อยจะดีกว่า แม้หลายคนชอบหลับระหว่างนวด แต่ก็ไม่ต้องคาดหวังว่าเมลาโทนินจะหลั่งก็ได้มั๊ย (เมลาโทนินจะหลั่งตอนหลับสนิทในที่มืดสนิท) เพราะในที่สลัวๆ อย่างนั้น หมอนวดอาจเผลอหลับไปด้วยก็ได้ เราเจอมาแล้วค่ะ ถ้าจะให้ดีที่สุด ส่วนตัวบ.ก.ชอบแบบโอเพ่นแอร์ค่ะ ได้ลมธรรมชาติพัดมาเบาๆ ดูเงาใบไม้ไหวเอนบนผนังเพลินๆ
- หมอนวดมีอัธยาศัยดี ไม่ช่างซักถามเรื่องนั้นเรื่องนี้ หรือนินทาลูกค้าคนอื่นให้เราฟัง สิ่งเหล่านี้สะท้อนความไม่ตั้งใจที่จะช่วยเยียวยาร่างกายเรา และแน่นอนเราเสี่ยงต่อการบาดเจ็บได้
- ที่สำคัญหมอนวดต้อง “นวดเป็น” ต้องรู้ว่าจุดไหนอยู่ไหน เช่น นวดเท้าก็ต้องรู้จุดสะท้อนเท้า ลงน้ำหนักถูกต้อง เอ็นเส้นไหนอยู่ไหน ผ่อนน้ำหนักเป็น ไม่ใช่นวดไปเรื่อยๆ การนวดที่ดีที่สุดที่เคยเจอคือ การประยุกต์สิ่งที่เรียนมาจากตำรานวดไทย เข้ากับไลฟสไตล์ที่ก่ออาการผิดปกติอย่างออฟฟิศซินโดรม แทนการกดให้เส้นจม แล้วไม่ช่วยแก้ปัญหาระยะยาว หมอนวดควรมีวิธีทำให้เส้นรั้งตึง เข้าไปพันกันอย่างผิดปกติ กลับมา “หย่อนคลาย” เป็นธรรมชาติ
- ราคาสมเหตุสมผล อันนี้ก็ฝากไว้ให้อยู่ในดุลยพินิจของผู้รับการนวดก็แล้วกันค่ะ สำหรับบ.ก.จะเลือกที่ไม่แพงมาก เพื่อกันเงินส่วนหนึ่งไว้ให้ทิปส์หมอนวด เพราะอย่างที่รู้กัน สถานที่นวดหลายแห่งบริหารงานโดยนักธุรกิจ หมอนวดที่ดูแลเราในบางที่อาจได้เงินไม่ถึง 50% ของที่ที่เราจ่ายไป แต่นั่นไม่ได้หมายรวมทุกสถานที่นวดนะคะ เพราะหลายที่ที่เจอก็แบ่งเงินให้หมอนวดอย่างเป็นธรรมมากๆค่ะ
อย่างไรก็ตาม นี่คือประสบการณ์ส่วนตัว บ.ก.นำมาฝากกันด้วยความหวังดีค่ะ บางคนอาจมีวิธีเลือกมากกว่านี้ ก็คอมเม้นท์มาได้นะคะ เผื่อแผ่เพื่อนๆ ร่วมเพจจ้า